นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 35 ตามหาชิ่งเฉิน
ตอนที่ 35 – ตามหาชิ่งเฉิน
“คุณรู้ว่าใครทำไหมครับ” ลู่หยวนถาม
พร้อมกับที่คำถามนี้เอ่ยออกมา
ในห้องนั่งเล่นเงียบกริบลงทันควัน อากาศในห้องนั่งเล่นคล้ายจะกลายเป็นน้ำนิ่ง หนาแน่นจนความเคลื่อนไหวของทุกคนล้วนเชื่องช้าลง
ชิ่งเฉินในครัวก็กลั้นลมหายใจตามสัญชาตญาณ
เจียงเสวี่ยปรับท่านั่งแล้วค่อย ๆ กล่าวว่า “ฉันก็ไม่รู้ว่าใครทำ อาจจะมีคนที่เห็นความถูกต้องแล้วลงมืออย่างกล้าหาญก็ได้ ทำไมคะ พวกคุณอยากจะตรวจสอบสิ่งนี้เพราะอะไรคะ”
อันที่จริงเจียงเสวี่ยทราบชัดมากว่าอีกฝ่ายมาตรวจสอบชิ่งเฉิน
แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอล้วนไม่เต็มใจจะให้คนอื่นสืบไปถึงตัวชิ่งเฉิน เพราะว่าเด็กหนุ่มคนนั้นระบายความโกรธเพื่อลูกสาวของตนเอง
แผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่ถือพลั่วทหารในม่านราตรีและยังมีง่ามมือที่แตกอันนั้นคล้ายกับจะอยู่ใกล้ ๆ ตรงหน้า ทำให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยขึ้นมาจากตัวของคนนอกเป็นครั้งแรก
ลู่หยวนอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “คุณอย่าเข้าใจผิดนะครับ พวกเราก็ไม่ใช่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ดังนั้นไม่ได้อยากจะจับคนที่เห็นความถูกต้องแล้วลงมืออย่างกล้าหาญคนนี้แต่อย่างใด”
สมาชิกคุนหลุนด้านข้างกล่าวว่า “ใช่ครับ แค่ว่าจากที่นักเลงบรรยายออกมา พวกเราพบว่าจังหวะเวลาที่คนคนนี้ลงมือมีชั้นเชิงอย่างยิ่ง จังหวะที่ซุ่มโจมตีก็ไม่ใช่คนธรรมดาจะเทียบได้ ดังนั้นอยากจะหาเขาให้เจอ ดูว่าเป็นผู้ทะลุมิติรึเปล่า”
ลู่หยวนกล่าวต่อว่า “พวกเราก็ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นผู้ทะลุมิติ เพียงแค่ว่าเรื่องราวผิดปกติในระยะใกล้ ๆ นี้พวกเราล้วนจะสังเกตสนใจสักหน่อย”
สองคนนี้อย่างกับปรึกษากันมาดีแล้ว คนหนึ่งร้องคนหนึ่งขานรับ
เวลานี้ หลี่ถงอวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวอย่างเชื่อฟังว่า “เมื่อวานหลังจากเกิดเรื่อง หนูกับแม่ล้วนอยู่ในห้องตลอดไม่เคยออกไปเลย ดังนั้นไม่รู้ว่าใครทำค่ะ”
ชิ่งเฉินในครัวอึ้งไป
คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ล้วนจะมีจิตใต้สำนึกอย่างหนึ่ง : เด็กน้อยจะไม่พูดโกหก
เวลานี้หลี่ถงอวิ๋นจู่ ๆ อ้าปากอธิบาย จะเพิ่มความน่าเชื่อถือขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย
ชั่วขณะหนึ่งที่ชิ่งเฉินคิดว่าสาวน้อยคนนี้อาจจะไม่ธรรมดาเลย
