นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 466 รับรู้ความจริงนั้นดีกว่า
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 466 รับรู้ความจริงนั้นดีกว่า
สุดท้ายเธอก็หันไปเหลือบมองฮ่อหยุนเฉิงก่อนจะทำสายตาล้อเลียน “ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของนายล่ะนะ —ไม่งั้นฉันก็ไม่ตกลงด้วยหรอก”
ฮ่อหยุนเฉิงส่งเสียงไม่พอใจ และกะจะทำอีกคนตกใจ จู่ๆ โจเซฟก็บุกเข้ามาและหลินเหยียนเฟิงเองก็รีบตามเข้ามาด้วย พอเห็นฮ่อหยุนเฉิงกับซูฉิงก็รีบพูดขึ้น “ขอโทษครับท่านประธาน คุณหญิง เขา…จู่ๆ เขาก็วิ่งเข้ามาบอกว่ามาหาคุณซู ผมห้ามเขาแล้วก็ห้ามไม่ได้เลยครับ”
เมื่อซูฉิงเห็นโจเซฟก็รู้สึกปวดหัวทันที โดยไม่รู้ตัว เป็นชายหนุ่มอายุ 21 หรือ 22 ปี แม้ว่าเขาจะเป็นคนฝรั่งเศส แต่ก็กระตือรือร้นเกินไปแล้ว…
โจเซฟพ่นลมและจ้องตรงไปที่ซูฉิง เขาที่เห็นฮ่อหยุนเฉิงก็ยังประหลาดใจพร้อมทั้งเบิกตากว้าง
เป็นชายคนที่ขวางไม่ให้เขาได้ข้อมูลติดต่อในคืนนั้น
“นายนี่เอง! —นายคือคนที่โทรหาซูฉิงใช่ไหม?”
ฮ่อหยุนเฉิงส่งเสียงไม่พอใจ ก่อนจะพยักหน้าให้หลินเหยียนเฟิง และโบกมือให้เขาไปทำงานของตัวเอง และเมื่อประตูห้องทำงานปิดลงอีกครั้ง เขาก็เงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มมั่นใจ และมองโจเซฟอย่างยั่วโมโห
“ใช่ ฉันเป็นแฟนของเธอ”
“แฟนเหรอ?” โจเซฟตอบอย่างรวดเร็ว และมองราวกับไม่ได้ใส่ใจ สายตาเขาจับจ้องไปที่ซูฉิงชั่วครู่ จากนั้นก็มองไปยังฮ่อหยุนเฉิงด้วยสายตามาดร้าย
“งั้นต่อจากนี้ไป ฉันจะสู้กับนายอย่างยุติธรรม ฉันเองก็ชอบเธอ ฉันจะจีบเธอด้วย”
ซูฉิงกุมขมับอย่างช่วยไม่ได้
ยั่วฮั่วหยุนเฉิงราชาจอมขี้หึง…เด็กคนนี้นี่ฟังภาษาคนไม่เข้าใจสินะ?
“จีบเธอ?”
ฮ่อหยุนเฉิงแค่นหัวเราะและมองโจเซฟอย่างเหยียดหยาม เขารู้สึกว่าเด็กนี่ชักจะมั่นใจเกินไปแล้ว เขาโอบตัวซูฉิงที่อยู่ข้างๆ ทันทีโดยไม่ให้อีกคนตั้งตัว
“นอกจากจะเป็นแฟนของเธอแล้ว อีกไม่นานฉันก็เป็นคู่หมั้นของเธอด้วย เรากำลังจะหมั้นกันในสัปดาห์หน้า คุณโจเซฟ ฉันคิดว่านายควรตระหนักถึงความจริงจะดีกว่านะ”
ซูฉิงเม้มริมฝีปาก เธอไม่พูดอะไร และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดีในตอนนี้
เมื่อเผชิญกับการยั่วยุ ฮ่อหยุนเฉิงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก และโจเซฟก็ไม่ใส่ใจ ในโลกของเขา ตราบใดที่เขาพากเพียร ก็ไม่มีอะไรที่เขาจะไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาที่ชอบซูฉิงมาก
รักแรกพบอะไรทำนองนั้น
เขาแสวงหาความรักอิสระและแบบโรแมนติก นับประสาอะไรกับผู้หญิงที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องลองดู
“ทำไมฉันต้องยอมรับความจริง? พวกคุณยังไม่แต่งงานกันไม่ใช่เหรอ? ตราบใดที่ยังไม่แต่งงาน ฉันก็ยังพอมีโอกาส ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย ใครจะไปรู้ซูฉิงอาจจะชอบฉันก็ได้นะ?”
