นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 351 อู๋เทียนเหอหายตัวไป
“เธอรอเดี๋ยวก่อนนะ!” เฉินจุนเหยียนเดินไปที่โต๊ะ ก่อนจะหยิบเอกสารสองสามฉบับ หันกลับมายื่นให้ซูฉิง ก่อนจะจ้องเธอด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ “นี่คือนักแสดงและผู้กำกับที่ฉันเลือก เธอลองดูว่าเหมาะไหม”
ซูฉิงรับไปก่อนจะเริ่มอ่านข้อมูลทีละหน้า
ผู้กำกับที่ถูกเฉินจุนเหยียนเลือกเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างภาพยนตร์วรรณกรรมและศิลปะ เข้าใจภาษาวัฒนธรรมดีและรายละเอียดของการฝึกนักแสดง ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล แค่นางเอกของเรื่องนี้นี่สิ…
ซูฉิงจิ้มนิ้วที่รูปภาพบนเอกสารก่อนจะเชยตามองเฉินจุนเหยียนและพูดว่า “ฉันเคยดูละครที่ตู้เจียเยว่เล่นแล้ว ละครเรื่องก่อนๆ ของเธอส่วนใหญ่เป็นละครพีเรียด เล่นสายตาได้ดีมาก แต่อารมณ์ไม่ค่อยเข้ากับบุคลิกนางเอก
ในความคิดของฉัน เปลี่ยนนางเอกเป็นหลิวเสี่ยวหนิงดีกว่านะ นิสัยค่อนข้างใสสะอาดแต่แน่วแน่”
อาจบอกได้ว่าหลิวเสี่ยวหนิงถูกซูฉิงค้นพบ เธอรู้ดีว่าพนักงานของเธอเหมาะกับบทบาทใด นอกจากนี้ นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่เธอถ่ายทำโฆษณา “น้ำแข็งและไฟ” ของตระกูลฮ่อกรุ๊ป หลิวเสี่ยวหนิงก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
เฉินจุนเหยียนครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ได้สิ เมื่อกี้เป็นแค่ผู้สมัครที่เพิ่งได้รับการพิจารณา ยังเปลี่ยนทันนะ เดี๋ยวฉันจะโทรหาผู้จัดการของพวกเขาเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากที่เฉินจุนเหยียนออกไปโทรศัพท์ ปลายนิ้วของซูฉิงก็แตะบนโต๊ะกาแฟ ก่อนจะได้สายจากยวี๋น่า
“น่าน่า เป็นอะไรเหรอ? มีอะไรหรือเปล่า?”
สิ่งที่ได้จากปลายสายคือเสียงร้องไห้และน้ำเสียงกังวลของยวี๋น่า “ซูฉิง เทียนเหอหายไป ฉันตามหาเขาทุกที่แล้ว ทำยังไงดี!”
“ว่าไงนะ? อู๋เทียนเหอหายไปเนี่ยนะ?” ซูฉิงเองก็ตกใจที่ได้ยินแบบนั้น เธอลุกขึ้นจากโซฟาและหยิบกระเป๋าเตรียมเดินออกไป
เธอเดินไปและพูดปลอบใจยวี๋น่าไปด้วย “ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย รอฉันเดี๋ยวเดียวนะ!”
“ซูฉิง เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เมื่อเห็นว่าสีหน้าซูฉิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เฉินจุนเหยียนก็วางสายและถามอย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้ฉันมีเรื่องต้องจัดการ ฉันฝากเรื่องนักแสดงก่อน มีอะไรโทรหาฉันนะ!” หลังจากพูดจบ ซูฉิงก็รีบออกจากห้องทำงาน
เมื่อซูฉิงมาถึงห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาล เธอผลักประตูเสียงดัง และข้างในมีเพียงยวี๋น่าเท่านั้น
ยวี๋น่าเอามือปิดหน้า ไหล่ยังคงสั่นไม่หยุด ทั้งยังร้องไห้อย่างหนัก
“เป็นยังไงบ้าง?” ซูฉิงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับไหล่แล้วถาม
ยวี๋น่าส่ายหัว แม้แต่เสียงของเธอก็ยังสั่น “ไม่…ฉันหาเขาไม่เจอเลย ฉันหาทั้งข้างหน้าและข้างหลังโรงพยาบาลหมดแล้ว หาทุกที่หมดแล้ว ไม่มีเลย…เขาไปไหนกันแน่? คงไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับเขาใช่ไหม?”
