นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 173 บอสผู้ลึกล้ำสุดจะหยั่ง
ตอนที่ 173 – บอสผู้ลึกล้ำสุดจะหยั่ง
“เธอตอนนี้แรงก์อะไร” ชิ่งเฉินถาม
เขากับยางยางเดินเคียงไหล่กันบนทางเท้าหลังฝนตก บนพื้นล้วนเป็นใบไม้ร่วงที่ถูกพายุฝนซัดร่วง เกาะแน่นกับพื้น
ชิ่งเฉินจู่ ๆ ค้นพบว่า เด็กสาวสูงมากจริง ๆ ความสูง 1 เมตร 82 เซนติเมตรของเขาตอนที่หันหน้าไประดับสายตาเห็นอีกฝ่ายได้เลย ไม่ต้องก้มศีรษะแม้แต่น้อย
ยางยางเอาหมวกฮู้ดของเสื้อสเวตเตอร์มาคลุมศีรษะแล้วตอบว่า “ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันอยู่แรงก์อะไรอะ”
“ทำไมเธอไม่รู้แรงก์ตัวเอง?!” ชิ่งเฉินประหลาดใจ
“ฉันอยู่บนรถไฟความเร็วสูงมาเมืองลั่ว จู่ ๆ แขนก็ปรากฏการนับถอยหลัง” ยางยางอธิบาย “รอถึงตอนที่ฉันทะลุไปก็อยู่ที่ป่าคนเดียว ในเป้ข้างตัวมีไอดีการ์ดตัวตนสหพันธรัฐของฉันกับของใช้ในชีวิตประจำวันจำนวนหนึ่ง รอฉันกลับถึงเมืองสหพันธรัฐก็ไม่คุ้นเคยกับอะไรทั้งนั้นเลย แล้วก็ไม่กล้าถามส่งเดช”
ชิ่งเฉินไม่เชื่อคำพูดที่เด็กสาวคนนี้พูดสักนิด
แต่ทว่าพอทะลุมิติก็กลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ที่ร้ายกาจขนาดนี้แล้ว ก็นับเป็นคนที่สวรรค์เลือกสรรแล้วปะ?
ชิ่งเฉินถามว่า “งั้นเธอรู้ว่าตัวเองต้องฝึกตนยังไงเหรอ”
“ฉันเป็นผู้อเวคนะ ไม่ต้องฝึกตน” ยางยางอึ้งแล้วตอบ “นายไม่รู้เหรอ ผู้อเวคกับผู้ฝึกตนถึงจะเป็นผู้เหนือมนุษย์หมด แล้วก็พัฒนาศักยภาพของมนุษย์หมด แต่ว่าเป็นสองกรณีอย่างสิ้นเชิงนะ”
“อย่างเช่นหลี่ซูถงเป็นผู้ฝึกตน พวกเขาองค์กรอัศวินมีการสืบทอดของตัวเอง ผู้สืบทอดสามารถเดินบนเส้นทางที่พวกรุ่นก่อนเคยเดิน ปลอดปล่อยศักยภาพออกมาทีละขั้น ๆ อย่างมั่นคง”
“อย่างฉันเป็นผู้อเวค ในตอนปกติไม่ต้องฝึกตน ตอนที่ได้รับการกระตุ้นอย่างมากจะสามารถเลื่อนระดับอเวคขึ้นแรงก์ที่สูงขึ้นต่อไป โลกภายในมีสุภาษิตโบราณที่แพร่หลายมานานมากอยู่ว่า เมื่อภัยพิบัติมาเยือน เจตจำนงทางจิตวิญญาณจึงเป็นอาวุธลำดับที่หนึ่งของมนุษย์ในการเผชิญหน้ากับภยันตราย”
ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างทอดถอนว่า “ผู้อเวคเหมือนจะสบายมากเลย ไม่ต้องฝึกตน ไม่ทุกข์ทรมานขนาดนั้น”
“แต่ผู้อเวคดูที่โชคล้วน ๆ เลยนะ” ยางยางอธิบาย “สกิลของผู้ฝึกตนเน้นการต่อสู้มาตลอด แต่ผู้อเวคก็ไม่แน่แล้ว ตอนที่ฉันเช็คโปรไฟล์ค้นพบว่า มีสกิลของผู้อเวคคนหนึ่งถึงกับเป็นการเป่าฟองสบู่……สามารถเป่าฟองสบู่ที่ใหญ่เป็นพิเศษ! ยังมีสกิลของผู้อเวคคนหนึ่งคือ คนที่อยู่ข้างกายเขาขอเพียงยื่นมือไปแตะใต้โต๊ะก็จะต้องแตะโดนขี้มูกหรือหมากฝรั่งแน่นอน! ยังมี ๆ ยังมีสกิลของผู้อเวคคนหนึ่งคือสามารถรักษาคนอื่น”
ตอนนี้ ยางยางสรุปว่า “หลังจากผู้ฝึกตนฝึกสำเร็จจะต้องเป็นเลนกลาง, ADC ทว่าผู้อเวคค่อนข้างดูที่โชคมากกว่า อาจจะเป็นอย่างฉันที่เป็นตัวแกนหลัก แล้วก็อาจจะกลายเป็นซัพพอร์ตหรือว่าตัวป่า…..หรือบางทีจะกลายเป็นครีปป่าครีปรถ”
ชิ่งเฉินพยักหน้า “อืม คำอธิบายนี้เข้าใจง่ายมากเลย……”
ผู้อเวคที่กลายเป็นครีปป่า นั่นมันอนาถเกินไปจริง ๆ
“จริงสิ เธอที่โลกภายในอยู่เมืองไหนเหรอ” ชิ่งเฉินถามอย่างเสมือนไร้เรื่องราว
ยางยางมองเขาแวบหนึ่ง “ฉันบอกหมดแล้ว รอถึงตอนที่นายวางแผนจะแลกเปลี่ยนความลับค่อยมาถามความลับของฉันใหม่เถอะนะ”
ชิ่งเฉินสุดท้ายถามว่า “งั้นเธอบอกฉันได้รึเปล่าว่าทำไมเธอแม้แต่บ้านยังหาไม่เจอ แต่สามารถหาฉันเจอ? ฉันไม่เชื่อว่าเธออยู่บนฟ้าจะบังเอิญเห็นเข้า”
“ทุก ๆ คนล้วนมีสนามพลังเป็นของตัวเองอย่างหนึ่ง ถึงแม้จะถูกสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไม่หยุด แต่สัญลักษณ์ของคนคนหนึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว” ยางยางกล่าว “ฉันจำสนามพลังของนายได้ เลยสัมผัสเจอ ก็เรียบง่ายขนาดนี้ล่ะ”
ชิ่งเฉินมองดูอีกฝ่ายอย่างลึกล้ำ “ดังนั้น อันที่จริงเธอรู้ว่าเมื่อกี้นี้คนไหนถึงเป็นฉันตัวจริง”
“อ๊าก” ยางยางอุทาน “หลุดปากไปซะงั้น ฉันยังอยากจะแกล้งเป็นไม่รู้นะ!”
