นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 514 คุณหนีไม่พ้นหรอก
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น บทที่ 514 คุณหนีไม่พ้นหรอก
ถ้าฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้อยู่ในเมือง B ทำไมโทรศัพท์มือถือของเขาถึงมาอยู่ที่นี่ เที่ยวเรือข้ามฟากเที่ยวสุดท้ายของเมืองBคือเวลาสองทุ่ม ถ้ามีคนคิดอยากจะพาฮ่อหยุนเฉิงออกไปจากเมืองที่นี่ล่ะก็ อย่างเร็วที่สุดก็คงเป็นวันพรุ่งนี้…
ใช่แล้ว มิเชล!
จู่ๆ ชื่อของมิเชลก็แวบเข้ามาในหัวของซูฉิง ฮ่อหยุนเฉิงมาที่เมือง Bเพื่อช่วยมิเชล ถ้าฮ่อหยุนเฉิงหายตัวไปคนสุดท้ายที่เจอเขาควรจะต้องเป็นมิเชลสินะ
เพราะด้วยอำนาจที่มีอยู่พอตัวของฮ่อหยุนเฉิง คนธรรมดาทั่วไปคงไม่คิดจะทำร้ายอะไรเขาได้ บางทีเรื่องนี้อาจมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับมิเชลก็เป็นได้
เดิมทีมิเชลอยากฉวยโอกาสที่ฮ่อหยุนเฉิงไม่มีเรี่ยวแรงพอจะขัดขืนใดๆ รวบหัวรวบหางและยัดเยียดตัวเธอเองให้เป็นของเขา แต่ใครจะรู้ว่าฮ่อหยุนเฉิงนั้นแข็งแกร่งมาก ชายหนุ่มพยายามปฏิเสธและใช้แรงที่มีอยู่ดันทุลังให้ตนเองหลุดพ้นจากเงื้อมมือของมิเชล แต่ด้วยความที่มิเชลเองไม่ได้มีความอดทนมากมายขนาดนั้น เธอพยายามหว่านล้อมและทำใจเย็นกับฮ่อหยุนเฉิง เธอจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับเรื่องแบบนี้โดยเสียเปล่า เพราะเธอกลัวว่ายิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ซูฉิงก็จะยิ่งรู้ตัวได้เร็วเท่านั้น
เธอคงต้องรีบใช้โอกาสที่อีกฝ่ายยังไหวตัวไม่ทัน และจัดการนำตัวฮ่อหยุนเฉิงกลับฝรั่งเศสไปพร้อมกับตนเอง โดยเธอได้จัดเตรียมเครื่องบินส่วนตัวไว้แล้ว เครื่องบินส่วนตัวที่แค่เธอออกคำสั่งบินก็พร้อมขึ้นบินได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
เหล่าบอดี้การ์ดพากันเดินไปหลบตามซอกมุมต่างๆอย่างรู้งาน พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ใส่ใจกับการเคลื่อนไหวของนายหญิงของตน
มิเชลลุกขึ้นยืนและหยิบเสื้อสเวตเตอร์บนเก้าอี้ขึ้นมาพาดไว้บนบ่าและเอ่ยปากออกคำสั่งกับเหล่าบอดี้การ์ดที่กำลังยืนอยู่ “พวกแกออกมานี่ จัดการมัดตัวฮ่อหยุนเฉิงไว้ให้แน่น หนึ่งชั่วโมงหลังจากนี้เมื่อถึงเวลาฟ้ารุ่งสางเราจะเดินทางกลับฝรั่งเศสทันที”
“ปล่อยฉันนะ ปล่อยฉันนะ!”
มือของฮ่อหยุนเฉิงถูกรวบมัดไว้ทางด้านหลัง มือของเขาถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาโดยมีบอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งสองคนกำลังจับตัวเขาไว้ และเหล่าบอดี้การ์ดยังยืนอยู่ข้างฮ่อหยุนเฉิงทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวาโดยไม่ปล่อยให้เขาพ้นสายตาเลยแม้แต่นิดเดียว
“หยุนเฉิง หยุดดิ้นแล้วฟังฉันนะ คุณต้องกลับไปที่ฝรั่งเศสกับฉัน พวกเราจะต้องคบหาดูใจกันอย่างมีความสุขแน่นอน” เสียงของมิเชลฟังดูอ่อนโยนมาก ริมฝีปากสวยเผยรอยยิ้มเห็นฟันเล็กสองซี่ที่มองดูแล้วคล้ายๆกับนางปีศาจร้ายก็ไม่ปาน
ฮ่อหยุนเฉิงมองมิเชลอย่างสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงหลงใหลในตัวเขามากขนาดนี้ “มิเชล คุณเป็นลูกของเดอโกล และพ่อของคุณกับฉันเป็นเพื่อนกัน ถ้าพูดตามความเป็นจริงฉันก็ถือเป็นผู้อาวุโสของคุณเช่นกัน คุณไม่ควรทำเช่นนี้จริงๆ คุณเข้าใจไหม?”
