นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 516 นัดเดตกับจินจิ่นหราน
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 516 นัดเดตกับจินจิ่นหราน
ยิ่งได้ฟังคำอธิบายจากชายตรงหน้า ซูฉิงก็ยิ่งแสดงสีหน้านิ่งขรึมมากขึ้น ใบหน้าของเธอในเวลานี้ดูจริงจังและแข็งทื่อขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่เธอไม่ได้โทษฮ่อหยุนเฉิงพราะเธอก็รู้ว่าไม่ใช่เขาที่เป็นคนผิด ถ้าไม่ใช่เพราะมิเชลเธอและเขาคงไม่เหนื่อยแบบนี้ตลอดทั้งวัน
ซูฉิงคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆอยู่สักพักพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เฮ้อ ฉันไม่นึกเลยว่ามิเชลจะเป็นแบบนี้จริงๆ… แต่เรื่องมันจบลงไปแล้ว นายไม่ต้องกังวลนะ เธอคงจะไม่กล้าก่อเรื่องอะไรใหญ่ๆอีกแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นเราก็สามารถบอกเดอโกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ ฉันคิดว่าเขาคงไม่อยากเห็นลูกสาวของเขาเป็นแบบนี้แน่นอน”
ฮ่อหยุนเฉิงมองไปที่ซูฉิงและโอบกอดเธอไว้แน่น ความรู้สึกนี้เป็นมันช่างวิเศษมากที่สุด ความรู้สึกยามเมื่อคนที่เขารักอยู่เคียงข้างเขา
พอได้พูดถึงมิเชล ฮ่อหยุนเฉิงก็แอบรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย วันนี้เขาอาจจะรู้สึกเพิกเฉยและเอือมระอากับหญิงสาวจนไม่อยากจะไปวุ่นวายอะไรกับเธอคนนั้นอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างเฉยชากับเรื่องของหญิงสาวลงมาก
“ฉันก็คาดไม่ถึงเช่นกัน… ท่าทางเธอดูเหมือนเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยนและค่อนข้างนิ่งเงียบ ฉันไม่รู้จริงๆว่าเดอโกจะคิดอย่างไรถ้าเขารู้ว่ามิเชลเป็นคนแบบนี้ เธอหลอกให้ฉันเข้าไปติดกับดักจนได้ ทำไมวันนี้ฉันถึงถูกจับตัวไว้ได้นะ !”
ชายตรงหน้าพูดออกมาด้วยความโกรธและรู้สึกเสียใจเล็กน้อย มองดูแล้วฮ่อหยุนเฉิงคงไม่มีความสุขอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูฉิงแค่หัวเราะเบาๆ และค่อยๆเอนตัวไปพิงไหล่ของฮ่อหยุนเฉิงพลางเอ่ยปากปลอบโยนเขา “เอาล่ะ อย่าโกรธไปเลย ยังไงวันนี้นายก็ได้กลับมาแล้ว และฉันจะไม่โทษนายสำหรับเรื่องนี้ เพราะยังไงมิเชลก็ถือเป็นราชวงศ์ยุโรป และมีครอบครัวสูงศักดิ์อยู่ในฐานะท่านหญิง คงไม่มีใครคิดว่าท่านหญิงจะใช้วิธีการที่น่ารังเกียจเช่นนั้นแน่นอน”
ซูฉิงยิ้มและบีบปลายจมูกของฮ่อหยุนเฉิงเบา ๆ “ไม่ใช่เพราะว่านายมีเสน่ห์มากล้นเกินไป จนสามารถยั่วยวนสาวสวยมากมายขนาดนี้หรอกเหรอ”
เพราะบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นทำให้ความหงุดหงิดของฮ่อหยุนเฉิงจางหายไป “นี่ยังไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าคุณมีสายตาที่แหลมคมดี และถึงแม้ว่าฉันจะสามารถดึงดูดสาวสวยมากมายเพียงใด ฉันก็ยังชอบเธอเพียงคนเดียว”
