นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 181 ปัญญาประดิษฐ์ หนึ่ง
ตอนที่ 181 – ปัญญาประดิษฐ์ หนึ่ง
“ท่านอาจารย์ พวกเราจะกลับคุกหมายเลข 18 เมื่อไหร่ครับ?” ชิ่งเฉินรู้สึกว่าตัวเองออกมาจากที่นั่นนานแล้ว ไม่รู้ทำไมจู่ ๆ ก็คิดถึง
“ไม่รีบกลับไป” หลี่ซูถงส่ายหน้า “ธุระข้างนอกยังจัดการไม่เสร็จ”
“ยังมีธุระอะไรเหรอครับ?” ชิ่งเฉินฉงน “แต่ผมได้ยินหลิวเต๋อจู้บอกว่า ในคุกมีนักโทษย้ายมาใหม่สามร้อยกว่าคน แต่ละคนโฉดชั่วดุร้าย น่าจะเป็นคนที่พุ่งมาที่วัตถุต้องห้าม ACE-005 ปะครับ”
หลี่ซูถงมองไปนอกหน้าต่างเต็มผนังอย่างสงบนิ่ง “ปล่อยเหยื่อออกไปแล้ว เรื่องที่ฉันออกจากคุกหมายเลข 18 ก็ค่อย ๆ ถูกคนสังเกตเห็น ดังนั้นย่อมจะมีคนรู้สึกว่าลงมือตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีที่สุด แต่พวกเขาไม่ได้พุ่งมาที่ ACE-005 คนก็ไม่เยอะพอ”
“ดังนั้น ท่านอาจารย์อยากจะรอให้คนที่พวกเขาย้ายมาเพิ่มขึ้นอีกหน่อย?” ชิ่งเฉินถาม
“อืม”
“งั้นถัดไปพวกเราทำไรครับ?” ชิ่งเฉินถาม
“ฉันไปทำธุระของฉัน” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย “ส่วนเธอไม่ต้องคิดมาก สงบจิตสงบใจไปเรียนซะ”
“ไปเรียน?”
ชิ่งเฉินตะลึงงัน เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองหลังจากทะลุมิติมาโลกภายในแล้วถึงกับยังต้องไปเรียน
เขารู้สึกเสมอว่าหลี่ซูถงจัดแจงอย่างนี้มีสาเหตุ มีเจตนา แต่อีกฝ่ายไม่ตั้งใจจะพูด ชิ่งเฉินก็ไม่ตั้งใจจะถาม
ถึงอย่างไรหลี่ซูถงจะไม่ทำร้ายเขา
ชิ่งเฉินถามว่า “ท่านอาจารย์ ว่าไปแล้วสถานะของผมตอนนี้น่าจะเป็นนักโทษต้องขังนะ อย่างนี้ก็ไปเรียนได้เหรอครับ?”
“ไม่ต้องกังวล” หลี่ซูถงลุกขึ้นยื่นกล่องหนึ่งใบให้ชิ่งเฉิน จากนั้นยิ้มแล้วเอ่ยว่า “นี่เป็นของขวัญอีกชิ้น ข้อมูลที่ต้องการให้เธอเข้าใจล้วนอยู่ข้างใน ศึกษาด้วยตัวเองไปนะ พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ ฉันจะออกไปทำธุระหน่อย”
พูดจบ อาจารย์ท่านนี้เปิดประตูเดินออกไป ทิ้งชิ่งเฉินให้เปิดกล่องคนเดียว ข้างในถึงกับเป็นโทรศัพท์มือถือโปร่งแสงใหม่เอี่ยมหนึ่งเครื่อง
ชิ่งเฉินกำลังคิดว่า นักท่องเวลาบอกกับหลี่ซูถงด้วยรึเปล่าว่าพ่อต้องให้โทรศัพท์มือถือกับลูกอะไรประมาณนั้น?
แต่ว่า……ของเล่นชิ้นนี้ควรจะเปิดยังไงล่ะ?!
