นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 352 ศัตรูที่ไม่อยากเจอ ยิ่งเจอยิ่งอาฆาต
ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว และยังไม่ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับอู่เทียนเหอเลย
ซูฉิงที่ทนมองไม่ได้ก็เกลี้ยกล่อมยวี๋น่าให้กลับบ้านไปพักก่อน
ส่วนอู๋เทียนเหอ เธอจะคิดหาวิธีอื่น
บ่ายวันนั้น เครื่องบินที่ฉียวี่ชูขึ้นก็เพิ่งมาถึงเมือง A
เมื่อเห็นฉียวี่ชูในฝูงชน ซูฉิงก็โบกมืออย่างแรง “คุณอาฉี!”
เธอรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของฉียวี่ชูและหยิบกระเป๋าเดินทางมาจากเขา
ฉียวี่ชูยิ้ม “สถานการณ์แฟนของยวี๋น่าเป็นยังไงบ้าง? เราไปโรงพยาบาลกันเลยเถอะ”
เมื่อได้ยินคุณอาฉีพูดถึงอู๋เทียนเหอ ซูฉิงก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว
“เขาเลิกกับยวี๋น่าแล้วค่ะ แถมเมื่อวานเขาก็หนีออกจากโรงพยาบาล ตอนนี้ฉันกับยวี๋น่ายังไม่รู้เลยว่าเขาไปที่ไหน แล้วก็หาเขาไม่เจอด้วยค่ะ คุณอาฉีไปพักที่โรงแรมก่อนสักสองสามวันดีไหมคะ”
ฉียวี่ชูขมวดคิ้ว “งั้นก็ได้”
ทันใดนั้นซูฉิงก็นึกถึงอาเสว่ ดังนั้นเธอจึงลองพูด “จริงสิ คุณอาฉี ฉันมีคำถามอยากจะถามคุณอา”
ช่วงที่ฉียวี่ชูมองเธอ ซูฉิงจึงพูดด้วยความระมัดระวัง “ฉันอยากรู้ว่า…ใครคือคุณอาเสว่คะ ทำไมพวกคุณถึงบอกว่าฉันคล้ายกับเธอ พวกคุณยังเป็นเพื่อนกันด้วยเหรอคะ?”
เมื่อได้ยินชื่อของอาเสว่ ดวงตาของฉียวี่ชูก็หรี่ลง เขาเงียบอยู่นานก่อนจะถามกลับ “เธอรู้ได้ยังไง? ทำไมถึงถามถึงอาเสว่ล่ะ?”
ซูฉิงบอกฉียวี่ชูถึงเรื่องที่คุยกับคุณยายบนเขา
ฉียวี่ชูเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจ้องไปที่ซูฉิง “เป็นแค่เพื่อนที่แต่ก่อนเคยรู้จักน่ะ เพื่อนเก่าไม่มีอะไรให้พูดหรอก”
เมื่อเห็นว่าคุณอาฉียืนกรานที่จะปฏิเสธที่จะพูด ซูฉิงรู้สึกงงงวยมากยิ่งขึ้น
ผู้หญิงที่ชื่ออาเสว่คนนี้คือใครกันแน่?
ทำไมคุณฉีถึงไม่ยอมบอกเธอ?
แต่ในเมื่อเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของคนเขา ถ้าคุณอาฉีไม่ต้องการพูดถึง เธอเองก็จะไม่พูดอะไรอีก
ชั่วพริบตาก็ผ่านไปหลายวัน อู๋เทียนเหอก็ยังคงไร้วี่แวว
บาร์เหล้า
ยวี๋น่านั่งอยู่ที่บาร์เพียงลำพัง ในมือถือเหล้าต่างประเทศครึ่งขวดไว้ และแก้วที่เธอหยิบขึ้นมาก็เห็นได้ชัดว่าเหลือเพียงก้นแก้ว เธอดื่มไปอีกอึกใหญ่ก่อนจะรู้สึกขมมาก
ในขณะนั้นเองโทรศัพท์ก็เกิดเสียงดังไม่หยุด ยวี๋น่าควักมือถือออกมาเล้วกดปุ่มรับสาย
“เธออยู่ไหนน่ะนวี๋น่า? ทำไมโทรตั้งหลายสายก็ไม่รับเลยล่ะ” ซูฉิงถามอย่างกังวล
ตาของยวี๋น่าพร่ามัวจนพูดไม่ชัด “ฉันเหรอ?…ฉันดื่มที่บาร์ที่เรามาบ่อยๆ น่ะ ไม่ต้องห่วงฉันหรอกนะ…”
“ฉันจะไปรับนะ” ซูฉิงเป็นห่วงยวี๋น่า และถอนหายใจเล็กน้อย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถของซูฉิงก็มาจอดตรงทางเข้าบาร์
ทันทีที่เข้าไปก็เห็นถึงบรรยากาศแสงสีเสียงและชายหญิงที่กำลังดื่มและจีบกัน
ซูฉิงพยายามแหวกฝูงชน สายตาของเธอมองหายวี๋น่าไปทั่ว จากนั้นก็เหลือบมองไปก็เห็นร่างที่คุ้นเคย
แอนนี่
แอนนี่ในเวลานี้สวมชุดเดรสสายเดี่ยวเป็นประกาย และเอนกายลงข้างๆ ชาวต่างชาติที่มีผมบลอนด์ตาฟ้า ในมือถือแก้วไวน์และส่งเข้าปากของชายผู้นั้นด้วยรอยยิ้ม
“จอน เราตกลงกันแล้วนะคะ ฉันดื่มกับคุณหมดแก้วนี้ นักแสดงนำหญิงที่เป็นนางรองในภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่คุณลงทุนจะต้องเป็นของฉันนะ—”
“เข้าใจแล้วน่า” จอนเป็นนักลงทุนชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงและเคยลงทุนหนังมาหลายเรื่อง ตอนนี้เขาตบต้นขาเนียนๆ ของแอนนี่ด้วยแววตาเป็นประกาย
“ตราบใดที่เธออยู่กับฉัน ก็เป็นของเธอทั้งหมดนั่นแหละ”
แอนนี่ยิ้มในขณะที่กลั้นความคลื่นไส้ไว้ในใจ เธอลืมตาขึ้นก่อนจะบังเอิญไปสบตากับซูฉิงเข้า
นัยน์ตาของแอนนี่เย็นชาและเคร่งขรึมขึ้นทันที
ซูฉิง?!