ชายหนุ่มหญิงสาวพูดคุยและประสานเสียงหัวเราะกันอย่างมีความสุข ในที่สุดบรรยากาศที่น่าอึดอัดของทั้งสองก็หายไปจนหมดสิ้น ซูฉิงตามหาเขามาตลอดทั้งคืนและกว่าจะหาเจอก็เป็นเวลาใกล้จะเช้าแล้ว ความง่วงที่ถูกซ่อนเร้นมาเป็นเวลานานก็เริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้น ทั้งสองคนจึงตัดสินใจเดินเข้าไปยังห้องนอนและนอนกอดกันบนเตียงกว้างอย่างสุขสม
……
กองถ่ายทำละคร《ฉันเป็นเจ้าของวัยหนุ่มสาวของฉัน》
“เสี่ยวหนิง เข้ามาใกล้กว่านี้ คุณสองคนเว้นระยะห่างกันมากเกินไป”
ช่างภาพเงยหน้าขึ้นและเหยียดมือออกเพื่อกำหนดรูปร่างของหลิวเสี่ยวหนิงและเฉินจุนเหยียนให้เข้าใกล้กัน
หลิวเสี่ยวหนิงฟังและขยับไปทางเฉินจุนเหยียนเพียงเล็กน้อย แต่ช่างภาพที่เห็นสิ่งนี้ก็กลับแสดงท่าทางไม่พอใจออกมาผ่านทางใบหน้าของเขา หลังจากนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้าและช่วยจัดท่าทางให้นักแสดงหนุ่มและนักแสดงสาวด้วยตัวเอง
“คุณสองคนแสดงเป็นคู่รักไม่ใช่พี่น้อง พวกคุณต้องเข้าใกล้กันมากกว่านี้
ช่างภาพผลักหลิวเสี่ยวหนิงไปที่ด้านข้างของเฉินจุนเหยียน เมื่อจัดท่าทางแล้วช่างภาพหนุ่มก็ยังดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่พอใจ
เมื่อคิดเช่นนี้ ช่างภาพก็คว้ามือของเฉินจุนเหยียนมาจับมือของหลิวเสี่ยวหนิงไว้ พวกเขาสองคนตะลึงกันอยู่ครู่หนึ่งและทั้งคู่ก็ต้องการจะปล่อยมือออกจากกัน แต่ช่างภาพหนุ่มนั้นก็ยังพยายามยัดเยียดให้มือสองมือประสานกันแน่น
“ใช่! อย่างนั้นแหละ อย่าขยับนะ! รักษาท่าทางและการแสดงออกทางอารมณ์ของพวกคุณไว้!”
พูดจบเขาก็วิ่งกลับไปหลังกล้องและเริ่มมองหามุมสวยๆ ที่จะถ่ายทำ
หลิวเสี่ยวหนิงเงียบและเม้มริมฝีปากลงแน่น ดวงตากลมโตพยายามเบี่ยงเบนสายตามองไปที่อื่น แต่ความสนใจทั้งหมดของเธอกลับอยู่ที่มือที่ถูกกอบกุมด้วยมือของเฉินจุนเหยียนทั้งสองข้าง
ทั้งสองจับมือกันไว้ด้านหลังและถ้าไม่ได้มองสังเกตโดยละเอียดล่ะก็ คุณอาจจะนึกไม่ถึงถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
จู่ๆ หลิวเสี่ยวหนิงก็คิดว่าความร่วมมือระหว่างเธอละเขากำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าบางสิ่งเธอจะไม่สามารถบรรลุมันได้ในความเป็นจริงแต่เธอก็สามารถบรรลุมันได้จากการแสดงละคร
อย่างไรก็ตามขณะที่หลิวเสี่ยวหนิงกำลังคิดเช่นนี้ เสียงของช่างภาพก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เฉินจุนเหยียน คุณเป็นอะไรไป! ทำไมรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณเศร้าหมองแบบนี้ ถ้าคนอื่นเห็นคงจะคิดว่ามีคนกำลังบังคับคุณอยู่ !”
