นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 431 ต่างคนต่างมีความลับ
ตอนที่ 431 ต่างคนต่างมีความลับ
อู๋ชิงหร่านพยักหน้า “ใช่ ฉันต้องการชีวิตของหล่อน ถ้าช่วยฉัน มีอะไรอยากได้ฉันให้ได้หมด”
ความคิดของอู๋ชิงหร่านบ้ามาก ถ้าไม่ใส่ใจอาจฆ่าซูซานได้เลย แน่นอนว่าซูซานรู้เรื่องนี้ แต่เธอยังคงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ เห็นได้ชัดว่าสนใจร่วมมือกับอู๋ชิงหร่านมาก
“ยินดีที่ได้ร่วมงานด้วยนะคะคุณอู๋”
“ยินดีเช่นกันค่ะ คุณนักออกแบบ”
ผู้หญิงสองคนจับมือกันพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ภายใต้ใบหน้าที่สวยงามต่างก็มีอะไรซ่อนเร้น
ซูซานไม่เคยคิดจะช่วยอู๋ชิงหร่านจริง เธอฉลาดกว่าพวกถังรั่วอิง แม้ว่าอู๋ชิงหร่านจะบอกว่าเธอต้องการชีวิตของลีโอ เธอชินเรียกซูฉิงว่าลีโอ แต่เธอเป็นนักออกแบบ เธอไม่สามารถสูญเสียทุกสิ่งที่เธอมีได้
ดังนั้น ถ้าเป็นคนอื่นก็คงเหมือนกันแหละมั้ง
ดวงตาของอู๋ชิงหร่านกะพริบมองไปรอบๆ แต่ไม่นานก็กลับมา การจับมือกันก็เป็นเพียงการสร้างภาพเพียงครู่เดียวแล้วจึงปล่อย
เดิมทีก็ไม่ได้มีมิตรภาพอะไรมากนัก จึงไม่ต้องแสร้งทำเป็นสนิทกัน
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็นแบนี้แล้ว งั้นฉันจะรอข่าวดีจากคุณอู๋นะคะ” ซูซานเลิกคิ้วขึ้น เธอไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติ คนที่เคยเป็นที่หนึ่งจะยอมให้ตัวเองจะตกอันดับได้ไง
อู๋ชิงหร่านพยักหน้า บรรลุเป้าหมายแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ
ขณะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับ เธอก็ถูกซูซานเรียกไว้
ซูซานกลับไปที่โต๊ะ หยิบกุญแจและเปิดลิ้นชักด้านล่าง หยิบกระเป๋าเงินและหยิบการ์ดออกมายื่นให้อู๋ชิงหร่านแล้วพูดว่า “คุณอู๋คะ ถึงแม้ว่าเงื่อนไขที่คุณพูดมันจะบ้ามาก แต่ฉันคิดว่า ในเมื่อคุณช่วยฉันแล้ว ฉันก็ต้องให้รางวัลตอบแทน การ์ดใบนี้ถือเป็นการแก้แค้นของฉัน จำไว้นะคะว่าต้องทำตามแผน ถ้าฉันเห็นแบบภาพแล้ว ฉันจะหาทางสนองความต้องการของคุณค่ะ”
อู๋ชิงหร่านยิ้มอย่างพึงพอใจ สิ่งที่เธอรอคือคำพูดนี้ของซูซาน
“คุณซูพูดแบบนี้แล้ว ฉันก็วางใจค่ะ ฉันจะมอบแบบร่างของซูฉิงให้คุณแน่นอนค่ะ”
เมือง A
ท่านผู้เฒ่าฮ่อทำอะไรทำด้วยความมุ่งมั่น ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิงขอให้เขาเลือกวันแต่งงาน ไม่นานเขาให้คนกระจายข่าวนี้ออกไป ด้านหนึ่งคือการทำให้ซูฉิงที่อยู่ในฐานะว่าทีคุณหญิงของประธานของตระกูลฮ่อกรุ๊ปมีความมั่นคง อีกทางหนึ่งก็คือตัดความคิดที่คนอื่นอยากได้ฮ่อหยุนเฉิงไป
เนื่องจากได้คำแนะนำของประธานเก่าของตระกูลฮ่อกรุ๊ป ข่าวจึงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงสองวันทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และอินเทอร์เน็ตก็รายงานว่าฮ่อหยุนเฉิงและซูฉิงกำลังจะจัดพิธีหมั้นในวันที่ห้าของเดือนหน้า
สวีหว่านเอ๋อร์พักผ่อนอยู่บ้านตลอดตั้งแต่เธอกลับมาจากเกาหลีใต้ สวีจื่อหยางกลัวน้องจะเห็นข่าวของฮ่อหยุนเฉิง จึงมักจะสั่งให้คนใช้เก็บพวกนิตยสารออกไป แต่วันนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่เขาไม่ได้อยู่บ้าน
“คุณฮ่อหยุนเฉิง ประธานตระกูลฮ่อกรุ๊ป…”
สวีหว่านเอ๋อร์หยิบรีโมทคอนโทรลขึ้นมาเปลี่ยนช่องอย่างเกียจคร้าน และผลคือข่าวซุบซิบกำลังออกอากาศทางทีวีพอดี เมื่อเสียงของพิธีกรดังขึ้น และได้ยินชื่อฮ่อหยุนเฉิง ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์ก็สว่างไสวและมีท่าทีจริงจัง
“…ตามแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้นะคะ เขากับคุณซูฉิงจะจัดพิธีหมั้นในวันที่ห้าของเดือนหน้า ตามรายชื่อนั้น ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการคัดเลือกนะคะ”
สวีหว่านเอ๋อร์ได้ยินชื่อของซูฉิง สีหน้าของเธอก็มืดมน ดวงตาเริ่มนิ่ง ในใจรู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง เธอทรมานขนาดนี้เพื่อฮ่อหยุนเฉิง แต่สุดท้ายกลับคบกับซูฉิงเนี่ยนะ?
