นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 53 นักเรียนท๊อปกับนักเรียนเทพ
ตอนที่ 53 – นักเรียนท๊อปกับนักเรียนเทพ
หูเสี่ยวหนิวมองชิ่งเฉินจากไป เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยชนิดหนึ่ง
ไม่ได้จะบอกว่าเขาเคยเห็นชิ่งเฉินหรือว่าชิ่งเฉินคล้ายใคร ทว่าเป็นทัศนคติกีดกันคนเป็นพันลี้ของอีกฝ่าย
ก็เหมือนกับตอนที่พวกเขาเองกันเพื่อนนักเรียนบางคนไปอยู่นอกวง ทัศนคติประเภทที่เบื้องนอกสุภาพมีมารยาท ในกระดูกกลับทระนงตน
นี่ทำให้หูเสี่ยวหนิวเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง เขามองดูอาคารหลังนี้ที่ชิ่งเฉินพักอาศัย จากนั้นถามว่า “พวกเธอพบเห็นว่าเขาประหลาดอยู่บ้างรึเปล่า”
จางเทียนเจินที่สวมแว่นตาขอบดำข้าง ๆ กล่าวว่า “หวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์สวยมาก ๆ ทั้งนั้น แถมยังเป็นเพื่อนนักเรียนใหม่กับเพื่อนบ้านใหม่ของเขา แต่เขามองยังไม่มอง แล้วก็เหมือนกับว่าไม่มีความสนใจจะพูดคุยกันด้วย”
“ใช่” หวังอวิ๋นพยักหน้า “ไม่เหมือนกับความไร้เดียงสาของนักเรียนชายทั่วไป เหมือนกับอยากจะหลบเลี่ยงพวกเรามากกว่า”
“วันนี้ฉันถามหนานเกิงเฉินที่นั่งข้าง ๆ เขาพูดว่าเพื่อนนักเรียนคนนี้เกรดอยู่ที่สามอันดับแรกของชั้นปีอย่างมั่นคงมาตลอด ทระนงตัวนิดหน่อยก็ปกติมาก นักเรียนท๊อปไม่ใช่ว่าเป็นอย่างนี้กันหมดเหรอ” ไป๋หว่านเอ๋อร์ยิ้ม “พวกนักเรียนเทพของ ‘รร.ไห่’ ของเราก็เป็นอย่างนี้”
หูเสี่ยวหนิวยิ้มแล้วส่ายหน้า “นักเรียนท๊อปของเมืองเล็ก ๆ เพดานต่ำเกินไปแล้ว”
อันที่จริงหูเสี่ยวหนิวไม่ได้ยิ้มเยาะอย่างจงใจเลย ทว่าพวกเขาทราบกระจ่างมากว่า การศึกษาของเมืองชั้นหนึ่งนำหน้าเมืองเล็กมากมายขนาดไหน
นักเรียนท๊อปของเมืองเล็กอ่านภาษาอังกฤษไม่มีปัญหา แต่การพูดกับการฟังห่างกันไกล ถึงจะเป็นโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่วซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อว่าภาษาต่างประเทศก็เป็นเช่นเดียวกัน
แต่โรงเรียนมัธยมชั้นนำของเมืองใหญ่สักเมือง ดึงคนสักคนจากหน้าประตูโรงเรียนมั่ว ๆ ล้วนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างไม่มีสะดุด
