บทชีวิตใหม่ - ตอนที่ 22
บทที่ 22 ช่วยประหยัดเงิน
หลังจากการประเมิน ห้องเรียนของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก็เต็มไปด้วยเสียงอึกทึก
ทำการสอบได้ดี แต่ผลสอบของบางคนกลับไม่น่าพอใจ
หลังจากจางต้าเผิงเสร็จสิ้นการประเมิน ความร่าเริงของเขาก็หายไปในทันที มองแค่แวบเดียวก็รู้ว่า ผลการสอบของเขานั้นไม่ค่อยดีนัก
ส่วนหม่าเหว่ยนั้นค่อนข้างสงบ เขานั่งอยู่ในท่าที่ไม่เศร้าและไม่สุข ใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยสิวไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา
“นายสองคนยังอยากจะฉลองอยู่ไหม? ไปที่ไหนดี ฉันเลี้ยงเอง!”
ทันทีที่เสียงของถานเสี่ยวเทียนจบลง จางต้าเผิงก็เงยหน้าขึ้น “กินอะไรก็ได้งั้นเหรอ?”
“ใช่ นายอยากกินอะไร?” ถานเสี่ยวเทียนมั่นใจมาก เงินค่าขนมที่พ่อแม่ให้มานั้นมีมากมาย แถมเขายังมีเงิน 70,000 หยวนของหลิวจุนอยู่ในตู้เสื้อผ้าอีกด้วย ซึ่งในหมู่นักเรียนมัธยมปลายแล้วเขาถือว่าร่ำรวยอย่างมาก
“จริงเหรอ?” ดวงตาของจางต้าเผิงเป็นประกาย น้ำลายของเขาไหลออกมาโดยไม่อาจควบคุมได้ “งั้นไปที่ต้าฟู่หาวในหนานหู่กัน!”
“แกจะบ้าเหรอ?” หม่าเหว่ยจ้องไปที่จางต้าเผิง “ราคาอาหารที่นั่นแพงพอที่จะฆ่าคนได้เลยนะ เราไปหาร้านใกล้ๆ โรงเรียนกันดีกว่า”
“ไม่เป็นไรก็แค่ต้าฟู่หาวเอง ฉันเองก็ยังไม่เคยไปด้วยเหมือนกัน! ว่าแต่พวกนายสองคนได้กี่คะแนน?”
“ม่าย~~~” จางต้าเผิงเหี่ยวเฉาลงทันทีเมื่อพูดถึงคะแนน
การแสดงออกของหม่าเหว่ยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “ประมาณ 400 คะแนน มันเพียงพอสำหรับฉันที่จะไปต่อที่โรงเรียนตำรวจ”
ถานเสี่ยวเทียนหันไปมองจางต้าเผิง จางต้าเผิงปิดหน้าและตอบด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง “430 ฉันไม่สามารถรับปริญญาในมหาวิทยาซานเฉิงได้แล้ว”
ถานเสี่ยวเทียนตบไหล่เขา “ไม่เป็นไรหรอก พ่อของนายทำงานในสำนักงานการศึกษา นายคงจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้หรอก”
ขณะที่พูด เหรินชูเฟินก็เดินเข้ามาในห้องและเคาะกระดานดำด้วยแปรงลบกระดาน ห้องเรียนเงียบลงทันที
“ทุกๆ คนรู้คะแนนประเมินกันหมดแล้วใช่ไหม? จนกว่าจะสิ้นเดือนให้ทุกๆ คนกลับบ้านไปพักผ่อนได้ หรือใครอยากจะมาโรงเรียนก็ได้เหมือนกัน ยินดีด้วย ทุกคนเรียนจบม.ปลายกันแล้ว”
ทันทีที่เสียงของเหรินชูเฟินจบลง ห้องเรียนก็เต็มไปด้วยเสียงฉลองชัยทันที มันช่วยไม่ได้ที่ทุกๆ คนจะตื่นเต้น เพราะในที่สุดชีวิตมัธยมปลายที่แสนเลวร้ายและยาวนานก็จบลงแล้ว
ถานเสี่ยวเทียนเดินไปที่หน้าห้องอย่างรวดเร็วและโค้งคำนับเหรินชูเฟิน “ครูครับ ผมต้องการจะเลี้ยงอาหารเพื่อตอบแทนที่ครูดูแลผมมาตลอด ไม่ทราบว่าครูว่างไหมครับ”
เหรินชูเฟินเงยหน้าขึ้นมองไปยังนักเรียนที่สูงกว่าตัวเธอและรู้สึกตื้นตัน “แค่เธอมีหัวใจแบบนี้ ครูก็มีความสุขมากแล้ว ครูจะมีประชุมตอนบ่าย ตราบใดที่คุณมีอนาคตที่ดี จะมาเลี้ยงข้าวครูตอนนั้นก็ยังไม่สายเกินไป”
เหรินชูเฟินดึงถานเสี่ยวเทียนเข้าไปมาใกล้ๆ และพูดคุยอีกสองสามคำ เมื่อเธอรู้ว่าการประเมินคะแนนของเขาอยู่ที่เป็น 560 เธอก็ดีใจมากและบอกให้ถานเสี่ยวเทียนมาหาเธอที่โรงเรียนตอนสิ้นเดือน เพื่อที่เธอจะได้แนะนำวิทยาลัยดีๆ ให้กับเขา
หลังจากที่เหรินชูเฟินจากไป ในห้องเรียนก็ไม่มีใครเหลืออีกต่อไป ถานเสี่ยวเทียนเดินไปที่โต๊ะของฉู่ถิงและถามออกมาอย่างเป็นกันเอง “หัวหน้าห้อง เที่ยงนี้เธอว่างไหม ฉันอยากจะชวนเธอไปทานอาหารเพื่อขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในหลายเดือนที่ผ่านมา…”
ฉู่ถิงยังไม่ทันตอบ โจวหยุนเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอก็พูดขึ้นมาก่อน “ถานเสี่ยวเทียน หากนายจะพาถิงถิงไปเลี้ยงอาหาร นายก็ต้องพาเธอไปที่ร้านอาหารดีๆ เข้าใจไหม? ว่าแต่… ฉันไปด้วยได้ไหม?”