ตอนแรก สาวน้อยมาที่หน้าประตูบ้านของตนเองคิดจะหลบภัย ถึงจะขี้ขลาดแต่ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธ
ตอนนี้สาวน้อยหลังจากกลายเป็นผู้ทะลุมิติแม้แต่แม่ของตัวเองก็ปิดบัง
ทุกสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลย
เจียงเสวี่ยสองผัวเมียทะเลาะกันทั้งปี เด็กน้อยที่เติบโตขึ้นมาในครอบครัวอย่างนี้มีความเป็นไปได้มากว่าจะต่างจากคนทั่วไป จะเก็บตัว หรือว่าโตเร็ว หรือว่ายังจะมีลักษณะเฉพาะทางจิตวิทยาอย่างอื่น
เขาเองก็เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมทางครอบครัวอย่างนี้ หลี่ถงอวิ๋นก็ด้วย
ไม่รู้เพราะอะไร ชิ่งเฉินจู่ ๆ รู้สึกว่าตนเองคล้ายจะได้พบกับคนประเภทเดียวกัน
ประเภทที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้รูปลักษณ์สงบนิ่งภายนอก ในใจดุเดือดรุนแรง
นี่เป็นลางสังหรณ์ของเขา
จู่ ๆ หลี่ถงอวิ๋นถามขึ้นมาในตอนนี้ว่า “คุณอาคะ คุณอาหรือคุณน้าที่เห็นความถูกต้องแล้วลงมืออย่างกล้าหาญคนนั้นเขาช่วยพวกเราไม่ใช่เหรอ พวกคุณอยากหาเขาเพราะอะไรคะ อยากจับเขาใช่รึเปล่า พวกคุณเป็นคนเลวใช่รึเปล่า”
“ไม่ใช่นะ” เพื่อนร่วมงานของลู่หยวนอธิบายอย่างอิหลักอิเหลื่ออยู่บ้าง “สหายน้อยอย่าเข้าใจผิด”
ลู่หยวนอธิบายว่า “นั่นอาจจะเป็นคนที่เห็นความถูกต้องแล้วลงมืออย่างกล้าหาญสักคนจริง ๆ ขออธิบายอีกครั้งว่าพวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย เพราะว่าองค์กรคุนหลุนเพิ่งจะก่อตั้ง ดังนั้นต้องการเสาะหาและดึงดูดผู้มีความสามารถที่ความคิดเห็นพ้องกันสักหน่อย”
“อืม เข้าใจค่ะ” เจียงเสวี่ยกล่าว
“ยังมีก็คือ โลกภายในที่จริงแล้วมีองค์กรอื่นรวมทั้งกลุ่มการเงินบางแห่งที่ค้นพบการคงอยู่ของโลกภายนอกแล้ว จากสถิติของพวกเรา มีผู้ทะลุมิติ 21 คนที่ตายอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ก่อนตายโดนทรมาน ยังมีผู้ทะลุมิติสิบกว่าคนที่ระบุอย่างชัดเจนว่าตนเองถูกองค์กรโลกภายในกุมขัง หวังว่าคุณผู้หญิงเจียงเสวี่ยจะสามารถเพิ่มความตื่นตัวนะครับ อย่าถูกพวกเขาค้นพบ” ลู่หยวนอธิบาย “ถึงพวกนี้ล้วนเป็นปฏิบัติการลับ แต่เพียงพอที่จะเตือนพวกเราแล้วว่าหลังจากเปิดเผยตัวตนจะอันตรายเป็นพิเศษเลย”
“โอเค เข้าใจแล้วค่ะ” เจียงเสวี่ยพยักหน้า เธอฟังข้อมูลพวกนี้ที่ลู่หยวนบอกมาแล้วในใจก็หวาดกลัวอยู่บ้าง
ที่แท้การเปิดเผยตัวตนในโลกภายในมันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้
ในเวลานี้เอง โทรศัพท์มือถือเพื่อนร่วมงานของลู่หยวนดังขึ้นมา เขาเปิดออกดูแล้วกล่าวว่า “เหอเสี่ยวเสี่ยวปรากฏตัวอีกแล้ว”
