บัญชามังกรเดือด - บทที่ 128 ไม่ยอม
บทที่ 128 ไม่ยอม
เข้ามา คนหนุ่มอายุราว ๆ 30 คนหนึ่ง เขาสวมใส่ชุดจงซานจวง ใบหน้าเคร่งขรึม ทำให้คนรู้สึกถึงออร่าที่น่าเกรงขาม
แค่เห็นก็รู้ว่ามีอำนาจทางการเมืองอยู่ในมือ เป็นบุคคลที่อยู่ตำแหน่งสูงมาอย่างยาวนาน
คนนี้เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลพาน พานหลงถูกไว้วางใจให้เป็นผู้ที่สืบทอดกิจการในอนาคตจากหัวหน้าตระกูลพาน
“พี่ชายสอง”
พานหู่ที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย ดูเหมือนว่ามีสัญชาตญาณออกถึงความกลัวต่อพานหลง เขอยากลงจากเตียงด้วยความตกใจกลัว
แต่ก็เท่านั้น กระดูกเข่าของขาทั้งสองข้างเขาถูกทุบจนแตกแล้ว จะลงจากเตียงได้อย่างไร
เขาเจ็บปวดจนหน้าบิดเบี้ยว
พานหลงจ้องหน้า เดินมาไม่มีแม้แต่คำพูด เปิดผ้าห่มที่คลุมอยู่บนขาของพานหู่ออก
“พี่ชายสอง อย่าโทษอะหู่เลย!”
“ถ้าจะโทษ ก็โทษฉันเถอะ” พานเหม่ยเออร์รีบพูด
เธอรู้ว่า คนในตระกูลที่ทำผิดล้วนจะต้องได้รับการลงโทษที่รุนแรง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง บอดี้การ์ดของพานหลงเพราะว่ากระทำความผิดต่อคนที่ไม่ควรทำ ได้ถูดตีจนขาทั้งสองข้างขาด
บอดี้การ์ดคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองได้รับความไว้วางใจจากพานหลง เมื่อตอนที่พานมาเยี่ยมเขา เขายังประจบพานหลงแก้แค้นให้เขา
พานหลงก็เปิดผ้าห่มออก ยกเก้าอี้ข้างๆขึ้นมา ตีลงไปขาทั้งสองข้างที่เพิ่งประกอบกระดูกไปจนแตกละเอียด
พานเหม่ยเออร์ยังคิดว่า พานหลงยังต้องลงโทษพานหู่แบบนั้น
“ไม่เกี่ยวกับพี่สาม”
“ผมทำคนเดียวทั้งหมด”
“พี่ชายสอง ควรจะลงโทษยังไงก็ลงโทษเถอะ!” พานหู่ก็มีลางสังหรณ์ เขากัดฟันพร้อมหลับตาปี่
โชคดีที่พานหลงเพียงแค่สืบหาการบาดเจ็บเท่านั้น ยังไม่ได้ลงมือ
“คุณชายสอง ได้สืบอย่างชัดเจนทั้งหมดแล้ว”
“คนที่แนะนำแก๊งแมงป่องไท่มาขอพึ่งพาอาศัยคุณชายสี่ ชื่อว่าจินซานเป็นคนที่ติดบุหรี่คนหนึ่ง”
“คุณชายสี่….เคยทำธุรกิจร่วมกันกับจินซานเป็นการส่วนตัว”ชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามารายงาน
พานหลงจ้องเขม็งใส่พานหู่อย่างรุนแรง พูดด้วยเสียงทุ่มต่ำ : “ผมรับทราบแล้ว”
“จัดเตรียมคนจัดการจินซานแล้ว ต้องระวังให้จัดการอย่างซื่อสัตย์และถูกต้อง”
“รับทราบ”ลูกน้องเดินออกไป
พานหลงมองดูพานหู่ ลดน้ำเสียงกดลงต่ำ และพูดอย่างไม่สบอารมย์ : “นายแอบติดต่อคนแบบจินซานลับหลังพ่อกับฉันนั้นก็ให้มันแล้วไป”
“นึกไม่ถึงเลยว่านายจะกล้าเอาคนอย่างแมงป่องไท่มาเก็บไว้ข้างกาย นายรู้ไหมนายทำอะไรอยู่?”
“นายอยากให้เราพ่อลูกสองคนตายงั้นเหรอ!”
พานหู่พูดด้วยความตกใจ : “พี่ชายสอง ผมผิดไปแล้ว”
“ต่อจากนี้ผมก็ไม่กล้าทำแล้ว”
พานหลงถอนหายใจยาว มองไปยังพานเหม่ยเออร์ พูดด้วยท่าทีที่สงบลงเล็กน้อย : “เหม่ยเออร์ นี้เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?”
“พ่อลูกตระกูลเซวไปทำธุรกิจที่หลงเจียง อยู่ดีดีทำไมเสียงชีวิตอย่างกระทันหัน”
“ฉันรู้ว่าเซวเหรินนอกใจเธอ ภายนอกดูสกปรก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นสามีเธอ”
“เธอก็คิดอยากที่จะได้มรดกของตระกูลเซว ไม่น่าต้องรีบร้อนขนาดนี้นะ”
“หรือว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกันแน่”
“และก็ พ่อบ้านเซียวที่มีฝีมือขั้นเทพอย่างนั้น นึกอยากจะตายก็ตายเลยหรือยังไง”
“ใครเป็นคนลงมือ”
“เรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาแมงป่องไท่ไหม?”