“ขอโทษ” เฉินจุนเหยียนหัวเราะออกมาแห้งๆ แต่หลิวเสี่ยวหนิงสังเกตเห็นความผิดปกติจากร่างหนาตรงหน้า
ยิ่งไปกว่านั้นสภาพของเฉินจุนเหยียนในวันนี้ทั้งวันก็แลดูผิดปกติไปมาก นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่ช่างภาพต้องหยุดถ่าย
“ช่างเถอะ คุณไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน แล้วเราค่อยกลับมาถ่ายต่อ” เมื่อช่างภาพหนุ่มเห็นสภาพของนักแสดงชายคนดังก็ไม่ได้บังคับให้อีกฝ่ายฝืนใจถ่ายทำต่อ ช่างภาพหนุ่มก้มมองดูนาฬิกา แล้วจึงส่งสัญญาณให้ทุกคนพักกองก่อน
หลิวเสี่ยวหนิงเงยหน้าขึ้นมองเฉินจุนเหยียน แต่กลับเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกไปอีกทางเรียบร้อยแล้ว
เฉินจุนเหยียนนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้นั่งเล่น สายตาคมจับจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือของตนเองอย่างว่างเปล่า และไม่ได้ยินแม้แต่สิ่งที่ผู้จัดการข้างกายเอ่ยออกมา
หลิวเสี่ยวหนิงเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อเห็นท่าทางเหม่อลอยของชายหนุ่ม คนที่ทำให้เฉินจุนเหยียนใจลอยและมีท่าทางไม่ปกติแบบนี้ได้ก็มีอยู่เพียงแค่คนเดียว
ชั่วขณะหนึ่งหลิวเสี่ยวหนิงแอบรู้สึกดีใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเฉินจุนเหยียนมีท่าทางเช่นนี้
แต่ความคิดแบบนั้นมันก็อยู่ได้ไม่นาน อยู่ดีๆเธอก็รู้สึกขมปร่าขึ้นมาเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มกำลังเหม่อลอยเพราะสิ่งใด
โชคดีที่ในวันนี้มีคิวถ่ายรูปแต่งหน้าและถ่ายวิดีโอสั้นๆเท่านั้น งานในวันนี้ก็ไม่ค่อยหนักหนาเกินไปสักเท่าไหร่ ดำเนินการทำงานไปได้ค่อนวันงานทุกอย่างก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
หลังเลิกงานหลิวเสี่ยวหนิงสอดส่องสายตามองหาเฉินจุนเหยียน แต่ก็พบว่าเขาได้กลับออกไปแล้ว
ในระหว่างที่หลิวเสี่ยวหนิงกำลังตกอยู่ในภวังค์ ก็มีคนเข้ามาเคาะไหล่ของเธอเบาๆ
“คุณกำลังมองอะไรอยู่? กำลังมองหาคุณหมอจินของคุณอยู่เหรอ?” ผู้กำกับส่งยิ้มและมองมาที่หลิวเสี่ยวหนิงด้วยแววตาหยอกล้อ
“อะไร ไม่ใช่ซะหน่อย” หลิวเสี่ยวหนิงไหวไหล่ปฎิเสธและก้มศีรษะลงเพื่อเก็บของใส่กระเป๋า
ผู้จัดการสาวส่ายหัวด้วยความเอ็นดูหญิงสาวแล้วโอบรอบเอวหลิวเสี่ยงหนิงไว้อย่างหลวมๆเพื่อปลอบโยนหญิงสาว
“ไม่เอาน่า อย่าปล่อยให้คนอื่นรอเลย วันนี้คุณดูฟุ้งซ่านไปหน่อย พอคุณมีความรักก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานแล้วใช่ไหม?”