ในพายุฝน ชิ่งเฉินกับสู่อีเฉิงล้วนสวมเสื้อกันฝน
ในสายตาของคนอื่น สู่อีเฉิงรับบทเป็น “ชิ่งเฉิน” แต่ในสายตายางยาง เธอสามารถมองทะลุภาพภายนอกเห็นสิ่งที่เป็นเนื้อแท้ยิ่งกว่านั้น: สนามพลัง
ไม่ต้องดูเสื้อกันฝน แล้วก็ไม่ต้องดูสไตล์การต่อสู้ เพียงต้องดูสนามพลังของชิ่งเฉินก็ได้แล้ว
ทีนี้ถึงคราวชิ่งเฉินอิหลักอิเหลื่อบ้างแล้ว เดิมทีตนเองทำเป็นดุร้ายราวพยัคฆ์ แต่หลอกลวงอีกฝ่ายไม่ได้เลย
ยางยางปลอบว่า “นายวางใจได้ ความลับนี้ฉันจะไม่บอกคนอื่น ทุกคนล้วนอยากจะปิดบังความแข็งแกร่งนิ ฉันเข้าใจ แต่เพื่อนร่วมทีมของนายก็ค่อนข้างให้ความร่วมมือเลยนะ ถึงกับมาแสดงละครร่วมกับนาย”
“เลิกเสแสร้งเหอะ” ชิ่งเฉินถอนหายใจ “เธอสามารถสัมผัสสนามพลังได้โดยตรง งั้นเธอจะต้องสัมผัสได้แน่ถึงการเชื่อมโยงระหว่างพวกเรา”
“อ๊ะ นี่นายก็เดาได้” ยางยางเอ่ยอย่างใคร่รู้ว่า “ฉันอยากรู้นิดหน่อยจริง ๆ นะว่าเส้นที่เชื่อมโยงระหว่างพวกนายนั่นสรุปแล้วเป็นอะไร เป็นนายกำลังควบคุมเขาเหรอ”
“ไม่บอก” ชิ่งเฉินปวดฟันนิดหน่อย ความลับส่วนหนึ่งของตนเองถึงกับถูกเด็กสาวคนนี้รู้ไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว
แต่ว่า อีกฝ่ายยังคงแค่สามารถทราบว่าตนเองเป็นลูกน้อง ไม่อาจยืนยันว่าตนเองเป็นบอสของหลิวเต๋อจู้
เขาเปลี่ยนหัวเรื่องไปว่า “งั้นในเมื่อเธอสามารถสัมผัสถึงสนามพลัง แล้วยังบินได้ ทำไมหาพิกัดสนามพลังของบ้านตัวเองไม่เจอล่ะ”
“เพราะระยะทางไกลเกินไปน่ะ” ยางยางกล่าว “ถนนสิงสู่มันเกินขอบเขตการรับรู้ของฉันไปแล้ว ขอบเขตการรับรู้ของฉันก็ประมาณ 200 เมตร”
“งั้นเธอสามารถเสาะหาพิกัดสนามแม่เหล็กโลกไปตามถนนได้นะ” ชิ่งเฉินกล่าว
“เยอะเกินไป ฉันจำไม่ไหว” ยางยางตอบ “อีกอย่าง ฉันยังไม่คุ้นเคยกับการเอา “การมองเห็น” มาแปลงเป็น “สัมผัส” จนเกินไป”
ชิ่งเฉินเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย เด็กสาวคนนี้จะบอกว่าเวลาที่กลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ยังสั้นอยู่ ไม่ได้คุ้นเคยกับวิธีการสัมผัสสนามพลังประเภทนี้
ก็เหมือนกับคนที่เพิ่งเรียนภาษาอังกฤษ ถึงจะสามารถฟังเข้าใจ แต่แรกเริ่มจิตใต้สำนึกจะเอาภาษาอังกฤษที่ได้ยินมาแปลเป็นภาษาจีน จากนั้นค่อยใช้สมองไปทำความเข้าใจ
ส่วนสถานการณ์ที่ยางยางเผชิญในตอนนี้คือ มีคนสองคนอยู่ตรงหน้าเธอ คนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษ คนหนึ่งพูดภาษาจีน ดำเนินไปในเวลาเดียวกัน
นี่ทำให้การรับรู้ของเธอเกิดความสับสน
นี่ก็คือสาเหตุที่เธอหลงทิศ
ไม่ใช่ว่ายางยางอยากจะหลงทิศ ทว่าเธอเกิดมาแตกต่าง ถูก “ประสาทสัมผัสสนามพลัง” เจือจาง “ประสาทสัมผัสการมองเห็น” ของคนทั่วไป