ยัยผู้หญิงบ้านนอกนั่นมีดีกว่าเธอตรงไหนกัน?
ดวงตาของสวีหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยความเย็นเยือก เธอกำโซฟาไว้แน่น ไม่สามารถทนได้ ทนฮ่อหยุนเฉิงที่ไม่ยอมรับเธอไม่ได้ และตั้งใจไปแต่งงานกับซูฉิง
ไม่ได้ เธอปล่อยให้ฮ่อหยุนเฉิงอยู่กับซูฉิงไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้!
สิ่งที่เธอไม่ได้ ก็จะให้ซูฉิงเอาไปไม่ได้!
ถังรั่วอิงถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจหลังจากถูกพวกซูฉิงเปิดโปงในวันหมั้น และถูกจำคุกในข้อหาขโมยและฉ้อโกง อย่างน้อยก็ติดคุกสิบปี
ในช่วงเวลานี้ ชีวิตในคุกคงทำให้ชีวิตเธอเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย
นักโทษหลายคนดูถูกเธอและสิ่งที่เธอทำนั้น มีแต่คนเยาะเย้ยถังรั่วอิง เลยมี “พวกพี่ใหญ่” หลายคนในคุกคอยกลั่นแกล้งเธอทั้งวัน ตอนให้เธอไปหยิบน้ำมาล้างหน้าก็โดนก๊อกน้ำ ตอนกินอาหารก็ถูกคว่ำจานลงพื้น และยังให้เธอเป็นคนล้างเท้าเป็นเวลาห้าปี
“ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น เป็นแค่คนหลอกลวงความรู้สึกคนอื่น ยังคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูหรือไง? ฉันได้ยินมาว่าพ่อเธอก็เป็นคนลักพาตัวไม่ใช่หรือไง?”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเตียงเหลือบมองถังรั่วอิงที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะอดเยาะเย้ยไม่ได้
ฟ่านยวี่เหมยถูกขังเพราะแก้แค้นสามีที่ใช้ความรุนแรงในครอบครัว แม้ว่าเธอจะฆ่าคนแต่ก็ไม่เคยเสียใจ กลับกันยังดูถูกคนอย่างถังรั่วอิงมากด้วย
ถังรั่วอิงเกลียดเวลาคนอื่นพูดถึงครอบครัวของเธอ แต่เธอถูกรังแกมามากพอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอที่ติดคุกมาหลายปีแล้ว คิดจะทำอะไรเธอก็เป็นเรื่องง่ายมาก
แม้ว่าถังรั่วอิงจะโกรธ แต่เธอก็รู้ว่าในเวลานี้เธอต้องอดทน เธอเพียงแค่จ้องฟ่านยวี่เหมยด้วยความโกรธ ไม่พูดอะไรและไม่ทำอะไรเลย
“โห ยังกล้าจ้องฉันงั้นเหรอ? คิดว่าฉันเป็นคนอารมณ์ดีสินะ?” ฟ่านยวี่เหมยเยาะเย้ยและถ่มน้ำลายลงกับพื้น ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกถังรั่วอิง
นักโทษหญิงหลายคนที่อยู่ข้างๆ ก็อดพูดไม่ได้ “พี่เหมยคะ อย่าโกรธไปเลย หล่อนก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่เหรอคะ? ไม่ใช่วันแรกที่เข้ามาด้วย”
พูดจบ นักโทษหญิงผมสั้นก็โปรยเมล็ดแตงโมจำนวนหนึ่งที่เหลืออยู่ในมือของเธอลงบนพื้น และเปลือกเมล็ดแตงโมก็กระโดดไปที่ใบหน้าของถังรั่วอิง
ยิ่งถังรั่วอิงโมโห ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าจ้องไปที่นักโทษหญิงผมสั้น
“โห เป็นอะไร? ใจกล้าจ้องฉันด้วยใช่ไหม?” นักโทษหญิงผมสั้นจ้องเขม็ง ไม่เหมือนฟ่านยวี่เหมย พูดจบก็ตบถังรั่วอิง
“เพียะ” เสียงดังจนใบหน้าถังรั่วอิงปรากฏรอยแดง นักโทษหญิงเหลือบมองไปเธอ “ช่างเป็นตัวปัญหาจริง คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูล่ะสิ ไม่ดูตัวเองเลยว่าเป็นตัวอะไร ยังคิดจะไต่เต้าขึ้นไปที่สูงเนี่ยนะ? คิดว่าใครสนกัน”