ซูฉิงขมวดคิ้วและมองไปรอบๆ และแน่นอนว่าไม่เจอแม้แต่เงาของอู๋เทียนเหอ
เธอเอื้อมมือไปตบหลังของยวี๋น่าเบาๆ ก่อนจะพูดปลอบโยน “ไม่ต้องตกใจไปนะ เดี๋ยวเราออกไปหากัน แถวนี้มีสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ถ้าอู๋เทียนเหอออกไปก็น่าจะมีคนเห็น อีกั้งขาเขาก็บาดเจ็บคงเดินไม่สะดวก ต้องเด่นมากแน่ คงมีคนสังเกตเห็น”
ในที่สุดยวี๋น่าก็หยุดร้องไห้ มองไปที่ซูฉิงพลางพยักหน้า
ทั้งสองออกจากโรงพยาบาล เดินถามคนตามถนนใกล้ๆ ว่าเห็นอู๋เทียนเหอหรือไม่
แต่ทว่ากลับไม่มีคนเห็นอู๋เทียนเหอเลยสักคน
ความรู้สึกของยวี๋น่าดิ่งลงเรื่อยๆ
ยวี๋น่าและซูฉิงมาถึงสวนสาธารณะเล็ก ๆ ในเวลานี้ยวี๋น่าเหนื่อยและปวดหัว ในใจก็กังวลแทบตายอยู่แล้ว
“เทียนเหอ นายไปอยู่ไหนกันแน่…” ยวี๋น่าพิงราวของอุปกรณ์ออกกำลังกายและมองไปรอบๆ หมดหนทาง
ในสวนสาธารณะมีคนตั้งมากมาย แต่ไม่มีอู๋เทียนเหอเลย
ในเวลานั้นเองมีเด็กชายตัวเล็กเข้ามาตบที่ข้อมือของยวี๋น่าเบาๆ ห่อนจะยื่นกระดาษพับให้เธอ “พี่สาวครับ เมื่อกี้มีพี่ชายคนหนึ่งบอกให้ผมส่งจดหมายนี้ให้พี่ บอกให้พี่ไม่ต้องตามหาเขาแล้วครับ”
พี่ชาย?
หรือว่าจะเป็นอู๋เทียนเหอ?
ยวี๋น่าได้สติก่อนจะหันไปมองรอบๆ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอู๋เทียนเหอ
ในเวลานั้นเด็กน้อยก็เดินจากไปไกลแล้ว ยวี๋น่ามองจดหมายในมือด้วยความรู้สึกผสมปนเป เธอค่อยๆ เปิดกระดาษออกและปรากฏเป็นลายมือของอู๋เทียนเหอ
หัวใจยวี๋น่าเต้นผิดจังหวะ ก่อนจะหลุบตามอง
“ยวี๋น่า ฉันซาบซึ้งมากที่เธอกับซูฉิงช่วยชีวิตฉันจากพื้นที่ภัยพิบัติ แต่ฉันไม่ได้รักเธออีกต่อไปแล้วจริงๆ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่เราสองคนจะมาเกี่ยวพันกันอีก เลิกกันแบบนี้เถอะนะ ตอนที่เธอเห็นจดหมายนี้ ฉังคงออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอไม่ต้องตามหาฉัน รักษาตัวเองด้วยนะ”
เพียงไม่กี่บรรทัด ยวี๋น่ารู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่ง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงบนกระดาษ เธอไม่รู้ว่าตอนนี้อู๋เทียนเหอจะไปไหนได้ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้
ยวี๋น่าค่อยๆ ย่อตัวนั่งลงช้าๆและร้องไห้อย่างขมขื่น “อู๋เทียนเหอ ทำไมนายต้องไปด้วย!”