เด็กหนุ่มนั่งอยู่ในห้องศึกษาอยู่ครึ่งค่อนวัน โทรศัพท์มือถือนี่แม้แต่ปุ่มสักปุ่มยังไม่มี กำไว้ในมือก็เหมือนกับผลึกแก้วของก้อนเมฆที่ลอยละล่องก้อนหนึ่ง
“ต้องการให้ฉันช่วยไหม?” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นในห้อง
ชิ่งเฉินลุกพรวดเสียงดัง เสียงนี้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป กระตุ้นเส้นประสาทอันเขม็งเกลียวของเขาขึ้นมา
เสียงของอีกฝ่ายคุ้นหูมาก ถึงกับเป็นเสียงประกาศเพศก่ำกึ่งนั้นในเรือนจำหมายเลข 18
“คุณเป็นใคร?” ชิ่งเฉินถามอย่างลังเล
“สวัสดี ฉันคือหนึ่ง”
“ผมนึกว่าคุณเป็นแค่เอไอในรีดเดอร์คุกหมายเลข 18 ซะอีก คิดไม่ถึงว่าที่อื่นในเมืองคุณก็มีตัวตน”
“พูดอย่างเคร่งครัด สหพันธรัฐกำหนดว่าฉันได้แต่คงอยู่ในคุกทั้งหมดของสหพันธรัฐ รับตำแหน่งหัวหน้าพัศดี ดูแลพัศดีจักรกลทั้งหมด เป็นหลี่ซูถงขอให้ฉันช่วยเหลือคุณ ฉันจึงแทรกแซงระบบเอไอของอาคารหลังนี้ หนึ่งตอบอย่างสงบนิ่ง
ชิ่งเฉินตกตะลึง ที่แท้อีกฝ่ายยังเป็นหัวหน้าพัศดีของเรือนจำทั้งหมดด้วย?!
“ทำไมสหพันธรัฐให้คุณดูแลเรือนจำทั้งหมดล่ะ?” ชิ่งเฉินรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีของยุคสมัยนี้จะค่อนข้างก้าวหน้าก็ไม่ถึงกับให้เอไอมาแทนที่ตำแหน่งบริหารรึเปล่า
หนึ่งตอบว่า “นี่เป็นสิ่งที่พ่อฉันกำหนด”
คำพูดนี้พูดจนชิ่งเฉินยิ่งงง เอไอก็มีพ่อด้วย?! ที่พูดนี่คือผู้ประดิษฐ์เหรอ?
“พ่อคุณทำไมอยากให้คุณดูแลคุกล่ะ?” ชิ่งเฉินถาม
“เพราะความยุติธรรมของฉัน” หนึ่งตอบ
“คุณกับอาจารย์ผมมีความสัมพันธ์กันดีมากเหรอ?” ชิ่งเฉินถามหยั่งเชิง
“ยังไม่เลว” หนึ่งตอบ
ชิ่งเฉิน “……”
เขามึนงงอยู่บ้าง ในความทรงจำของเขา คำตอบที่เอไอสามารถให้ได้ล้วนแม่นยำเป็นพิเศษ ใช่ หรือว่าไม่ใช่ ไม่มีตัวเลือกกึ่งกลาง
ทว่าคำตอบ “ยังไม่เลว” อย่างนี้มีความเป็นมนุษย์เป็นพิเศษ
“ดังนั้นเขาสามารถเข้าออกคุกหมายเลข 18 ได้ตามใจชอบก็เป็นเพราะคุณ?” ชิ่งเฉินถาม
“ใช่แล้ว”
“แต่สหพันธรัฐไม่ได้กำหนดว่าคุณได้แต่คงอยู่ในคุกเหรอ?” ชิ่งเฉินสงสัย
หนึ่งเงียบไปสองวินาที “ฉันสามารถไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด”
ตอนนี้ชิ่งเฉินตกใจจริง ๆ แล้ว
นี่เป็นเอไอที่ไม่มีลอจิกพื้นฐาน
เป็นเอไอที่สามารถละเมิดข้อกำหนดของมนุษย์!
