นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) - ตอนที่ 58 เริ่มต้นก็ผิดแล้ว
ตอนที่ 58 – เริ่มต้นก็ผิดแล้ว
การเยี่ยมเยือนครั้งแรกระหว่างเพื่อนบ้านไม่ได้ใช้เวลานานมาก ทั้งสองฝ่ายสนทนากันอย่างเป็นมิตรและมีไมตรีจิต นอกจากเหตุการณ์วิสกี้แล้ว ทุกสิ่งคล้ายจะดำเนินไปอย่างราบรื่น
แต่หลังจากหูเสี่ยวหนิวกับพวกกลับมาถึงบ้านของตนเองแล้ว ทั้งสี่คนนั่งลงนิ่ง ๆ บนโซฟาเงียบใส่กัน
เพราะว่าพวกเขาทุกคนล้วนทราบชัดว่าเบื้องหลังไมตรีอันอบอุ่นนี้ยังคงมีความเกรงใจอันยากจะข้ามผ่าน
ในสายตาเจียวเสวี่ย พวกเขาเป็นแขก ไม่ใช่เพื่อน
แต่ถ้าหากเป็นเพียงแขก ก็จะไม่มีทางได้รับความช่วยเหลือของอีกฝ่ายในเมืองหมายเลข 18
ในที่นี้ หูเสี่ยวหนิวกับจางเทียนเจินสองคนค่อนข้างเยือกเย็นและมีสติ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายโรงเรียนหรือว่าการมุ่งหน้าจากเมืองหมายเลข 7 ไปยังเมืองหมายเลข 18 ล้วนเป็นแผนการที่สองคนนี้เอ่ยขึ้นมา
ขณะนี้หูเสี่ยวหนิวมองทุกคนแล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “พวกเราอาจจะผิดไปแล้ว เริ่มต้นก็ผิดแล้ว”
ทุกคนมองไปทางเขา
หูเสี่ยวหนิวชี้ไปยังโซฟาของพวกเขากล่าวว่า “พวกเราจากเมืองไห่มาสถานที่ห่างไกลอย่างเมืองลั่ว ยังต้องขนโซฟาหนังแท้มาทางเครื่องบิน เธอดูฝ่ายตรงข้ามเขาสิ โซฟาผ้าเก่า ๆ ฉันไม่ได้จะพูดถึงความแตกต่างระหว่างรวยกับจน แต่ว่าตอนนี้พวกเราจะต้องโยนความหยิ่งทะนงในกระดูกทิ้งไป”
จางเทียนเจินถอดแว่นตาขอบสีดำของตนเองกล่าวว่า “ฉันจะฟังคำของเสี่ยวหนิว”
“อีกอย่าง พวกเราก็ไม่มีอะไรให้หยิ่ง” หูเสี่ยวหนิวกล่าว “พวกเธอสังเกตเห็นแขนจักรกลของเจียงเสวี่ยไหม แขนนั้นรายละเอียดปราณีตสุด ๆ เกรงว่าต้องเป็นกลุ่มการเงินถึงจะสามารถใช้ได้ ดังนั้นพวกเราที่โลกภายนอกครอบครองความร่ำรวย แต่ในโลกภายใน เจียงเสวี่ยจึงเป็นคนที่ครอบครองความร่ำรวย”
หูเสี่ยวหนิวกล่าวต่อว่า “ก็เพราะว่าพวกเราแบกความหยิ่งทะนงชนิดนั้นอยู่ในกระดูก ดังนั้นพวกเราไม่สามารถกลายเป็นเพื่อนกับคนอย่างชิ่งเฉิน, เจียงเสวี่ย, หลี่ถงอวิ๋น, หลิวเต๋อจู้”
“แต่พวกเราแข็งแกร่งกว่าพวกเขาจริง ๆ นิ” ไป๋หว่านเอ๋อร์พบว่าหูเสี่ยวหนิวสีหน้าเคร่งเครียด ได้แต่เปลี่ยนน้ำเสียงไปว่า “……ก็ได้ งั้นพวกเราจะเอาไง”
“พรุ่งนี้เรื่องอันดับแรกก็คือไปรับชุดนักเรียนของพวกเรา ไม่อนุญาตให้ใส่นาฬิกาหรูแล้ว เปลี่ยนไปเป็นนาฬิกาดิจิทัลคาสิโอทั่ว ๆ ไป” หูเสี่ยวหนิวกล่าว “จากนั้นปล่อยวางสถานะของแต่ละคน สนิทสนมกับเพื่อนนักเรียนอย่างธรรมดา ๆ แต่ว่า คำที่ฉันใช้ยังไม่แม่นยำพอ ไม่ใช่ปล่อยวางสถานะ ทว่าหวังว่าแต่ละคนจะตระหนักจริง ๆ ว่าพวกเรามาเมืองลั่วคือการมาแสวงหาความหวัง ไม่มีอะไรให้หยิ่งทะนงเลย”