เดี๋ยวนะ ชิ่งเฉินจู่ ๆ ค้นพบปัญหาข้อหนึ่ง “ไม่ใช่ว่าเธอก่อนจะทะลุมิติก็สามารถสัมผัสสนามพลังได้แล้วเหรอ? เพราะการรับรู้สนามพลังกับการรับรู้ของสัมผัสการมองเห็นขัดแย้งกันไม่หยุด ดังนั้นเลยทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการกำหนดตำแหน่งเชิงพื้นที่และการเชื่อมโยงเชิงพื้นที่”
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยสัมผัสถึงสนามพลังนะ” ยางยางเอ่ยอย่างรู้สึกพิลึก “เพียงแต่ว่ารู้สึกอยู่ตลอดว่าตอนเดินถนนเดินหลงง่าย อย่างกับถูกปัจจัยที่ไม่รู้ก่อกวน แต่นายพูดอย่างนี้ก็เหมือนจะเป็นอย่างนี้จริง ๆ นะ”
ยางยางคนเดิมของโลกภายในมีร่างกายเดียวกัน แล้วก็มีพรสวรรค์เดียวกัน ดังนั้นอีกฝ่ายอเวคสกิลควบคุมสนามพลังขึ้นมา
ยางยางของโลกภายนอกยังไม่ประสบโอกาสจะอเวค ดังนั้นได้แต่เป็นคนหลงทิศต่อไป
แต่ว่า รอจนอีกฝ่ายคุ้นเคยกับวิธีการรับรู้ใหม่ โรคหลงทิศก็น่าจะหายขาดไปได้
ตัวอย่างเช่น เพื่อนร่วมชาติส่วนใหญ่ตอนนี้ได้ยินคำอย่าง “Sorry”, “Fuck” ก็สามารถเข้าใจว่ามีความหมายอะไรจากจิตใต้สำนึกแล้ว ไม่ต้องแปลเป็นภาษาจีนในสมอง
……
……
ชิ่งเฉินกำลังครุ่นคิดถึงปัญหาข้อหนึ่ง อันที่จริงยางยางก็เคยพบกันเรื่องราวความรุนแรงที่ไม่ธรรมดา อย่างเช่นสงครามโจรสลัดในมหาสมุทรอินเดีย
เขาเชื่อว่าในขณะนั้น ยางยางที่ยังไม่เคยฆ่าคนในใจจะต้องหวาดกลัวอย่างมาก
แต่เวลานั้น อีกฝ่ายยังไม่อเวคเลย
นี่จะสามารถเข้าใจได้หรือไม่ว่า : กฎของโลกภายนอกกับโลกภายในไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนหน้านี้โลกภายนอกไม่เคยได้ยินว่ามีผู้อเวค, ผู้เหนือมนุษย์
ก็เพราะกฎของโลก ดังนั้นยางยางของโลกภายนอกจึงไม่ได้อเวค ส่วนยางยางของโลกภายในกลับอเวคแต่แรกแล้ว
เป็นไปได้มาก!
“ว้าว สมแล้วที่เป็นนักเรียนเทพ” ยางยางตื่นเต้นดีใจ “ปัญหาหลงทิศที่รบกวนฉันมาตั้งหลายปีขนาดนี้ถึงกับถูกนายอธิบายออกมาได้ งั้นไม่ใช่ว่าภายหลังโรคหลงทิศของฉันจะค่อย ๆ หายดีเหรอ”
“ตามหลักน่าจะเป็นอย่างนี้” ชิ่งเฉินพยักหน้า
“งั้นเพื่อฉลองให้กับการค้นพบนี้ พรุ่งนี้นายทำของอร่อยเถอะนะ!” ยางยางเอ่ยอย่างมีความสุข
“นี่มันตรรกะพิลึกอะไรกัน?!” ชิ่งเฉินตกตะลึง “เธอพูดคำพูดประเภทนี้แล้วหน้าไม่แดงจริง ๆ อะ?”
“ไม่นะ” ยางยางกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ
ชิ่งเฉินมองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะดึงผู้เหนือมนุษย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้เข้าพวกแล้ว คล้ายกับว่าจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันนะ?