คำตอบของโจเซฟดูมั่นใจมาก ฮ่อหยุนเฉิงที่ได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้
เด็กนี่มันมั่นใจเกินไปแล้ว
“งั้นก็คอยดู เอาล่ะ ถ้าคุณโจเซฟไม่มีอะไรแล้วก็โปรดออกไปให้เร็วด้วย ฉันจะไปทานอาหารเย็นกับคู่หมั้นของฉัน”
ฮ่อหยุนเฉิงออกคำสั่งไล่อย่างไร้ความปรานี จากนั้นก็ไม่มองโจเซฟอีกและเดินจับมือซูฉิงออกไป
เมื่อซูฉิงเดินออกจากบริษัท เธอก็ถอนหายใจ “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับอะไรนักหนา…”
ฮ่อหยุนเฉิงจับมือเธอไว้ตลอด ได้ยินเสียงเธอถึงได้หันไปมองท่าทีอีกคน แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หัวเราะและส่ายหัว
ซูฉิงมองเขาด้วยความสงสัย ชายคนที่อยู่ในห้องทำงานเมื่อกี้ยังโมโหอยู่เลย ตอนนี้กลับยิ้มแล้ว? แถมยังยิ้มแปลกๆอีก
“นายเป็นอะไรไป” เธอถามอย่างสงสัย
ฮ่อหยุนเฉิงส่ายหัว “เปล่า เมื่อกี้แค่นึกถึงหน้าตาของโจเซฟแล้วรู้สึกว่ามันตลกน่ะ —แต่ก็ไม่ได้หัวเราะเยาะเขาหรอก แค่รู้สึกว่าเสน่ห์ของภรรยาฉันนี่มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ คนอื่นชอบเธอก็เป็นอันเข้าใจได้”
ซูฉิงจ้องไปที่ฮ่อหยุนเฉิงก่อนจะอดยิ้มออกมาไม่ได้ “แล้วเมื่อกี้นายจะโมโหมากขนาดนั้นทำไม ฉันนึกว่านายจะต่อยกับโจเซฟซะแล้ว”
ฮ่อหยุนเฉิงจับไหล่เธอ “เมื่อกี้มันไม่ใช่เพราะแรงหึงมันขึ้นสมองหรือไง เห็นภรรยาตัวเองถูกคนอื่นจีบ คงไม่มีชายคนไหนไม่หึงหรอกมั้ง?”