มิเชลเอียงศีรษะพร้อมยักไหล่ เธอเอ่ยพูดออกมาอย่างเฉยเมย “คุณลุง? หยุนเฉิงคุณอายุมากกว่าฉันแค่ห้าปีหกปีเท่านั้น และฉันก็ไม่นับว่าคุณเป็นคุณลุงของฉัน เพราะฉันชอบคุณมากจริงๆ ฉันอยากเจอคุณในทุกๆวัน”
“แล้วซูฉิงล่ะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวจางหายไปในทันที และเห็นได้ชัดว่าตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวไม่มีร่อยรอยของความสุขปรากฎอีกต่อไป “ฮ่อหยุนเฉิง ทำไมคุณต้องพูดถึงซูฉิงด้วย? ฉันอิจฉาเธอมาก ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณฉันก็เริ่มอิจฉาเธอที่ได้ครอบครองคุณ”
ฮ่อหยุนเฉิงเม้มริมฝีปากแน่นและมองมิเชลอย่างสับสน เขาไม่ได้คาดหวังว่ามิเชลจะเป็นแบบนี้
ในเวลาเดียวกัน ซูฉิงได้รับโทรศัพท์จากหลินเหยียนเฟิง “นายหญิง เราไม่พบท่านประธาน! อาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับท่านประธานหรือเปล่า?”
ตอนนี้ซูฉิงสงบลงแล้ว เธอขอให้แอนโธนี่ช่วยตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของมิเชลในขณะนี้ และสิ่งที่เธอต้องทำในขั้นตอนต่อมาคือโทรหาหลินเหยียนเฟิง เพราะถ้าฮ่อหยุนเฉิงอยู่กับมิเชลจริงๆยิ่งมีคนร่วมไปช่วยเยอะก็มีโอกาสชนะได้เยอะกว่า
แน่นอน เธอไม่ต้องการให้มิเชลเป็นเหมือนสวีหว่านเอ๋อร์
“หยุนเฉิงน่าจะอยู่ในเมืองB ฉันจะส่งพิกัดสถานที่ให้คุณ และคุณช่วยส่งคนมาสมทบฉันในทันที”
โอเค
มิเชลรอให้ถึงเวลารุ่งสาง เธอเตรียมนำเครื่องบินส่วนตัวขึ้นบินในอีกไม่ช้า ในที่สุดเธอก็สามารถพาฮ่อหยุนเฉิงไปฝรั่งเศสได้สำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้นซูฉิงก็ยากที่จะตามหาทั้งเขาและเธอเจอ
บอดี้การ์ดสองคนจ้องมองมาที่ฮ่อหยุนเฉิงอย่างไม่ละสายตา ด้วยกลัวว่าชายคนนี้จะหนีหายไป ฮ่อหยุนเฉิงยังคงนั่งอยู่ตรงที่เดิมนั้นโดยไม่พูดหรือขยับตัวอะไร และเขาก็ทำเป็นไม่ได้ยินเมื่อมิเชลเอ่ยปากคุยกับเขา
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง บอดี้การ์ดสองคนที่ยืนอยู่ข้างหยุนเฉิงก็เริ่มหาวและเผยท่าทีง่วงออกมา ฮ่อหยุนเฉิงอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจ และในตอนนี้ประสิทธิภาพของยาก็จางลงมากแล้ว เขาเงยหน้าขึ้นมองบอดี้การ์ดสองคนนั้นและเผยยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา
“พวกคุณไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนี้ก็ได้จริงไหม? ตอนนี้ฉันถูกมัดจนวิ่งหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ถ้าคุณง่วงนอน คุณก็แอบงีบหลับสักพักก็ได้”
“ไม่ ไม่ได้… ถ้าคุณหนีไปจะทำยังไง!” หนึ่งในบอดี้การ์ดตะโกนตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่ง่วงมากง่วงจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น ศีรษะผงกหลายๆครั้งอย่างคนทรงตัวไม่อยู่
โอ้ ช่างเป็นคนที่มีจรรยาบรรณต่ออาชีพของตนซะจริงๆ
ฮ่อหยุนเฉิงเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมาวูบหนึ่ง เขาพยายามเอื้อมมือที่ไพล่อยู่ด้านหลังให้ไปสัมผัสกับโคนเสาต้นใหญ่ เขาค่อยๆนำเชือกที่มัดไว้ที่ข้อมูลไปขูดกับขอบเสาที่ค่อนข้างแหลมคม เพราะเมื่อสักครู่เขาได้ลองสัมผัสเสาตรงนั้นด้วยปลายนิ้วดูแล้วก็พบว่าเสาต้นนั้นมีความแหลมคมและพอจะตัดเชือกได้อยู่
โอกาสในการหนีเอาตัวรอดมาถึงแล้ว!