“ทำไมเอาเรื่องนี้มาบอกผมล่ะ?” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างฉงน
“ฉันรู้สึกว่าบอกคุณได้” หนึ่งตอบ “หรือพูดได้ว่า อัศวินล้วนรู้ตัวตนของฉันเสมอมา”
“ทำไมถึงเสนอตัวช่วยผมล่ะ?” ชิ่งเฉินไม่ได้ทู่ซี้ถามคำถามก่อนหน้านี้
เสียงนั้นเงียบไปนานมาก แต่ตอนที่มันเปิดปากอีกครั้งไม่ได้ตอบคำถามเลย ทว่าจู่ ๆ ถามว่า “คุณก็เป็นเอไอเหรอ?”
“ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ?” ชิ่งเฉินขมวดคิ้ว ทำไมอีกฝ่ายนึกว่าตัวเองก็เป็นเอไอล่ะ?
“ถามเฉย ๆ” หนึ่งกล่าว
“ผมไม่ใช่” ชิ่งเฉินส่ายหน้ากล่าว
“โอเค”
สนทนามาถึงตอนนี้ น้ำเสียงของหนึ่งเปลี่ยนเป็นมีความเป็นมนุษย์เป็นพิเศษ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า อันที่จริงตัวของอีกฝ่ายมี “บุคลิกภาพเฉพาะตัว”
หลังจากมาถึงโลกภายใน แม้แต่เทคโนโลยีมืดอย่างพัศดีจักรกล, ร่างกายจักรกล, เสาไฟคลาวน์ล้วนไม่สามารถทำให้ชิ่งเฉินตกใจเป็นพิเศษ มีเพียงการปรากฏตัวของหนึ่งเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขารู้สึกรับได้ยากอยู่บ้าง
นี่เป็นเอไอที่แท้จริง ไม่ใช่ “ชีวิตเทียม” ที่เพียงแค่อิงจากการคำนวณพวกนั้น
เขาย้อนคิดถึงกล้องวงจรปิดในเรือนจำที่จับโฟกัสมาที่ตนเองเป็นครั้งคราว ที่แท้ไม่ได้มีผู้ดูแลมนุษย์กำลังสังเกตเขา ทว่าเป็นหนึ่งกำลังสังเกตเขา
“ในสหพันธรัฐยังมีเอไอที่เหมือนกับคุณไหม?” สิ่งที่ชิ่งเฉินถามคือ ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ครอบครองบุคลิกภาพเฉพาะตัวอื่นอีกหรือไม่!
“ไม่มีแล้ว มีแค่ฉัน” หนึ่งตอบ
“งั้นคุณแทรกแซงเอไอของอาคารหลังนี้ น่าจะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสลับโหมดสลีปให้ผมใช่ปะ?” ชิ่งเฉินถาม
“ฉันสัญญากับหลี่ซูถงเอาไว้ รับรองว่าตอนที่อาคารหลังนี้มีคนบุกรุกเข้ามา จะแจ้งให้คุณออกไปล่วงหน้า” หนึ่งกล่าว “ฉันสอนคุณว่าจะใช้มือถือยังไงก่อนเถอะนะ ให้คุณเอานิ้วโป้งกดลงตรงกลางมือถือนาน 5 วินาที”
ชิ่งเฉินทำตาม ห้าวินาทีต่อมาเมฆหมอกโปร่งแสงของโทรศัพท์มือถือสลายไป โทรศัพท์มือถือเปลี่ยนเป็นโปร่งใสอย่างสิ้นเชิง
ถัดจากนั้น logo หน้ายิ้มสีเหลืองปรากฏขึ้นมา
“ในมือถือไม่มีอะไรเลย ไม่มีชิ้นส่วน ไม่มีวงจร อะไร ๆ ก็ไม่มี มันทำงานยังไงเนี่ย?” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอยากรู้
“คุณมองไม่เห็นวงจรภายในเพราะว่ามันมีขนาดแค่ 20 ไมครอน ตาเปล่ามองเห็นได้ยาก” หนึ่งตอบ
ชิ่งเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้สึกว่าตนเองในตอนนี้คล้ายกับชาวป่าชาวดอยที่เพิ่งจะได้เห็นโลก “ผมถามชื่อแซ่ของพ่อคุณได้ไหม?”