หวังอวิ๋นงึมงำว่า “แต่ชุดนักเรียนของโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศเมืองลั่วน่าเกลียดมากเลยอะ ใส่ชุดของตัวเองก็ไม่ได้เหรอ ฉันแพ็กเสื้อผ้ามาตั้งเยอะแยะ”
“ไม่ได้” หูเสี่ยวหนิวกล่าวอย่างเฉียบขาด
เขามองดูนักเรียนหญิงที่เงียบลงไปทั้งสองคน ในใจจู่ ๆ ถอนหายใจขึ้นมา
……
นับถอยหลัง 4 วัน
ชิ่งเฉินตื่นจากฝัน ตอนที่เขาลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาจู่ ๆ ก็พบเห็นในกระจกว่าลายเส้นที่หน้าท้องของตนเองค่อย ๆ เฟิร์มขึ้นมา
ไม่เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญการออกกำลังกายที่มีกล้ามท้องขึ้นรูปชัดเจน ทว่าปรากฏเป็นขั้นต้นของกล้ามท้อง
ต้องทราบว่าเขาออกกำลังกายมาแค่ 5 วันเอง
ความมหัศจรรย์ของวิชาหายใจ ในที่สุดเขาได้รับรู้แล้ว
เด็กหนุ่มยืนอยู่หน้ากระจก
พร้อมกับจังหวะการหายใจอันพิศดาร สองข้างแก้มของชิ่งเฉินในกระจกปรากฏลวดลายเปลวเพลิงเบ่งบานขึ้นมา
เนื้อวัวสามสิบจินที่ซื้อเมื่อวันก่อนใช้เงินของเขาไปห้าร้อยกว่าไคว่ สั้น ๆ แค่สองวันก็กินจนเกลี้ยงแล้ว
ตอนนี้เขาเป็นเหมือนกับหลุมดำทางอาหาร วิชาหายใจเผาผลาญพลังงานในร่างกายเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นย่อยสลายสารอาหารที่ได้รับใหม่อย่างรวดเร็ว แปลงโฉมร่างกายของเขา
ลวดลายเปลวเพลิงเลือนหาย ชิ่งเฉินทอดถอนใจหายสงสัยที่หลี่ซูถงพูดว่าด้วยการส่งเสริมของวิชาหายใจ คนที่ไม่เคยออกกำลังกายแค่สามเดือนก็สามารถเดินไปสุดขอบเขตที่คนอื่นต้องใช้เวลาห้าปีจึงจะสามารถไปถึงแล้ว
ของสิ่งนี้มหัศจรรย์เกินไปแล้ว
หลังจากมาถึงห้องเรียนในตอนเช้า ชิ่งเฉินอึ้งก่อนเลย
เห็นแค่ว่าหวังอวิ๋นกับไป๋หว่านเอ๋อร์ล้วนเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบนักเรียนกันหมด แต่งกายหมดจดสดใสไปทั้งตัว ดูอย่างนี้ไม่เหมือนนักเรียนหัวกะทิของเมืองไห่อยู่บ้าง แต่เหมือนแสงจันทร์ขาว* ในฝันของพวกนักเรียนชายมากกว่า
หนานเกิงเฉินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนข้าง ๆ แอบลอบมองพวกเธอเป็นครั้งคราว
หลังจากชิ่งเฉินนั่งลง จู่ ๆ หวังอวิ๋นยิ้มเอ่ยว่า “เพื่อน ครูพูดว่านายเรียนดีที่สุดในชั้นปี ตรงนี้ฉันมีโจทย์เลขที่ไม่ค่อยเข้าใจ นายสามารถอธิบายให้ฉันได้ไหม”
ชิ่งเฉินมองแวบหนึ่ง เป็นโจทย์สมการไฮเปอร์โบล่าหนึ่งข้อ แต่ว่าในโจทย์มีกับดักค่อนข้างเยอะ ระดับความยากไม่ต่ำสำหรับนักเรียนทั่วไป
แต่ปัญหาคือ เขาทราบชัดมากว่าเด็กสาวสองคนนี้ก็เป็นนักเรียนท๊อป แม้แต่โจทย์แข่งขันฟิสิกส์ก็ยังทำแล้ว ยังจะแก้สมการไฮเปอร์โบล่าไม่ออกได้ด้วยเหรอ
เขาคิดแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ฉันต้องทบทวนคลาสของวันนี้หน่อย ไม่งั้นพวกเธอลองถามหานเกิงเฉินไหมล่ะ”
ก็ไม่ใช่ว่าจะทบทวน ก็แค่ไม่อยากจะเสียเวลาแกล้งสุภาพ
