นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น - ตอนที่ 582 ต้องไปถามคุณปู่ด้วยตนเอง
นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 582 ต้องไปถามคุณปู่ด้วยตนเอง
ฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว
“คุณปู่กระชับเรื่องนี้กับฉันมา” ซูฉิงเอ่ยพลางลุกขึ้นยืน หันไปมองฮ่อหยุนเฉิงด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้พวกเราแยกกันนอนเถอะ”
ฮ่อหยุนเฉิงเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย ถามเสียงเข้มว่า “คุณปู่บอกอะไรกับเธอ?”
“คุณปู่ให้นายรักษาสุขภาพ” ซูฉิงตอบอย่างคลุมเครือ ทว่าสายตานั้นย้ายไปที่บางส่วนของร่างกายเงียบๆ อย่างคิดไม่ซื่อ
เห็นฮ่อหยุนเฉิงขมวดคิ้ว ซูฉิงก็หมุนกายทันที ขณะที่เธอกำลังจะไป ฮ่อหยุนเฉิงก็ยื่นมือมาดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด
“รักษาสุขภาพ?” น้ำเสียงของฮ่อหยุนเฉิงแฝงแววอันตราย “ฉันควรจะระวังตรงไหนดี?”
เมื่อลมหายใจอุ่นร้อนถูกพ่นใส่ใบหู ซูฉิงก็อดที่จะย่นคอไม่ได้
“แค่กๆ เรื่องนี้นายต้องไปถามคุณปู่เอง” ซูฉิงตอบพลางกะพริบตาปริบๆ ที่จริงแล้วเธออยากจะดิ้นให้หลุด ทว่าฮ่อหยุนเฉิงกลับรัดตัวเธอไว้แน่น
“ปล่อยนะ” ซูฉิงกดมือลงบนหลังมือของฮ่อหยุนเฉิง
แต่วินาทีต่อมาฮ่อหยุนเฉิงก็อุ้มเธอขึ้นไปวางบนเตียงแล้วกดเธอเอาไว้
ซูฉิงร้องเสียงเบา ทว่าวินาทีถัดมาก็ถูกจูบดูดกลืนวิญญาณปิดลงมาแนบสนิท
วันรุ่งขึ้น ซูฉิงมองท่าทางอิ่มเอมของฮ่อหยุนเฉิง แล้วมองร่างกายที่ใกล้จะแตกสลายของตน ในใจก็อดไม่ได้ที่จร้องโหยหวนไปพักหนึ่ง
เจ้าผู้ชายสมควรตายฮ่อหยุนเฉิน ทำไมถึงได้มีพลังล้นเหลือเช่นนี้
ทุกครั้งล้วนทำให้เธอปวดเอวแทบตาย
“มีอะไรเหรอ?” เมื่อเห็นซูฉิงทำหน้าบูดบึ้งน้อยๆ อย่างน่ารัก ฮ่อหยุนเฉิงจึงโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดด้วยท่าทางอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก
ซูฉิงกลอกตาขาใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย “ครั้งต่อไปนายให้ฉันนอนโซฟาเถอะ!”