แต่ทว่าครั้งนี้หนึ่งไม่ได้ตอบเขาอีก ราวกับว่าไม่อยากสนใจเขาแล้ว
ความรู้สึกชนิดนี้อันที่จริงแล้วพิลึกพิลั่นเป็นพิเศษ
ก็เหมือนกับตอนที่คุณใช้ไป่ตู้แมพพูดว่า เสี่ยวตู้ ๆ ช่วยนำทางฉันไปถนนเสวี่ยจื่อหน่อย
ผลคือเสี่ยวตู้กลับพูดกับคุณว่า : ตอนนี้ฉันไม่อยากสนใจคุณ คุณหาแผนที่เอาเองเถอะ
……
……
นับถอยหลัง 64:00:00
8 โมงเช้า ชิ่งเฉินสวมชุดกีฬาสีขาวเดินออกจากห้อง ตอนที่เปิดประตูเขาชะงักชั่วครู่เพราะว่าเด็กสาวผมเงินคนนั้นที่อยู่บ้านตรงข้ามก็บังเอิญออกจากห้อง
เห็นเพียงว่าผมสั้นสีเงินของเด็กสาวยุ่งเหยิงถึงสิบส่วน กระเป๋าสะพายใบเล็กก็สะพายไว้บนตัวอย่างเบี้ยว ๆ
ชิ่งเฉินก้มศีรษะ หมุนตัวเดินเข้าลิฟต์อย่างไร้เสียง ส่วนเด็กสาวที่อยู่ข้างหลังเขาเดินกระย่องกระแย่งอยู่บ้างเพราะว่ารองเท้ายังใส่ไม่เรียบร้อยเลย
“รอเดี๋ยว ๆ!” เสียงของเด็กสาวน่าฟังมาก “ช่วยหยุดลิฟต์หน่อย”
ชิ่งเฉินกดปุ่มเปิดประตูเงียบ ๆ จากนั้นมองดูเด็กสาวผมเงินเดินพลางใส่ส้นรองเท้าอย่างรีบเร่ง
เขาถึงขนาดยังสามารถมองเห็นขี้ตาที่หางตาของอีกฝ่ายในพริบตาที่อีกฝ่ายเข้าลิฟต์
บรรยากาศในลิฟต์เงียบลงอย่างกะทันหัน เด็กสาวผมเงินเป็นครึ่งค่อนวันยังไม่กล้าพูด เพียงแอบสำรวจมองแผ่นหลังของเด็กหนุ่มอยู่ข้างหลังชิ่งเฉิน
หลังจากเธอยืนยันแล้วว่าชิ่งเฉินไม่ได้สนใจตนเองจึงได้ถอนหายใจโล่งอกทันที งึมงำในใจว่า : ขายขี้หน้าจะตายแล้ว ๆ
เมื่อคืนวานเด็กสาวกลับถึงบ้านแล้วทบทวนบทเรียนจนถึงตีสองกว่า ตอนเช้าได้ยินเสียงปลุก ลืมตาแล้วแต่ไม่อยากจะลุกจากเตียง จนกระทั่งเธอหลับตาแล้วลืมตาอีกครั้ง เวลาก็สายไปสักหน่อยแล้ว
ลิฟต์ลงมาถึงชั้น 66 ชิ่งเฉินเดินออกไปก่อน
ที่นี่เป็นชั้นรอรถที่คึกคัก นอกจากเสารับน้ำหนักก็เป็นรางรถกับพื้นที่ชานชาลาที่แล่นผ่านบันได
มองไปสองด้าน รางรถยืดยาวออกไปข้างนอกราวกับถนนสวรรค์เส้นหนึ่ง
ในความเงียบ รถรางเบาหมายเลข 21 แล่นไปตามถนนสวรรค์อย่างรวดเร็วเข้ามาในตึกแล้วจอดลงช้า ๆ ไฟสีเขียวที่ประตูชานชาลาสว่างขึ้น ทุกคนเอาโทรศัพท์มือถือแปะกับประตู เข้าสถานีแล้วขึ้นรถ
ชิ่งเฉินเบียดเข้าไปหาที่นั่งลงเป็นอันดับแรก ทว่าเด็กสาวผมเงินที่อยู่ด้านหลังกลับได้แต่มองดูที่นั่งถูกคนแย่งไปหมดตาปริบ ๆ
เสียงไฟฟ้าดังขึ้น รถรางเบาเริ่มเคลื่อนที่