เจียงเสวี่ยสับสน “เหอเสี่ยวเสี่ยวคือคนที่โพสต์ไกด์บนติ๊กต็อกคนนั้นน่ะเหรอคะ”
“ครับ” ลู่หยวนพยักหน้า
หลี่ถงอวิ๋นถามอย่างน่ารักน่าชังว่า “คุณอาคะ พี่เหอเสี่ยวเสี่ยวคนนั้นเป็นใครน่ะ หนูเห็นเขารู้เรื่องเยอะแยะเลย”
ลู่หยวนสนใจขึ้นมา “สหายน้อย หนูก็รู้จักเหอเสี่ยวเสี่ยวเหรอ ตอนนี้พวกเราก็กำลังหาคนคนนี้ เพียงแต่อีกฝ่ายซ่อนตัวเองเก่งมากเลย พวกเราถึงตอนนี้ยังตรวจสอบไม่ออกว่าเขาเป็นใคร โดยทั่วไปแล้วเขาน่าจะทิ้งเงื่อนงำไว้บ้าง แต่ตอนนี้ร่องรอยทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนถูกลบไปแล้ว…… พูดมากไปหน่อยแล้ว พวกเราก็ไม่รบกวนพวกคุณแล้วครับ ลาก่อน”
เจียงเสวี่ยลุกขึ้นกล่าวว่า “ฉันขยับตัวลำบาก ไม่ส่งพวกคุณแล้วนะคะ”
“ไม่ต้องส่งครับ” ลู่หยวนยิ้มพลางเดินไปถึงประตู จู่ ๆ เขามองที่ปากประตูแล้วถามว่า “เอ่อ รองเท้ากีฬาที่หน้าประตูนี่ของใครครับ”
เจียงเสวี่ยตอบอย่างสงบนิ่งว่า “ของสามีฉันค่ะ”
หลี่ถงอวิ๋นก็กล่าวว่า “ใช่ ของพ่อหนู”
“อืม ๆ ไม่รบกวนแล้วครับ” ลู่หยวนพูดจบแล้วเปิดประตูจากไป
หลังจากประตูปิดลงดังคลิก เจียงเสวี่ยและหลี่ถงอวิ๋นสองแม่ลูกจึงได้ถอนหายใจโล่งอกออกมาพร้อมกัน
ชิ่งเฉินออกมาจากในครัว “ขอโทษครับ สร้างความยุ่งยากให้พวกคุณซะแล้ว”
“อย่าพูดอย่างนี้เลยค่ะ เป็นพวกเราที่สร้างความยุ่งยากให้คุณถึงจะถูก” เจียงเสวี่ยกล่าว “ถ้าเกิดไม่ใช่ว่าพวกเราเกิดเรื่องก็ไม่ถึงกับจะทำให้คุณเข้ามาพัวพันเรื่องอย่างนี้หรอก”
“อืม พวกคุณอยากกินอะไรครับ ผมเพิ่งจะเปิดตู้เย็น พบว่าไม่มีกับข้าวแล้ว” ชิ่งเฉินกล่าว
เจียงเสวี่ยให้หลี่ถงอวิ๋นไปหยิบเงินสองร้อยไคว่มาจากในกระเป๋าสตางค์ “ต้องซื้อกับบ้าวมาอีกหน่อยแล้ว ซื้อซี่โครงมาหน่อยเถอะนะ? คุณกับเสี่ยวอวิ๋นอยู่ในวัยกำลังโต ต้องกินเนื้อหน่อย”
ชิ่งเฉินคิดดูแล้วรับเงินออกไปข้างนอก
ในทางเดินอันเก่าคร่ำคร่า ทุกแห่งหนล้วนติดเต็มไปด้วยประกาศโฆษณาแผ่นเล็ก ๆ ยังมีสีทาผนังที่หลุดร่อนไปตามกาลเวลา
เขายืนอยู่ในเงามืดตรงบันได นิ้วเคาะราวบันไดเหล็ก ส่งเสียงดังแก๊ง ๆๆ
เสียงนี้มีจังหวะอันพิสดารประเภทหนึ่ง คล้ายกับว่านิ้วก็มีความนึกคิด
ถัดมา ชิ่งเฉินกลับบ้านไปเปลี่ยนรองเท้าก่อน แล้วจึงออกไปตลาดสด
ผลคือ ยังไม่ทันที่เขาจะออกไปจากเขตที่พักเลยก็เห็นรถออฟโร้ดสีดำจอดอยู่ที่ข้างถนน ข้างในมีสายตาที่จับจ้องเขาเงียบ ๆ รอให้เขาเดินผ่านข้างรถ
สายตาของลู่หยวนกวาดมองบนตัวของชิ่งเฉิน หยุดเป็นพิเศษที่รองเท้าครู่หนึ่ง
สองคนในรถมองดูเงียบ ๆ จนกระทั่งหลังจากชิ่งเฉินไปไกลแล้ว ลู่หยวนจึงกล่าวขึ้นปุบปับว่า “ไม่ใช่เขา”