“แบบนั้นจะได้ยังไง?” ฮ่อหยุนเฉิงท้วง
“แล้วทำไมจะไม่ได้…”
ซูฉิงยังพูดไม่จบก็เห็นฮ่อหยุนเฉงโน้มตัวลงมา ปิดริมฝีปากของเธอไว้……
……
“คัท”
เมื่อเสียงของผู้กำกับที่นั่งหลังกล่องถ่ายวิดีโอดังขึ้น อุปกรณ์การถ่ายทำทั้งหมดในกองถ่ายก็หยุดลงโดยทันที
หลินหนานรีบปล่อยเฉินซินอ้ายอย่างรวดเร็ว แล้วผลักเธอออกจากอ้อมกอด รักษาระยะห่างอย่างเย็นชา
นี่ทำให้ในดวงตาของเฉินซินอ้ายมีความเจ็บปวดวาบผ่าน อยากจะพูดอะไรกับเขา ทว่าเขาราวกับตั้งใจหลบเลี่ยงตนอย่างไรอย่างนั้น หันไปพูดคุยกับทีมงานอย่างรวดเร็ว
ทางนั้นเองก็มีทีมงานไม่น้อยมาแสดงความยินดีกับพวกเขา
“ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองคนสำหรับการทำงานอย่างหนักของทั้งสองคนในช่วงนี้ ในที่สุดการถ่ายทำMVของพวกเราก็สิ้นสุดลงแล้ว”
ผู้กำกับนำทีมงานทั้งหมดมาปรบมือให้หลินหนานกับเฉินอ้ายซิน
หลินหนานยิ้มแย้มอย่างสุภาพ มิได้กล่าวอะไร ในขณะที่เฉินอ้ายซินนั้นกล่าวประโยคถ่อมตัวกับคนทั้งหมดอยู่สองสามประโยค
ทว่าขณะที่พูดอยู่นั้น สายตาของเฉินซินอ้ายก็เอาแต่จับจ้องไปเงาร่างของหลินหนาน โดยเฉพาะตอนที่ผู้กำกับถามพวกเขาว่า “รอเก็บอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว พวกเราไปกินเลี้ยงฉลองกันสักมื้อเถอะ ร้านอาหารแถวนี้ล่ะ”
หลังทีมงานได้ฟังคำพูดของผู้กำกับ ต่างก็พากันแสดงสีหน้ายินดี เฉินซินอ้ายเองก็มองไปที่หลินหนานอย่างคาดหวังเช่นกัน
หลินหนานยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและแฝงแววขอโทษอยู่บางส่วน “ต้องขอโทษจริงๆ งานเลี้ยงตอนเย็นผมุงไม่สามารถไปร่วมกับทุกคนได้ พวกคุณคงจะรู้แล้วว่าภรรยาของผมกำลังตั้งครรภ์ ตอนนี้การถ่ายทำสิ้นสุดลงอย่างไม่ง่ายดายเลย ผมจึงอยากไปอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มาก”
เมื่อทีมงานนั้นเห็นว่าหลินหนานใส่ใจภรรยาของตนเองเช่นนี้ก็พากันแสดงสีหน้าอิจฉาออกมา
ทว่าเฉินซินอ้ายกลับกำมือแน่นด้วยความอิจฉาริษยา ในใจก่นด่ายวี๋น่าอย่างเกลียดชังเป็นหมื่นรอบ
มีสิทธิ์อะไร มีสิทธิ์อะไรหลินหนานถึงได้มอบความอ่อนโยนทั้งหมดให้ยวี๋น่า ทั้งๆ ที่สิ่งเรานี้ควรเป็นของเธอชัดๆ
ผู้กำกับเห็นหลินหนานปฏิเสธก็ผิดหวังเล็กน้อย แต่ปากยังพูดโน้มน้าวอย่างสุดความสามารถ “แต่คุณเป็นพระเอกMVของเราเลยนะ งานฉลองความสำเร็จนี่ถ้าคุณไม่มาก็หมดความมหมาย แค่กินเท่านั้นเอง เปลืองเวลาไม่เท่าไหร่หรอก”
เฉินซินอ้ายเห็นผู้กำกับพูดโน้มน้าวหลินหนาน ในใจยินดีอย่างยิ่งจึงรีบพูดว่า
“นั่นน่ะสิ ถ้าคุณไม่มาล่ะก็ พวกเราต้องไม่สนุกแน่ คงรู้สึกขาดอะไรบางอย่างไป คุณคงไม่อยากทำให้ทุกคนหมดสนุกใช่มั้ย?”