ทั้งสองเดินไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มและไปรับประทานอาหารค่ำที่ร้านอาหารใจกลางเมือง
“ซูฉิง ฉันรอที่จะแต่งงานกับเธอไม่ไหวแล้ว” ระหว่างทาง ฮ่อหยุนเฉิงที่นึกถึงโจเซฟยั่วยุก็อารมณ์เสีย
ซูฉิงยิ้มบาง “ก็ดูพฤติกรรมนายล่ะนะ”
…
กลางคืนเริ่มมืด
ชาร์มบาร์ ท่ามกลางแสงสี
หลิวเสี่ยวหนิงนั่งอยู่ที่นั่งและดื่มไวน์ในแก้ว
ของเหลวรสเข้มทำเธอไอออกมาจนต้องปิดปาก และทำให้บาร์เทนเดอร์ที่อยู่ข้างๆ มองตามเสียงมา
“อีกแก้ว”
เมื่อมองไปที่บาร์เทนเดอร์ หลิวเสี่ยวหนิงก็เม้มริมฝีปากพร้อมดันแก้วเปล่าไป ทั้งยังเอ่ยปากอย่างดื้อดึง
“นี่ไวน์แรงมากนะครับ ระวังจะเมา” สีหน้าของบาร์เทนเดอร์ดูโอนอ่อนเล็กน้อย สายตามองไปที่นั่งอีกด้านหนึ่ง
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” หลิวเสี่ยวหนิงขัดเสียงบาร์เทนเดอร์ จ้องมองหยดน้ำที่เกาะแก้วร่วงหล่น
เธอสูดจมูก แต่เสียงเพลงในบาร์กลับค่อยๆ กลายเป็นคำพูดของชายคนนั้น
ฉันถือว่าเสี่ยวหนิงเป็นน้องสาวมาโดยตลอด
น้องสาว…
ความเจ็บในหัวใจแผ่ซ่านไปทั่วร่างของหลิวเสี่ยวหนิง
แม้ว่าหลิวเสี่ยวหนิงจะรู้ว่าคนที่เฉินจุนเหยียนชอบคือซูฉิง แต่พอได้ยินกับหูว่าเขาเห็นเธอเป็นน้องสาว ใจก็ยังรู้สึกขมขื่น
หลิวเสี่ยวหนิงกัดริมฝีปากล่างและกำแก้วไวน์ไว้แน่น
เธออยู่เคียงข้างเฉินจุนเหยียนมาตั้งนาน และแอบรักเขาจนกระทั่งเธอเรียกความกล้าหาญออกมาสารภาพรักกับเขาและถูกเขาปฏิเสธ แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำตัวแปลกไป
ความอ่อนโยน รอยยิ้มของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา…
พอนึกถึง ดวงตาของหลิวเสี่ยวหนิงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และนิ้วที่ถือแก้วก็ค่อยๆ กระชับขึ้น
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น ดวงตาของหลิวเสี่ยวหนิงเป็นประกาย และรีบหยิบมันออกมาดู แต่เมื่อเห็นเบอร์ผู้โทร รอยยิ้มคาดหวังตรงมุมปากก็หายไป
“เสี่ยวหนิง เธออยู่ที่ไหนน่ะ? พรุ่งนี้จะมีประกาศอีกนะ สคริปต์ถูกส่งไปแล้ว” เสียงของผู้จัดการดังมาจากโทรศัพท์
“ฉันไม่อยาก…” หลิวเสี่ยวหนิงบ่นพลางดื่มไวน์อีกครั้ง
เมื่อได้ยินเสียงดนตรีดัง น้ำเสียงของผู้จัดการก็เครียดทันที “ทำไมทางนั้นเสียงดังจัง? นี่เธออยู่ไหนน่ะ เธออยู่ที่…”
“เสียงดังจริง…” หลิวเสี่ยวหนิงวางสายโทรศัพท์ของผู้จัดการเป็นครั้งแรก แอลกอฮอล์ทำให้เธอมึน และเธอก็เห็นคนเดินเข้ามาใกล้
“บังเอิญจริงๆ” ฉินซั่งนั่งลงข้างหลิวเสี่ยวหนิง “มาคนเดียวครับ?”
หลิวเสี่ยวหนิงจำคนตรงหน้าได้ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ฉินซั่งคอยแต่มายุ่งกับเธอด้วยเจตนาไม่ดี ครั้งก่อนเฉินจุนเหยียนออกหน้าแทนเธอจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่
ตอนนี้ก็ไม่คิดว่าจะมาบังเอิญเจอฉินซั่งที่บาร์ หลิวเสี่ยวหนิงที่คิดว่าจะสนใจก็ลุกขึ้นจะเดินจากไปแต่กลับรู้สึกเวียนหัว