ฮ่อหยุนเฉิงค่อยมือไออกแรงขูดเชือกไปกับโคนเสา เขาขยับมือขึ้นลงจนกระทั่งเขาสังเกตเห็นว่าเชือกป่านที่ผูกข้อมือของเขาอยู่เริ่มคลายปมหลุดออกจากกันแล้ว
เชือกป่านส่งเสียงเสียดสีกันเล็กน้อย บอดี้การ์ดสองคนเฝ้ามองดูฮ่อหยุนเฉิงอย่างระมัดระวัง เมื่อพวกเขาพบว่าฮ่อหยุนเฉิงไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ พวกเขาจึงโล่งใจและเตรียมที่จะนั่งลงเพื่อพักผ่อนร่างกายสักครู่ ทางด้านฮ่อหยุนเฉิงก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของข้อมือตนเองและเสาหินปูนต้นนั้นอย่างตั้งใจ จนกระทั่งเมื่อเขารู้สึกว่ามือของเขาคลายออก รูม่านตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้น
โอกาสมาถึงแล้ว!
ฮ่อหยุนเฉิงไม่ลังเลที่จะรีบดึงมือออกและเตรียมจะวิ่งหนีออกจากบริเวณนั้น และเมื่อเหล่าบอดี้การ์ดทั้งสองเห็นว่าเขากำลังจะวิ่งหนีออกไป ก่อนที่เหล่าบอดี้การ์ดจะเคลื่อนไหวและห้ามปรามฮ่อหยุนเฉิงนั้น ชายหนุ่มก็ฟาดเข้าที่หลังคอของเหล่าบอดี้การ์ดสองคนจนเป็นลมและล้มลงไปกับพื้น เป็นเวลาดีที่ในตอนนี้มิเชลไม่ได้อยู่ข้างนอก หญิงสาวพาบอดี้การ์ดที่เหลือไปที่ห้องเล็กๆ อีกฝั่งเพื่อเก็บของเตรียมเดินทางกลับฝรั่งเศส และชายหนุ่มไม่สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวจะออกมาอีกเมื่อไหร่
เพราะฉะนั้นเขาต้องรีบออกไปจากที่นี่!
ทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้นฮ่อหยุนเฉิงก็ไม่ได้คิดกังวลกับสิ่งที่มิเชลกำลังทำ สิ่งสำคัญที่สุดคือเขาต้องออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด เขาขยับข้อมือของตนเองอย่างรวดเร็วและรีบวิ่งออกไปจากบริเวณบ้านไม้ทันที
“หยุนเฉิง—” เสียงร่าเริงของมิเชลดังมาไม่ไกล หญิงสาวเดินออกมาจากห้องเล็กๆห้องนั้นแล้ว เธออยากที่จะพูดคุยต่อรองกับฮ่อหยุนเฉิง ถ้าอีกฝ่ายสัญญาว่าจะกลับไปฝรั่งเศสกับเธอแต่โดยดี เธอก็จะไม่มัดตัวฮ่อหยุนเฉิงไว้แบบนี้อีก
แต่สิ่งที่เธอเห็นคือบอดี้การ์ดสองคนของเธอที่บัดนี้นอนสลบลงไปบนพื้น และข้างๆก็มีรอยฉีกขาดของเชือกป่านตกอยู่ด้วย
ใบหน้าของมิเชลมืดมนในทันที เธอส่งเสียงกรีดร้องอย่างดัง “พวกเศษสวะ! พวกแกทุกคนลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ ลุกขึ้นมา!”
เมื่อเหล่าบรรดาบอดี้การ์ดที่เหลืออยู่ของมิเชลได้ยินเสียงตะโกนนั้นก็รีบพากันวิ่งกรูเข้ามาทันที ใบหน้าที่สวยงามของมิเชลในตอนนี้นั้นดูน่ากลัวอย่างยิ่ง เธอหันกลับมามองพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าและรีบวิ่งออกไปจากบ้านไม้หลังนั้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย และเธอก็มองเห็นร่างของฮ่อหยุนเฉิงที่วิ่งหนีไปได้ไม่ไกล
หญิงสาวเบิกตากลมโตด้วยความโกรธ เธอยื่นมือออกไปชี้ร่างผู้ชายที่อยู่ห่างจากเธอไม่ไกล “ไปนำตัวเขากลับมา ไป!”
ในตอนนี้ฮ่อหยุนเฉิงก็ตระหนักได้ว่าบ้านไม้แห่งนี้ค่อนข้างห่างไกลและไร้ผู้คน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ฮ่อหยุนเฉิงจะหาทางหลบหนออกไปได้
เหล่าบอดี้การ์ดหลายคนต่างพากันวิ่งตามเขามา และมิเชลเองก็ยืนมองดูเหล่าบอดี้การ์ดของตัวเองที่วิ่งไล่ตามฮ่อหยุนเฉิงด้วยสายตาเย็นชา และในวินาทีต่อมาเธอก็ตัดสินใจกระโดดขึ้นรถและเหยียบคันเร่งขับออกไป
ฮ่อหยุนเฉิง คุณหนีฉันไม่พ้นหรอก!