เขาไปแบบนี้ แล้วขาของเขาจะเป็นยังไงล่ะ?
คุณอาฉีจะมาพรุ่งนี้แล้วนะ!
ทำไมอู๋เทียนเหอถึงเลือกที่จะจากไปเวลานี้ด้วย?
หากขาของเขาไม่ได้รับการรักษาให้ทันเวลา ต้องพิการอย่างแน่นอน…ยวี๋น่าไม่กล้าคิดต่อเลย
บ้านตระกูลสวี
“หว่านเอ๋อร์ แม้ว่าเธอจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ยังต้องพักผ่อนดีๆ นะ หมอบอกว่าเธอยังอ่อนแออยู่มาก”
สวีมู่หยางวางแก้วน้ำอุ่นไว้บนหัวเตียงแล้วนั่งข้างเตียงเพื่อเตือนสติ
สวีหว่านเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียง วันนี้เธอเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล แผลที่ข้อมือของเธอเกือบจะหายแล้ว แต่ยังคงทิ้งรอยแผลเป็นที่น่าสยดสยองไว้จนเห็นได้ชัดมาก
“อืม ฉันจะทำตามนั้น” สวีหว่านเอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ก่อนจะถามสวีมู่หยาง “พี่ หยุนเฉิงล่ะคะ? ทำไมช่วงนี้ไม่มาเยี่ยมฉันเลยล่ะ?”
สวีมู่หยางชะงักไปครู่หนึ่ง เขาคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดกับสวีหว่านเอ๋อร์ “ฮ่อหยุนเฉิงไปที่พื้นที่ภัยพิบัติเพื่อบรรเทาผู้ประสบภัยพิบัติน่ะ อีกสักพักก็กลับมา แล้วก็…”
“แล้วก็อะไร?” สวีหว่านเอ๋อร์ถาม
สวีมู่หยางถอนหายใจ “ซูฉิงกลับมาแล้ว”
“ซูฉิงกลับมาแล้วเหรอ?” สวีหว่านเอ๋อร์ลุกขึ้นนั่งทันที สายตาของเธอเปลี่ยนไปก่อนจะพูดขึ้นเสียง “เธอจะกลับมาได้ยังไง…”
เมือง Y เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขนาดนั้นก็ยังเอาชีวิตเธอไม่ได้?
ซูฉิงนี่มันดวงแข็งจริงๆ!
สวีหว่านเอ๋อร์หลุบตาลง มือขวาของเธอกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นจนมือสั่นเล็กน้อย และรอยแผลเป็นบนข้อมือของเธอยิ่งเด่นชัดขึ้น
เมื่อมองรอยแผลเป็นที่ไม่น่าดูบนข้อมือของเธอ สายตาสวีหว่านเอ๋อร์ก็ฉายถึงความเกลียดชัง
ถ้าไม่ใช่เพราะยัยซูฉิงหน้าไม่ตายอ่อยฮ่อหยุนเฉิงไปได้ เธอจะมาฆ่าตัวตายทำไม? แล้วจะทิ้งรอยแผลเป็นน่าเกลียดนี่ไว้ได้ยังไง!
ตอนนี้ยัยซูฉิงเลวนั่นยังมีหน้าจะกลับมาอีก! กลับมาแบบไม่เจ็บตัวด้วย!
สายตาของสวีหว่านเอ๋อร์ฉายถึงความมืดมน
ซู! ฉิง!
ยัยเลวหน้าไม่อาย!
ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่!!