รางวัลการแข่งขันไม่รู้ว่าเก็บมาเท่าไหร่ ปิดเทอมฤดูหนาวล้วนไปสัมผัสชีวิตที่ขั้วโลกเหนือ
นั่นมันเหมือนกับเป็นชีวิตคนละโลกกันเลย
“ช่างเถอะ ไม่ต้องไปคิดถึงนักเรียนท๊อปนักเรียนเทพอะไรแล้ว พวกเรากับเขาก็ไม่ได้จะมีการติดต่อกันมากมาย แค่บังเอิญอยู่ห้องติดกันเท่านั้น” หวังอวิ๋นกล่าว “เข้าบ้านไปคุย”
ระหว่างที่พวกเขาพูดก็เปิดประตูของห้อง 102 แล้ว
เหล่าคนงานถอนตัวไปแล้ว ในบ้านเพียงใช้เวลาหนึ่งวันก็กลายเป็นใหม่เอี่ยม
ในบ้านไม่มีการรีโนเวทเพราะเวลาสั้นเกินไป ดังนั้นก็เลยรีบเร่งปูพรมบนพื้นทั้งหมด บนผนังก็ดำเนินการป้องกันหมอกแล้วติดวอลเปเปอร์อีกหนึ่งชั้น
สำหรับพวกเขาสี่คน ถือว่าพอจะฝืนอาศัยอยู่ได้
“ที่จริงพวกเราอยู่โรงแรมก็ได้นะ แล้วก็ไม่เห็นจำเป็นต้องอยู่ที่นี้เลย เป้าหมายของทุกคนคือหลิวเต๋อจู้ เจียงเสวี่ยถึงตอนนี้ก็เหมือนจะไม่มีอะไรพิเศษเลย” ไป๋หว่านเอ๋อร์กล่าว
หูเสี่ยวหนิวกล่าวว่า “อย่าสายตาแคบสั้นอย่างนี้ ในเมื่อพวกเราตัดสินใจจะจากเมืองหมายเลข 7 ไปเมืองหมายเลข 18 งั้นก็ต้องหาเพื่อนในเมืองหมายเลข 18 สุดความสามารถ เธอไม่เห็นไกด์ของเหอเสี่ยวเสี่ยวเหรอ ฟอร์มทีมสุดความสามารถ”
หวังอวิ๋นยังห่อเหี่ยวนิดหน่อย “พวกนายก็ทู่ซี้จะผูกมิตรกับหลิวเต๋อจู้ช้า ๆ อยู่ได้ ในความเห็นฉัน จ่ายเงินซื้อข่าวตรง ๆ เลย เป็นของก็ได้”
จางเทียนเจินส่ายหน้า “ในเมื่อเลือกแผนที่จะมาเมืองลั่วทนความลำบาก นี่เป็นสิ่งที่ฉันกับเสี่ยวหนิวบอกตั้งแต่แรกแล้ว พวกเราอยู่ที่เมืองหมายเลข 7 ไม่ได้มีรากฐานอะไรเลย ดังนั้นสิ่งที่สามารถทำได้ก็คือใช้อำนาจของโลกภายนอกไปส่งผลประทบต่อโลกภายใน”
หูเสี่ยวหนิวเป็นกระดูกสันหลังของคนกลุ่มนี้ เขาพยักหน้ากล่าวว่า “ตอนนี้ต้องคิดวิธีผูกมิตรกับหลิวเต๋อจู้ ดังนั้นเก็บสไตล์ตามปกติของทุกคนไปเลย ไม่มีเงินถึงจะติดขัดไปหมด แต่เงินก็ไม่ใช่ทุกสิ่ง พวกเธอต้องเข้าใจว่าบนโลกยังมีคนที่มีเงินมากกว่าพวกเรามากมาย รอถึงตอนที่มีคนคิดจะจ่ายเงินซื้อทรัพย์สินจากหลิวเต๋อจู้ มิตรภาพก็จะเป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของพวกเรา”
“จริงสิ ด้านพวกนายดำเนินการเป็นยังไง เดิมทีบอกว่าพวกเราสี่คนจะอยู่ห้องเดียวกัน ผลคือดันบอกว่าปีสองห้อง 4 คนเต็มแล้ว” หวังอวิ๋นถาม