เด็กสาวที่สามารถรับรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเองผ่านสนามพลังได้ทุก ๆ ครั้งประเภทนี้ มันโหดร้ายเกินไปจริง ๆ อย่างน้อยก็ต้องคิดหนทางไม่ให้อีกฝ่ายพูดออกไปถึงจะได้
ยางยางมองชิ่งเฉินกล่าวว่า “จะว่าไปคืนนี้ฉันค่อนข้างเหนือคาดนะ เดิมทีฉันยังสงสารอยู่บ้างที่นายฉีดยาแปลงพันธุกรรมไปแล้ว ถึงยังไงขีดจำกัดของยาแปลงพันธุกรรมมันต่ำสักหน่อย แต่ตอนนี้ดูท่า นายยังมีไพ่ลับอื่น นายไม่ใช่ว่าหลังกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์จงใจฉีดยาแปลงพันธุกรรมเพื่อไม่ให้ถูกคนอื่นเทียบ DNA หรอกนะ?”
ชิ่งเฉินหันเหหัวเรื่องไปว่า “ถึงบ้านแล้ว แยกย้ายกลับบ้านเถอะ มีธุระค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
หลังกลับถึงบ้าน ชิ่งเฉินนอนแผ่บนเตียงล้วงอุปกรณ์สื่อสารออกมา ในนั้นเต็มไปด้วยข้อความของหลิวเต๋อจู้แล้ว
“บอสครับ คุณแม่ผมพ้นจากโคม่าแล้ว หมอบอกว่าท่านแค่สมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย!”
“บอสครับ เรื่องในคืนนี้ขอบคุณมาก ๆ นะครับ ขอบคุณท่านที่ให้สองคนนั้นลงมือ เวลาอย่างนี้สามารถลุกขึ้นมาช่วยเหลือ ผมหลิวเต๋อจู้จะต้องสำนึกบุญคุณไปทั้งชีวิต!”
ประโยคสิบกว่าประโยคถัดมาล้วนเป็นถ้อยคำซาบซึ้งบุญคุณคล้าย ๆ กัน ชิ่งเฉินถึงขนาดสามารถจินตนาการถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของอีกฝ่าย
หลิวเต๋อจู้ “ขอบคุณท่านที่ถึงวันนี้ยังเต็มใจช่วยผม จริง ๆ นะครับ”
ชิ่งเฉินอ่านคำพูดซาบซึ้งบุญคุณพวกนี้ นิ่งเงียบเนิ่นนาน
อันที่จริงคืนนี้เขาลงมือต่อหน้าสาธารณะก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมาก แต่ขณะนั้นเขาเห็นหลิวเต๋อจู้แบกมารดา แล้วก็เห็นหลิวโหย่วไฉกล่อมลูกชายให้จากไป สุดท้ายยังไม่สามารถอดกลั้นได้
ในจิตใจส่วนลึกของชิ่งเฉินรู้สึกสะเทือนอารมณ์อยู่บ้าง คนอื่นในนิทานเรื่องเล่าล้วนเป็น พอพยัคฆาสะบัดกาย ก็สามสาบานในสวนท้อก้มศีรษะกราบกรานกันทันที ผลคือมาถึงตัวเองนี่ ชนะใจหลิวเต๋อจู้เดี่ยว ๆ คนเดียวก็ทำให้เขากินแรงมากแล้ว
แต่เขาคิดดูแล้ว นี่เป็นเพียงเพราะว่าหลิวเต๋อจู้เป็นคนจริง ๆ ไม่ได้เป็นเครื่องมือสินะ
ชิ่งเฉินตอบข้อความกลับไปอย่างนิ่งเฉยว่า “พักผ่อนดี ๆ”
ถัดจากนั้น ข้อความของหลิวเต๋อจู้ส่งออกมาอีกว่า “บอสครับ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าตัวเองร้อนไปทั้งตัวเลย ตั้งแต่ที่เริ่มการต่อสู้ในพายุฝนแล้วอะ รู้สึกตลอดเลยว่าในจิตใจมีกองไฟหนึ่งกองอยากจะปล่อยออกมา แต่ถูกกฎสักอย่างกดเอาไว้ในร่างกาย ท่านรู้ว่านี่มันเรื่องอะไรไหมครับ?”