“คุณจะไปไหน? วันนี้มีกินเลี้ยงอาหารค่ำเหรอ?” หลิวเสี่ยวหนิงไม่ตอบสนองอะไรคนตรงหน้ากลับไป เธอยืนนิ่งงันอยู่สักพัก และทันใดนั้นเองเธอก็รู้สึกตัวว่าตนเองเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างไป
“ฉันเห็นว่าหมอจินรอคุณอยู่ที่ลานจอดรถมานานแล้วนะ อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้” ผู้จัดการสาวมองหลิวเสี่ยวหนิงอย่างสงสัย
“ฟ้าดินควรลงโทษคุณซะจริงๆ ฉันคิดว่าฉันก็ไม่ได้จัดตารางงานให้คุณเยอะจนเบลอขนาดนี้หรอกนะ”
หลิวเสี่ยวหนิงตบมือลงบนหน้าผากเพื่อดึงสติ และเธอก็เพิ่งจำได้ว่าตนเองมีนัดกับจินจิ่นหรานในบ่ายวันนี้
เธอจับและขยี้ผมไปมาจนมันเสียทรง และรีบจัดการยัดสิ่งของลงในกระเป๋าเป้ทันที จากนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ลานจอดรถอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าจินจิ่นหรานยังคงรอคอยเธออยู่ ร่างหนาพิงกายอยู่ข้างรถคันหรู สายตาของเขาจับจ้องไปที่ทางออก และเมื่อฝ่ายชายเห็นหลิวเสี่ยวหนิงเดินออกมา เขาก็ก้าวเดินเข้าไปหาเธอโดยทันที
หลิวเสี่ยวหนิงวิ่งออกมาอย่างเร่งรีบโดยสวมรองเท้าส้นสูง อันที่จริงเมื่อหลิวเสี่ยวหนิงวิ่งเข้ามาใกล้ร่างของจินจิ่นหรานเธออยากจะสั่งตนเองให้หยุดวิ่งลง แต่ด้วยความที่วิ่งมาค่อนข้างเร็วและขาเล็กยังไม่สามารถยืนนิ่งได้โดยปกติ จึงทำให้ร่างของเธอตกลงไปในอ้อมแขนของจินจิ่นหราน สันจมูกของเธอแตะลงบริเวณหน้าอกของเขา เหตุการณ์นี้ทำให้หลิวเสี่ยวหนิงอดที่จะร้องครางด้วยความเจ็บออกมาเบาๆไม่ได้
“ไม่ต้องรีบหรอก ค่อยๆเดินมาก็ได้” จินจิ่นหรานเอื้อมมือออกไปและพยายามถูจมูกของหลิวเสี่ยวหนิงอย่างแผ่วเบา แต่บัดนี้หญิงสาวกลับยืนตัวตรงแล้วใช้มือปิดบังใบหน้าไว้
“ฉันปล่อยให้คุณรอมานานมากแล้ว ขอโทษทีนะ ฉันลืมนัดของคุณในตอนบ่าย” หลิวเสี่ยวหนิงมองจินจิ่นหรานด้วยแววตาขอโทษและสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอก การถ่ายทำวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดีเหรอ?” จินจิ่นหรานส่ายหัวและเปิดประตูรถให้หลิวเสี่ยวหนิง
“ก็ดี……”
หลิวเสี่ยวหนิงกระพริบตาและพยายามดึงสติให้กลับมา แต่ใบหน้าของเฉินจุนเหยียนยังคงปรากฏอยู่ในใจของเธอโดยไม่จางหายไป
เมื่อเธอหันศีรษะไปทางด้านข้างก็พบว่าใบหน้าของจินจิ่นหรานอยู่ห่างจากเธอแค่ฝ่ามือเดียวเท่านั้น จึงทำให้หลิวเสี่ยวหนิงหันศีรษะกลับไปอีกทางอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้!”
“คุณพูดว่าอะไรนะ?” จินจิ่นหรานดูแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางของหญิงสาวข้างกาย
หลิวเสี่ยวหนิงตกตะลึงอยู่ครู่นึง เธอและจินจิ่นหรานในตอนนี้กำลังคบหาดูใจกันแล้ว และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ก็ดูจะเป็นเหมือนเรื่องปกติทั่วไป
เมื่อหลิวเสี่ยงหนิงหวนคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็อดที่จะกัดเม้มริมฝีปากไม่ได้ เธอขยับแก้มของเธอไปอีกด้านและค่อยๆปิดเปลือกตาลง