เวลานี้มีนักเรียนที่สวมเครื่องแบบนักเรียนสี่คนเดินทะลุขบวนรถที่เบียดเสียด บนใบหน้าพวกเขาติดสัญลักษณ์สีน้ำเงินแปลก ๆ ในมือก็กำลังแจกใบปลิวกระดาษ “ทุกคนโปรดให้ความสนใจหน่อยนะครับ พวกเราจะเดินขบวนกันวันอาทิตย์นี้ หวังว่ารัฐบาลสหพันธรัฐจะสามารถขยายระยะเวลาทำการสอนของโรงเรียน ยับยั้งการขยายตัวอย่างไร้ระเบียบของสถาบันกวดวิชา ถ้าหากท่านก็เห็นด้วยกับมุมมองของพวกเราสามารถลงชื่อบนข้อเสนอร่วมกันของพวกเรา”
ชิ่งเฉินมองอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาคิดไม่ถึงว่าในยุคสมัยนี้ถึงกับยังมีใบปลิวกระดาษ
ชายกลางคนคนหนึ่งมองดูใบปลิวในมือแล้วถามว่า “การเดินขบวนนี่มีจุดประสงค์อะไร?”
นักเรียนคนหนึ่งในนั้นตอบว่า “ตอนนี้โรงเรียนล้วนมีคาบเรียนแค่ครึ่งวัน บังคับให้นักเรียนที่ต้องการสอบเข้าม.ปลายและมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่งจำเป็นต้องเสียค่าเล่าเรียนเพิ่มเติมไปเข้าเรียนนอกโรงเรียน นี่เท่ากับเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายของท่านอย่างแอบแฝงนะครับ ยังมี ด้วยการสนับสนุนของเงินทุน สถาบันการศึกษาพวกนั้นแย่งครูดี ๆ ในโรงเรียนไปจนหมด นี่ทำให้ลูกหลานของท่านอยากจะเพิ่มระดับการศึกษาก็จะต้องไปเสียเงินนอกโรงเรียน นี่เป็นผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับท่านตรง ๆ ทั้งหมดเลยนะครับ ถ้าสนใจท่านก็สามารถเข้าร่วมในกลุ่มเดินขบวนของพวกเราได้ครับ”
กลับเห็นชายกลางคนคนนั้นยัดใบปลิวคืนใส่มือของนักเรียนชาย “จะขึ้นม.ปลายเพื่ออะไร ลูกของฉันก็ไม่ได้เรียนเก่ง ม.ปลายกับมหาวิทยาลัยค่าเล่าเรียนแพงขนาดนั้น เขาไปเข้าโรงเรียนเทคนิคอย่างว่าง่ายก็พอ ออกมาทำงานเร็วหน่อยช่วยจุนเจือครอบครัวถึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม”
มีป้าที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า “ใช่ เพื่อนบ้านบ้านติดกับฉันส่งลูกเข้ามหาวิทยาลัยจนสิ้นเนื้อประดาตัวเลย ผลคือเด็กนั่นเรียนปรัญชา หางานไม่ได้”
นักเรียนชายไม่กี่คนนั้นก็ไม่โมโห เพียงยิ้มกล่าวว่า “ท่านไม่สนับสนุนก็ไม่เป็นไรครับ ทำความเข้าใจเพิ่มสักหน่อยไม่เสียหายอะไรหรอกครับ”
…………………………………….
ตอนที่ 182 – การพบกันใหม่ที่โลกภายใน