โจวหยุนเป็นเด็กสาวผิวขาวอวบ มีบุคลิกที่ตรงไปตรงมามาก และเป็นเพื่อนสนิทของฉู่ถิง
“แน่นอนว่าเธอไปด้วยได้”
ถานเสี่ยวเทียน จางต้าเผิง หม่าเหว่ยและผู้หญิงอีกสองคนรวมเป็นห้าคนเรียกแท็กซี่สองคันไปที่ร้านอาหารต้าฟู่หาว
จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยรีบลากโจวหยุนเข้าไปในรถแท็กซี่คันเดียวกับพวกเขาอย่างรู้งาน ปล่อยให้ถานเสี่ยวเทียนกับฉู่ถิงได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
หลังจากขึ้นแท็กซี่แล้ว ถานเสี่ยวเทียนก็รีบถามออกมาอย่างกระตือรือร้น “เธอประเมินคะแนนได้เท่าไหร่?”
ฉู่ถิงลังเลก่อนจะตอบว่า “ประมาณ 700 แล้วนายล่ะ?”
ถานเสี่ยวเทียนดีใจมาก “ดีใจด้วยเธอสามารถเข้าวิทยาลัยครูเหยินชิงได้แล้ว ส่วน 560 คะแนนของฉันยังไม่แน่ว่าจะได้”
เธอก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ฉู่ถิงรู้ว่าเป้าหมายของเขาคือมหาวิทยาลัยตงไห่ “แม้ว่าจะรวมกับคะแนนพิเศษกีฬาของนาย มันก็ยังยากที่จะไปมหาวิทยาลัยตงไห่”
“ฉันไม่อยากคิดอะไรมาก วันนี้เราจะไปหาของดีๆ กินกันเพื่อฉลองให้เธอ” ถานเสี่ยวเทียนโบกมือ เขามีความสุขมากจริงๆ ที่รู้ว่าฉู่ถิงทำคะแนนได้ดี
เมื่อเขาลงจากรถ คนขับแท็กซี่เรียกเก็บเพียงแค่ 5 หยวนเท่านั้น ชายวัยกลางคนในวัยสี่สิบพูดกับถานเสี่ยวเทียนอย่างร่าเริงว่า “ลูกของลุงเองก็จะสอบเข้าวิทยาลัยในปีหน้านี้แล้วเหมือนกัน ลุงเองก็หวังว่าเขาจะสามารถทำได้ดีเหมือนหนูๆ เช่นกัน”
ร้านอาหารต้าฟู่หาวตั้งอยู่ริมทะเลสาบทางใต้และมีรูปปั้นช้างแดงคู่เป็นสัญลักษณ์อยู่ที่หน้าประตู ซึ่งที่นี่เป็นร้านอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
ถานเสี่ยวเทียนยืนอยู่ข้างหน้าร้านอาหารแล้วถอนหายใจ
ในปี พ.ศ. 1998 ร้านอาหารต้าฟู่หาวนี้เป็นร้านอาหารชั้นนำของซานเฉิง และการได้มานั่งทานอาหารที่นี่ก็ถือเป็นการแสดงสถานะอย่างหนึ่ง แต่ในเวลาเพียงแค่สิบปี ร้านอาหารนี้กับหายไปอย่างสิ้นเชิง
หากไม่ปรับปรุงและพัฒนา กาลเวลาจะนำพาทุกๆ อย่างให้เสื่อมโทรมเสมอ
พนักงานสาวสวมชุดกี่เพ้าสีแดงเข้มยื่นต้อนรับอยู่ที่ประตู รูปร่างของเธอนั้นน่าหลงใหลจนจางต้าเผิงอยากจะยืนมองดูเธออย่างนี้ทั้งวัน
ทั้งห้าคนเข้าไปในห้องโถงและนั่งลง จากนั้นบริกรก็นำเมนูมาให้
“หัวหน้าห้อง โจวหยุน สั่งได้เต็มที่เลยนะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” ถานเสี่ยวเทียนยื่นเมนูให้หญิงสาวทั้งสอง
ฉู่ถิงรู้ว่าครอบครัวของถานเสี่ยวเทียนนั้นเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวขนาดเล็ก ดังนั้นเธอจึงสั่งแค่เมนูผักราคาถูกเพียงไม่กี่อย่าง
ถานเสี่ยวเทียนยิ้มและพูดว่า “หัวหน้าห้องช่วยประหยัดเงินให้ฉันจริงๆ! จางต้าเผิง หม่าเหว่ย นายสองคนดูไว้เป็นตัวอย่างด้วย!”