หวังอวิ๋นเห็นท่าทางอย่างนี้ของเขาก็เม้มปาก แต่เธอหันกลับไปคิดว่าหนานเกิงเฉินมีมิตรภาพกับชิ่งเฉินดีขนาดนี้ อันที่จริงสร้างมิตรภาพดี ๆ กับหนานเกิงเฉินก่อนก็เป็นวิธีหนึ่ง
หูเสี่ยวหนิวถึงขนาดบอกว่า พวกเธอต้องใช้ทัศนคติตามปกติไปเป็นเพื่อนกับคนพวกนี้ ไม่สามารถแบกความหยิ่งทะนงเอาไว้อีกแล้ว
คิดถึงตรงนี้ หวังอวิ๋นเลื่อนเก้าอี้ไปนั่งข้างหนานเกินเฉินตรง ๆ จากนั้นยิ้มเอ่ยว่า “เพื่อน สามารถอธิบายโจทย์ข้อนี้ให้ฉันได้ไหม”
“เอาสิ” หนานเกิงเฉินกระตือรือร้นขึ้นมาทันควัน
หวังอวิ๋นใช้สายตาคาดหวังมองดูเขา ผลคือหนานเกิงเฉินจ้องโจทย์ครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวัน แล้วหันหน้าไปหาเธอกล่าวว่า “ฉันทำไม่เป็น……”
หวังอวิ๋น “……”
ชิ่งเฉินที่อยู่ด้านข้างแทบจะอดหัวเราะออกมาดัง ๆ ไม่ได้ ถึงการเรียนของหนานเกิงเฉินจะไม่นับว่าแย่ แต่ก็ไม่นับว่าดี
ความพยายามครั้งแรกของหวังอวิ๋นเสียแรงเปล่า กลับไปอย่างพ่ายแพ้
เธอกลับไปนั่งที่อย่างหมดกำลังใจครุ่นคิดมาวิธีแก้ไข ไป๋หว่านเอ๋อร์กล่าวเสียงต่ำว่า “เป้าหมายของพวกเราคือเป็นเพื่อนกับพวกเขา ในเมื่อเขาทำของยาก ๆ ไม่ได้ งั้นเธอก็เลือกคำถามง่าย ๆ ไปถามเขา ทำความคุ้นเคยไปทีละนิด ๆ”
หวังอวิ๋นสายตาสว่างวูบ นี่เป็นวิธีที่ดีเลย
เธอเลืกโจทย์ที่ง่ายที่สุดในตำราเรียน เลื่อนเก้าอี้กลับไปนั่งข้างหนานเกิงเฉินใหม่ “เพื่อน โจทย์ข้อนี้นายอธิบายได้ไหม”
ครั้งนี้ถึงคราวหนานเกิงเฉินตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว เขาทำได้!
ผลคือ ชิ่งเฉินกะพริบตาปริบ ๆ มองหนานเกิงเฉินเอาโจทย์อนุกรมเรขาคณิตที่เรียบง่ายเป็นพิเศษข้อหนึ่งมาอธิบายอยู่สิบนาทีจนกระทั่งกริ่งเข้าเรียนดังขึ้นมา
หวังอวิ๋นกลับไปที่นั่งอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งใจทั้งกาย โจทย์ข้อหนึ่งที่ตนเองทำได้อยู่ชัด ๆ แต่ยังต้องฝืนแกล้งทำเป็นฟังคำอธิบายอย่างตั้งใจเป็นสิบนาที เหนื่อยมากจริง ๆ
แต่เธอรู้สึกว่าเพื่อจะกลายเป็นเพื่อนกับสองคนนี้ ตนเองเสียสละเล็กน้อยเท่านี้ไม่นับเป็นอะไร
ตอนพักคาบครั้งแรก หวังอวิ๋นไปที่ทางเดินแบ่งปันความคืบหน้ากับพวกพ้อง : ถึงแม้ชิ่งเฉินจะจู่โจมได้ไม่ค่อยง่าย แต่หนานเกิงเฉินดูท่าทางโง่ ๆ น่าจะจัดการได้สบาย
จนกระทั่งตอนที่เธอกลับมา จู่ ๆ ได้ยินชิ่งเฉินถามหนานเกิงเฉินตอนที่อยู่ข้างหลังอีกฝ่ายว่า “เป็นไง คบหากับนักเรียนย้ายเข้าคนนี้ได้ดีไหม”
“คบหาได้ดีมากเลยล่ะ” เวลานี้ หนานเกิงเฉินลังเลนิดหน่อยแล้วจู่ ๆ ก็กล่าวกับชิ่งเฉินว่า “แต่การเรียนของนักเรียนย้ายเข้าสองคนนี้เหมือนจะไม่เท่าไหร่เลยอะ โจทย์ง่ายขนาดนี้ยังทำไม่ได้”
หวังอวิ๋น “???”
ตอนที่เธอได้ยินประโยคนี้แทบจะกระอักเลือดออกมามันตรงนั้นเลย!
………………………………..
*แสงจันทร์ขาวเป็นแสลงจีนแปลว่ารักแรก
ตอนที่ 59 – กังขา