หูเสี่ยวหนิวตอบว่า “หลิวเต๋อจู้คบหาง่ายมาก เพียงแต่ถามลองเชิงเขาไปตั้งหลายอย่าง เขาก็ไม่เต็มใจจะบอก”
จางเทียนเจินกล่าวว่า “ที่จริงนายเห็นว่าเขาคบหาง่ายมาก แต่ปัญหาคือเขาไม่เต็มใจจะเปิดเผยอะไรกับนายทั้งนั้น ดูโง่ ๆ ที่จริงฉลาดสุด ๆ เป็นคนที่ฉลาดเกินไปจนดูโง่”
“อืม ฉลาดเกินไปจนดูโง่ประเมินได้ดีมาก” หูเสี่ยวหนิวสรุป
“จริงสิ” หวังอวิ๋นจู่ ๆ กล่าวขึ้นมา “พวกนายได้ยินรึเปล่าว่ายางยางก็วางแผนจะทำเรื่องย้ายโรงเรียนแล้ว”
“ยางยาง?” ไป๋หว่านเอ๋อร์กับพวกอึ้งไป
ยางยาง ยางที่มาจากปักกล้า*
ชื่อที่เรียบง่ายมากชื่อหนึ่ง แต่ดูปฏิกิริยาของไป๋หว่านเอ๋อร์กับพวก อย่างกับว่าชื่อนี้ที่โรงเรียนมัธยมไห่ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมชั้นท๊อปของเมืองไห่มีสถานะอันเป็นเอกลักษณ์ ดังนั้นจึงสามารถทำให้ทุกคนตกตะลึง
จางเทียนเจินจู่ ๆ กล่าวว่า “เดี๋ยวนะ ฉันจำได้ว่ามีคนเคยพูดว่าตายายของยางยางอยู่เมืองลั่วปะ เธอคงไม่ใช่ว่าจะย้ายมาที่นี่ด้วยหรอกนะ”
“อย่าเพิ่งไปคิดเรื่องพวกนี้ ไม่เห็นได้ยินเลยว่ายางยางกลายเป็นนักท่องเวลา” หูเสี่ยวหนิวกล่าว “ไปเยี่ยมเพื่อนบ้านใหม่กันก่อนเถอะ”
พูดแล้วเขาก็ขุดกล่องหรูหราใบหนึ่งจากในบ้านเป็นของขวัญแรกพบ พาคนอื่นขึ้นชั้นสองไปด้วยกัน
ก๊อก ๆๆ หูเสี่ยวหนิวเคาะประตู
ในบ้านมีเสียงดังขึ้นมาว่า “เสี่ยวอวิ๋น ลูกไปเปิดประตู อาจจะเป็นพี่ชิ่งเฉินของลูก”
ต่อจากนั้นมีเสียงหวาน ๆ ของเสี่ยวอวิ๋นดังออกมาว่า “พี่ชิ่งเฉินรอแปบนะ หนูมาเปิดประตูให้พี่แล้ว”
เสียงคลิ๊ก ประตูเปิดออก
หวังอวิ๋นยิ้มแย้มเต็มหน้ากล่าวว่า “สวัสดีจ๊ะ เพื่อนตัวน้อย”
เสียงประตูปิดแรง ๆ ดังปัง หลี่ถงอวิ๋นข้างในกล่าวว่า “แม่ ไม่ใช่พี่ชิ่งเฉิน”
เจียงเสวี่ยประหลาดใจ “งั้นเป็นใครล่ะ”
หลี่ถงอวิ๋นตอบว่า “ไม่สำคัญ”
ระบบการเก็บเสียงของบ้านไม่เท่าไหร่ หูเสี่ยวหนิวได้ยินเสียงการ์ตูนขบวนการเจ้าตูบสี่ขา** จากนั้นประตูบานนี้ก็ไม่ได้เปิดให้พวกเขาอีกเลยจริง ๆ
หวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์สบตากันสองคน “พี่ชิ่งเฉิน…… ชื่อนี้คุ้นหูนิดหน่อยนะ?”