พวกทีมงานเห็นท่าทางของผู้กำกับก็รีบเอ่ยโน้มน้าว
ภายใต้การโน้มน้าวของทุกคน หลินหนานจึงได้ฝืนใจตอบตกลง หลังจากรีบเร่งเก็บของให้เรียบร้อย คนทั้งหมดก็รีบไปร้านอาหาร
หลังจากดื่มไปสามรอบ หลินหนานก็ทีมงานบางส่วนมอมจนเมา เดิมเขาไม่ใช่คนคอแข็งอยู่แล้ว
เขาจึงฟุบพักผ่อนบนโต๊ะ
มื้อเย็นใกล้จะสิ้นสุดลง คนจำนวนไม่น้อยเตรียมตัวที่จะกลับ ผู้กำกับและทีมงานมองหลินหนานที่สติไม่เต็มร้อยอย่างกังวล
“หรือให้ผมไปส่งเขากลับเถอะ เขากลับไปคนเดียวตอนนี้ไม่ปลอดภัยแน่” หนึ่งในทีมงานผู้ชายที่ยังมีสติครบถ้วนสมบูรณ์เสนอขึ้นมา
เฉินซินอ้ายรอโอกาสนี้ของหลินหนานมาตลอด ทว่าเธอยังหาจังหวะไม่ได้สักที
แล้วจะให้ทีมงานผู้ชายไปส่งหลินหนานกลับได้อย่างไร? จึงรีบไปพยุงหลินหนานขึ้นมา “ฉันไปส่งเขาเองดีกว่า ฉันรู้ว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน อีกอย่างบ้านฉันก็อยู่ใกล้ๆ บ้านเขา”
ในกลุ่มทีมงานมีคนจำนวนไม่น้อยรู้ถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างหลินหนานและเฉินซินอ้าย เธอพูดออกมาเองเช่นนี้ ในใจก็ทราบเรื่องทั้งหมด
หลังจากที่ไม่มีใครกล่าวสิ่งใด เฉินซินอ้ายก็พยุงหลินหนานขึ้นแท็กซี่ไปอย่างดีใจ ทว่าเธอไม่ได้ให้คนขับรถไปส่งที่บ้านของหลินหนาน ทว่าไปโรงแรมที่อยู่ในระแวกใกล้เคียง
เฉินซินอ้ายมองหลินหนานที่พิงไหล่เธออย่างสะลึมสะลือในใจก็เป็นสุขอย่างยิ่ง เวลานี้เธอไม่เชื่อหรอกว่ายวี๋น่าจะสามารถครอบครองเขาได้แต่เพียงผู้เดียว
หลังจากมาถึงโรงแรม เฉินซินอ้ายวางหลินหนานลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง
เธอเรียกชื่อหลินหนานแผ่วเบา อยากรู้ว่าเขายังมีสติอยู่หรือไม่
ปรากฏว่าเธอเห็นหลินหนานขยับปากเล็กน้อย ราวกับพึมพำอะไรบางอย่างอยู่
เธอจึงก้มตัวลงไปฟังใกล้ๆ ปรากฏว่าวินาทีต่อมาหน้าก็ต้องมืดครึ้มลง
เช่นนี้เธอจึงได้ยินชัดเจน ริมฝีปากของเขาขยับเรียกเป็นชื่อของยวี๋น่า
มาจนถึงตอนนี้แล้ว เขายังไปโหยหาผู้หญิงคนนั้นอยู่อีก!
ความริษยาในใจเข้าครอบงำเฉินซินอ้าย เธอนังกำหมัดแน่นอยู่ริมเตียงด้วยความโกรธแค้น จ้องมองหลินหนานที่ยังพึมพำเรียกชื่อยวี๋น่าอย่างเคียดแค้น
ในท้ายที่สุดก็จับไปที่คอเสื้อตนเองปลดเสื้อผ้า ถอดออกจากกาย แล้วขึ้นไปนอนข้างหลินหนาน จากนั้นถอดเสื้อผ้าเขาออก
เดิมทีเฉินซินอ้ายอยากมีอะไรกับหลินหนาน แต่เขาเมามากเกินไป ไม่สามารถทำอะรได้เลย
ทว่าสิ่งนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไร เฉินซินอ้ายหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปตนเองกับหลินหนานสองสามรูป
จากนั้นจึงหลับไปเงียบๆ ในอ้อมกอดของเขา
เมื่อหลินหนานตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดศีรษะเป็นอย่างมาก
ข้างๆ หูก็มีเสียงโทรศัพท์ที่คุ้นเคยกำลังดังอยู่ ดังจนทำให้ปวดหัวมากไปกว่าเดิม
เขาควานหาโทรศัพท์ไปมั่วๆ ทว่ามีมืออ่อนนุ่มนั้นไวกว่ามือของเขาไปนิดเดียว คว้าเอาไปรับสาย
ต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงดังขึ้น “ฮัลโหลว มีอะรหรือ?”
เขาได้ยินไม่ชัดว่าปลายสายพูดอะไร ได้ยินแค่ความเงียบไม่กี่วินาทีก็ถูกตัดสายไป