ขณะนี้ชิ่งเฉินกำลังคาดเดาว่า: เกรงว่ากฎของโลกใบนี้ไม่อนุญาตให้อเวค
ดังนั้นหลิวเต๋อจู้ไม่อาจอเวค ยางยางก็ไม่อาจอเวค!
แต่ว่า ตนเองจะสามารถไขเปิดยีนล็อคหลังจากที่ท้าทายสำเร็จที่โลกนี้ไหมนะ? ชิ่งเฉินไม่มั่นใจ ได้แต่ลองดูถึงจะรู้
ชิ่งเฉินย่อมไม่สามารถพูดว่าไม่รู้ ไม่อย่างนั้นภาพลักษณ์อันสูงส่งลึกล้ำสุดจะหยั่งของ “บอส” ไม่พังทลายไปเลยเหรอ
เขาใช้น้ำเสียงที่มั่นใจและสูงส่งลึกล้ำสุดจะหยั่ง พูดข้อสรุปของการคาดเดาของตนเองว่า “คุณไปถึงขอบเขตของผูู้อเวคแล้ว ถ้าคุณสามารถรักษาไฟกองนี้ในใจตัวเองไปถึงการทะลุมิติครั้งหน้าก็จะอเวคกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ที่โลกภายในโดยตรงเลย”
หลิวเต๋อจู้คิดในใจว่า บอสนี่เป็นบอสจริง ๆ สิ่งที่รู้เยอะกว่าตัวเอง
ความปีติยินดีปะทุขึ้นในใจขึ้น ตนเองจะกลายเป็นผู้อเวคแล้วเหรอ
“บอสครับ ผมควรทำยังไงถึงสามารถรักษาไฟกองนี้ในใจได้อะครับ” หลิวเต๋อจู้ขอคำชี้แนะอย่างถ่อมตัว
ชิ่งเฉินใคร่ครวญชั่วขณะ “นึกย้อนถึงอารมณ์ตอนที่คุณมีไฟกองนี้ปรากฏขึ้น”
“ตอนนั้นผมเห็นคลื่นยักษ์ที่ผู้เหนือมนุษย์ซัดกวาด ในจิตใจมีความโกรธแค้นอันไม่อาจเทียบได้พลุ่งพล่านขึ้นมา” หลิวเต๋อจู้ไม่แน่ใจ
“รักษาอารมณ์ชนิดนี้เอาไว้” ชิ่งเฉินกล่าว
ถ้าครั้งหน้าอีกฝ่ายตอนที่ทะลุมิติกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์สำเร็จจะดีที่สุด ถ้าไม่สำเร็จ งั้นก็คือคุณรักษาไม่อยู่
ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนที่เคยประสบกับเหตุการณ์ประเภทนี้
“โอเคครับ บอสพักผ่อนแต่เนิ่น ๆ เถอะ!” หลิวเต๋อจู้ส่งข่าวจบก็ผลักประตูห้องส้วมของห้องน้ำสาธารณะโรงพยาบาลออกมาอย่างโมโหโทโส
ถัดจากนั้น ลูกหลานล้างผลาญคนหนึ่งส่งข้อความเสียงวีแชตมาให้หลิวเต๋อจู้ว่า “พี่จู้ ได้ยินว่าบ้านพี่เกิดเรื่องอะ สรุปว่ามันยังไง?”
หลิวเต๋อจู้กดปุ่มข้อความเสียงคำรามว่า “ฉันก็ไม่รู้!”
ลูกหลานล้างผลาญที่ได้ยินเสียงล้วนอึ้งไป พี่ไม่รู้ก็ไม่รู้ดิ คำรามเพื่อ……
ยังไม่ทันที่เขาจะได้มีปฏิกิริยา หลิวเต๋อจู้ก็ส่งเสียงคำรามมาอีกอันว่า “ขอโทษ!”
ลูกหลานล้างผลาญ “???”
บอสใหญ่โมโหแล้วยังมีมารยาทขนาดนี้อีกเหรอ!?
……………………………..
ตอนที่ 174 – พาฉันกลับบ้าน