เวลานี้พวกเขายังไม่ตระหนักว่า เพื่อนบ้านในอาคารหลังนี้ คนหนึ่งเป็นทายาทสายตรงของกลุ่มการเงินตระกูลหลี่ คนหนึ่งเป็นลูกศิษย์หนึ่งเดียวของหลี่ซูถง พวกเขาวิ่งมาเมืองลั่วอย่างเหน็ดเหนื่อย ผลคือนายท่านแท้จริงสักคนก็หาไม่เจอ
……
ขณะนี้ ชิ่งเฉินที่ถูกหลี่ถงอวิ๋นบ่นถึงกำลังยืนอยู่ในซอยแห่งหนึ่งทิศใต้ของสี่แยกเมืองลั่ว
ซอยเล็ก ๆ ผ่านกาลเวลามาหลายปี สิ่งปลูกสร้างล้วนเป็นรูปแบบจีน สองข้างของถนนหินเขียวล้วนเป็นกำแพงสีเทากระเบื้องหลังคาสีดำ
ตอนฝนตก เม็ดฝนรวมตัวบนกระเบื้อง จากนั้นตกลงมาตามร่องกระเบื้อง
ประตูร้านทองเก่าแก่แขวนโคมแดงสองใบ ปากประตูวางกระดานดำหนึ่งแผ่น : รับซื้อของขวัญ, ทองคำ, ถั่งเช่า, โสมคน ราคาสูง
ชิ่งเฉินในหมวกฮู้ดของเสื้อฮู้ดถามว่า “ทองรับยังไงครับ”
ชายชราที่กำลังสานตระกร้าไม้ไผ่ข้างในเหลือบตาขึ้นหยีมองเขา “มีใบเสร็จไหม”
“ไม่มี” ชิ่งเฉินส่ายหน้า
ใบเสร็จที่ว่าก็คือใบเสร็จตอนที่ซื้อทอง ของนีสามารถพิสูจน์ที่มาของทองคำของคุณ
การรับทองคำโดยทั่วไปล้วนต้องการสิ่งนี้ ไม่มีใบเสร็จก็อาจจะเป็นทองที่มีปัญหา โรงรับจำนำตามกฎหมายล้วนไม่รับ
ชายชรามองเขา วางตระกร้าไม้ไผ่ในมือลงกล่าวว่า “ไม่มีใบเสร็จยากมาก ถ้าคุณยากขายอย่างจริงใจก็ 220 ต่อกรัม ฉันไม่ถามว่าคุณไปได้มาจากไหน”
ราคาทองวันนี้คือ 380 ต่อกรัม
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “ตกลง 39 กรัม”
8580 หยวน นี่เป็นจำนวนมหาศาลสำหรับเขาแล้ว อย่างน้อยสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า
…………………………….
ไม่ใช่หรอกค่ะ รายนั้นโง่จริง 555
*ยาง (秧) แปลว่าต้นกล้าค่ะ
ยางยางตอนที่เราอ่านอิ๊งเรานึกว่าเป็นหยางหยางมาตลอดเลยนะ เรียกน้องในใจว่าหยางหยางมา 700 ตอนแล้วเนี่ย กลัวว่าต่อไปจะแปลแล้วหลุดพิมพ์ผิดจังเลย อืม แต่ว่าจะ “ยางยาง” ดีหรือว่า “ยังยัง” ดีกว่านะ ทุกคนส่งความเห็นมาได้เลยค่า
**ขบวนการเจ้าตูบสี่ขา PAW Patrol ไม่รู้จักอะ
ซอยกำแพงสีเทากระเบื้องหลังคาสีดำ ประมาณนี้ค่ะ ซอยเก่า ๆ ของจีนจะหน้าตาแบบนี้เลยค่ะ แต่อันนี้ค่อนข้างกว้างนะ ที่เราเคยเห็นแคบเข้าได้แต่จักรยานเลยค่ะ
ตอนที่ 54 – ชีวิตคนไม่สามารถเริ่มใหม่แต่สามารถรีเพลย์