จางต้าเผิงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข จากนั้นเขาก็สั่งอาหารราวกับกลัวว่าถานเสี่ยวเทียนจะลำบาก “เอามันฝรั่งทอด เต้าหู้…”
ถานเสี่ยวเทียนหยิบเมนูขึ้นมาแล้วพูดว่า “สิ่งที่พวกเขาสั่งก่อนหน้านี้ขีดฆ่าทิ้งไปได้เลย ผมจะสั่งด้วยตัวเอง”
พนักงานเสิร์ฟได้จดทุกเมนูที่สั่งเสร็จแล้ว เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ยกเลิกเมนูแบบนี้มันจึงทำให้เธอแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา
“เอาสเต๊กเนื้อ สตูว์เนื้อ คุณมีกุ้งล็อบสเตอร์ไหม เอามาสองตัว แล้วก็ขอต้มกุ้ง หัวกุ้งโรยเกลือ แซลมอน เนื้อลูกวัวทอดและ……”
ถานเสี่ยวเทียนสั่งอาหารแปดจาน เบียร์หกขวดและยื่นบุหรี่หงเหอไปให้จางต้าเผิงและหม่าเหว่ย ทั้งสามคนพ่นควันออกมา โจวหยุนไม่พอใจและตำหนิออกมาว่าเด็กดีที่ไหนเขาสูบบุหรี่? ส่วนฉู่ถิงถึงจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาของเธอที่มองไปยังถานเสี่ยวเทียนนั้นเต็มไปด้วยการตำหนิ
“คุณลูกค้าครับ กุ้งล็อบสเตอร์สองตัวนี้ถูกใจคุณลูกค้าไหมครับ?” พนักงานเสิร์ฟชายคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับถังน้ำที่ข้างในมีกุ้งล็อบสเตอร์ที่เพิ่งถูกจับได้
ถานเสี่ยวเทียนหยิบไม้จิ้มฟันบนโต๊ะแล้วลูบลงไปที่หางของกุ้งล็อบสเตอร์แล้วโบกมือ “ใช้ได้”
โจวหยุนถามออกมาด้วยความสงสัย “ถานเสี่ยวเทียน นายทำอะไรงั้นเหรอ?”
“ทำเครื่องหมายไว้เพื่อไม่ให้พวกเขาไม่กล้าเปลี่ยนตัวอื่นมาให้เรา” ถานเสี่ยวเทียนอธิบายให้พวกเขาฟังอย่างอดทน ในอนาคตเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วไป แต่ในปี 1998 น้อยคนนักที่จะรู้เรื่องนี้
“พี่เทียนพี่กินพวกมันบ่อยงั้นเหรอ? ทำไมพี่ถึงรู้เรื่องนี้?” จางต้าเผิงถามอีกครั้ง
ฉู่ถิงถามถานเสี่ยวเทียนด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล นายสั่งมากเกินไปหรือเปล่า พวกมันราคาแพงไหม?
แพงไหมงั้นเหรอ?
สำหรับถานเสี่ยวเทียนแล้ว ราคาอาหารพวกนี้ถือว่าถูกมาก อาหาร 8 จานราคาไม่ถึง 500 หยวน หากในอนาคตต้องการจะกินมื้อแบบนี้ ต่อให้มีสัก 1000 หยวนก็ไม่พอ!
อาหารและเบียร์ถูกเสิร์ฟอย่างรวดเร็วและทั้งห้าคนก็กินด้วยรอยยิ้ม
หลังจากดื่มเบียร์ไปสามแก้ว ฉู่ถิงและโจวหยุนต่างก็ขอออกจากโต๊ะเพื่อไปห้องน้ำ
ฉู่ถิงทำธุระของเธอเสร็จก่อนและยืนรอโจวหยุนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำหญิง
ในตอนนั้นเอง ประตูห้องน้ำชายที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปิดและมีคนเดินออกมา
ฉู่ถิงเงยหน้าขึ้นมองและตกตะลึง “พ่อ? พ่อมาทำอะไรที่นี่คะ?”