“คุณรู้อยู่ว่าเมื่อกี้ในห้องมีคนอื่น เหมือนกับว่าหลบพวกเราด้วย ทำไมไม่พุ่งเข้าไปดูสักทีเลย จะเหนื่อยยากอย่างนี้เรอะ” อีกคนหนึ่งงุนงง
ลู่หยวนเอ่ยอย่างจนใจว่า “เจ้านายเจิ้งเพิ่งจะอธิบายไป คุนหลุนเพิ่งเริ่มก่อตั้ง พวกเราต้องรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้ทะลุมิติ อย่าไปใช้วิธีการแข็งขืนอะไร”
“ผมรู้สึกว่าเอาผู้ทะลุมิติทั้งหมดดูดซับเข้าไปในองค์กรเลยค่อยว่ากันจะดีกว่า”
ลู่หยวนสั่นศีรษะลดหน้าต่างรถลงจุดบุหรี่ ประกายไฟสีส้มแดงกับกลุ่มควันล่องลอยอยู่ในรถ
เขาพ่นควันที่อยู่ในปอดออกมา “คุนหลุนจะไม่รับหมูหมากาไก่อะไรไปซะหมด เจ้านายก็เคยพูดว่าพวกเราจะทำอะไรในอนาคต ไม่ใช่คนเส้นทางเดียวกันไม่ไหวหรอก”
“งั้นตอนนี้เอาไง” เพื่อนร่วมงานถาม
“รออยู่ที่นี่ไปอีกหน่อย รอไม่เจอก็ช่างแล้ว” ลู่หยวนขยี้ก้นบุหรี่ “ยุคสมัยใหม่เริ่มต้นแล้ว มีบางคนที่ลิขิตว่าจะไม่เป็นคนธรรมดา บางทีไม่ต้องให้พวกเราไปหาพวกเขา พวกเขาก็จะปรากฏตัวขึ้นมาเอง”
……
ชิ่งเฉินเดินไปถึงตลาดเกษตรกรถนนเจี้ยนตงจึงค่อย ๆ เอาโทรศัพท์มือถือออกมาเสิร์ชคำสามคำว่าเหอเสี่ยวเสี่ยวในติ๊กต็อก
เมื่อครู่ลู่หยวนเปิดเผยข่าวสารมากมายในการสนทนาในบ้านเจียงเสวี่ย : แม้แต่คุนหลุนยังไม่รู้ตัวตนของเหอเสี่ยวเสี่ยว อีกฝ่ายไม่ได้ถูกคุนหลุนดึงเข้าทัพเลย แถมอีกฝ่ายยังมีวิธีการลบร่องรอยของตนเองด้วย
ต้องรู้ว่าสังคมอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันนี้การคิดจะลบร่องรอยของตนเองมันยากเย็นมากแค่ไหน?
ข้อมูลลงทะเบียนโทรศัพท์มือถือของคุณ ข้อมูลระบุตัวตนของคุณ แทบจะอยู่ในอินเตอร์เน็ตทั้งหมด หาได้ทั่วไป
ด้วยความสามารถของคุนหลุนที่สามารถจำกัดการเดินทางได้ ด้วยวิธีการทางเทคโนโลยีจะหาข้อมูลตัวตนของแคสเตอร์เกมคนหนึ่งไม่เจอได้อย่างไร
นอกเสียจากว่าอีกฝ่ายเกาะกุมเทคโนโลยีที่เหนือไปอย่างยุคสมัยนี้ทำให้มนุษย์โลกภายนอกไม่อาจเข้าใจ…… หรือว่าเป็นสกิล
……
อ่านฟรีที่ nekopost.net หรือ dek-d.com
ติดตามเพจผู้แปล https://web.facebook.com/arisan.novel.translation
งงมาก ๆ เรื่องนี้เป็นที่นิยมเหรอ ทำไมแปบเดียวก็ถูกดูดไปลงเว็บเถื่อนเต็มเลยอะ แต่คนอ่านเว็บหลักที่เราลงมีแค่หลักสิบต้น ๆ เองนะ……. ลงอ่านฟรีไม่ได้ติดเหรียญเลยด้วยนะ
ความแค้นคือกูเกิลชื่อเรื่องแล้วเว็บเถื่อนขึ้นเต็ม แต่เว็บที่เราแปลดันไม่ขึ้นมาเลยด้วยซ้ำ…..
เห็นมีคนเอาไปอ่านลงยูทูปด้วย น่าจะเป็นเสียงเอไอละนะ ก็ไม่ได้จะห้ามหรอกนะ แต่ก็น่าจะบอกกันหน่อยสิ จะได้ช่วยโฆษณาบ้างไรบ้าง (แต่ที่ดูดไปลงเวปเถื่อนอยากสาปมาก)
ตอนที่ 36 – ไกด์อันใหม่