ทำไมหล่อนถึงมีหน้ามาโผล่ที่นี่อีก!
ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนในตอนแรก ตัวเองจะถูกลดมาเป็นนักแสดงตัวประกอบที่ไม่มีใครสนใจได้ยังไง? ตอนนี้ต้องมาดื่มกับผู้ชายแถมยังต้องเปิดห้องเพื่อบทพังๆ อีก? ไม่ยุติธรรม!
เมื่อคิดได้ดังนั้น แอนนี่ก็กัดฟันกรอด
“มองอะไรน่ะ?” จอนที่สังเกตเห็นสายตาแอนนี้ผิดปกติจึงเอ่ยถาม
เขาหันมองตามสายตาของแอนนี่
ทันทีที่เขาเห็นซูฉิง ดวงตาของจอนก็เป็นประกาย เขามาอยู่เมือง A ตั้งนานแต่ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่สวยเท่าซูฉิงเลย
“หึ…” เขาพึมพำ นิ้วหัวแม่มือลูบริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว ดวงตาวาวโรจน์ด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะใช้นัยน์ตาราวเสือชีตาห์ที่เห็นเหยื่อของมัน “สวยมากเลยนี่…สวยจนน่าตะลึงไปเลย”
แอนนี่ใส่ใจทุกย่างก้าวของจอน เธอรู้ว่าชายคนนี้เป็นพวกเฒ่าหัวงูและคิดแต่วิธีวิปริตถึงเรื่องบนเตียง เธออดทนมาตลอดถึงได้ข้อมูลอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาจากจอน
แต่พอมองจอนที่เป็นแบบนี้ 80% คงต้องถูกใจซูฉิงแน่…
แอนนี่รู้จักเขาดี เธอจึงอิจฉาซูฉิงมากขึ้น มือที่จับชายกระโปรงจะกำแน่นและมองไปทางซูฉิงด้วยความเกลียดชัง
ชูฉิงไม่มองแอนนี่แล้ว ตอนนี้มีของให้น้อยลงดีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือตามหายูนา
เมื่อเห็นว่าซูฉิงกำลังจะจากไป จอนก็นั่งไม่นิ่ง ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแอนนี่แล้วรีบเดินฝ่าฝูงชนรอบๆ ตัวเขาอย่างรวดเร็ว และเดินไปที่ด้านข้างของซูฉิง พร้อมเผยรอยยิ้มที่คิดว่าเป็นสุภาพบุรุษมากที่สุด
“เฮ้ สาวสวย คุณมาคนเดียวเหรอครับ? สนใจไปดื่มกับผมตรงนั้นไหมครับ?”
จอนชี้ไปที่ที่นั่งของตัวเอง และสายตาของเขาก็ชำเลืองมองไปที่ร่างกายของซูฉิง
ซูฉิงก้าวถอยหลังอย่างตื่นตัวและพูดอย่างเย็นชาว่า “ขอโทษทีค่ะ เพื่อนของฉันอยู่ที่นี่ ฉันต้องไปหาเธอน่ะค่ะ”
พูดจบซูฉิงก็จะเลี่ยงจองแล้วเดินตรงไปด้านหน้า ทว่ากลับถูกเขาคว้าข้อมือไว้จนร่างกายเซไป
จอนแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษและกล่าวว่า “อย่ารีบไปสิครับคนสวย ถ้าคุณอยู่ดื่มกับผมสักแก้ว ผมคงดีใจมาก จากนั้นผมค่อยไปหาเพื่อนคุณด้วยก็ยังไม่สายนะครับ”
ซูฉิงเหลือบมองจอนด้วยความขยะแขยง ก่อนจะรักษาระยะห่างจากเขาและดึงมือของเธอกลับ “นี่ไม่ใช่ประเทศของคุณนะคะ โปรดให้เกียรติกันด้วยค่ะ!”
สีหน้าของจอนเริ่มจริงจัง เห็นได้ชัดว่าเขาถูกสายตาทิ่งแทงของซูฉิงกระตุ้น ก่อนจะไม่เสแสร้งอีก
เขาลากซูฉิงเข้าไปในอ้อมแขนก่อนจะก้มศีรษะเพื่อจูบเธอด้วยความโมโห
ใครจะคิดว่าซูฉิงจะไม่อ่อนข้อ เมื่อเห็นว่าตัวเธอไม่สามารถหลุดพ้นได้ก็กระทืบเท้าจอนอย่างแรง และเมื่อชายคนนั้นต้องปล่อยเพราะความเจ็บปวด เธอก็ตบหน้าจอนอีกครั้ง
“ขอโทษที ฉันไม่สนใจคนแบบคุณเ ถ้าไม่อยากโดนตบอีกก็รีบหลีกไปซะ!”
ซูฉิงทิ้งคำพูดไว้อย่างเย็นชาและจากไปอย่างรวดเร็ว
จอนจ้องไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวอย่างโกรธจัด
เขาไม่เคยถูกดูหมิ่นขนาดนี้มาก่อน!
ให้ตายเถอะ!
เขาต้องหาทางจับผู้หญิงคนนี้ให้ได้!