เพราะว่าต้องยุ่งอยู่กับธุรกิจของตระกูล โดยเฉพาะใกล้จะถึงวันคล้ายวันเกิดของนายท่านอันแล้ว ดังนั้นพานหลงได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว ก็ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
เขายังรอพานเหม่ยเออร์และพานหู่ไปพบเขาเพื่ออธิบายเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
ไม่คิดว่า แม้แต่พานหู่ก็ยังถูกตีจนพิการแล้ว เขาเลยรีบมาทันที
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พานเหม่ยเออร์ก็จะไม่ปกปิดอีกแล้ว เธอยอมรับ : “ใช่ เป็นฉันเองที่ส่งเซวเหรินไปตาย”
“แต่ฆาตกรที่แท้จริงคือ ฉินเทียน”
“ฉินเทียน? ”พานหลงขมวดคิ้ว เขาไม่เคยได้ยินชื่อคนคนนี้มาก่อน
“ใช่แล้ว เขาคือสามีของซูซู”
“พูดขึ้นมาแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น!”
“นังปีศาจจิ้งจอกคนนี้ ฉันสาบานว่าต้องฆ่าเธอด้วยมือของฉันเองอย่างแน่นอน”
“เดี๋ยวก่อน!”
“เธอบอกว่าเขาชื่ออะไรนะ?”
“ซูซู”
ได้ยินถึงชื่อนี้ สีหน้าพานหลงก็เปลี่ยนไปทันที
พานเหม่ยเออร์นิ่งไปสักพักแล้วพูดว่า : “ทำไม่เหรอพี่ชายสอง หรือว่าพี่รู้จักผู้หญิงคนนี้หรือ?”
พานหลงที่มั่นคงดุจขุนเขาไท่ซานมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้มีท่าที่ที่วุ่นวายมากทันที แต่ไม่นาน เขาก็กลับมาเป็นปกติ
“แน่ใจนะว่าเป็นซูซูของตระกูลซูคนนั้น?”
พานเหม่ยเออร์หยิบเอาวีดีโอนั้นออกมาโดยตรง
เป็นคลิปเต็ม ในส่วนครึ่งแรกเผยให้เห็นโฉมหน้าของเซวเหริน ที่ต้องการใช้กำลังบังคับผู้หญิงหน้าตาดีที่ใส่ชุดแต่งงานคนหนึ่ง
หลังจากนั้น ประตูห้องถูกถีบออก หลังจากที่ฉินเทียนได้ช่วยซูซูไว้แล้ว ก็เริ่มทุบตีเซวเหริน
พานหลงดูจบอย่างเงียบๆ อึ้งไปสักพัก : “ที่แท้ก็เป็นเธอนั่นเอง”
เขาถอนหายใจยาวออกมา เอ่ย : “เหม่ยเออร์ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว พี่ก็จะไม่ปิดบังน้องแล้วนะ””
“ในตอนแรกที่เธอต้องแต่งกับเซวเหริน พวกเราล้วนดูออกว่าเซวเหรินมีพฤติกรรมที่หลอกลวงเธอด้วยคำพูดไพเราะ แต่ก็เป็นความสามารถของตระกูลพานของพวกเรา ”
“แต่อันที่จริงเธอในตอนนั้นได้ให้ความจริงใจต่อเซวเหรินไปแล้วเล็กน้อย พวกเราเลยไม่อยากขัดเธอ”
“เพื่อที่สามารถปกป้องความสุขของเธอ พี่ส่งคนไปสืบข้อมูลอย่างละเอียดของเซวเหริน เลยรู้ว่าในช่วงมัธยมปลายของเขา มีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงอยู่ที่หลงเจียง ”
“ขณะที่เรียนอยู่มหาวิทยาลับในโทรอนโต ยังมีการติดต่อกันอยู่ตลอด จนกระทั่งหลังจากที่พวกเธอหมั่นหมาย เขาเพิ่งจะหยุดความสัมพันธ์ลง”
“พี่ไม่ไว้ใจ ไปหลงเจียงด้วยตัวเอง ได้พบกับซูซูคนนี้”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”พานเหม่ยเออร์มีสีหน้าแสดงออกถึงเรื่องเหลือเชื่อ แต่ปฏิกิริยาได้รู้ว่านี้เป็นสิ่งที่พี่ชายสองรักและปกป้องตัวเองอยู่ เธอรู้สึกซาบซึ่งใจอย่างมาก
“หลังจากนั้นล่ะ?”
“พี่ชายสอง พี่พูดอะไรกับซูซูบ้าง?”
เมื่อนึกถึงในครั้งแรกก็ตกใจที่ได้เห็นซูซูในห้องสถานพักฟื้นนั้น และเรื่องที่เกิดเรื่องขึ้นหลังจากนั้น ในสายตาของพานหลงเป็นเรื่องที่เห็นได้น้อยมาก แสดงให้เห็นถึงความปรารถนา
“พี่เตือนเธอว่า หลังจากนี้อย่าติดต่อกับเซวเหรินอีก เธอไม่ฟัง ระหว่างการโต้เถียง พี่พลั้งมือผลักเธอตกลงมาหน้าต่าง”
“ได้ยินมาว่าตกลงมาจนเป็นอัมพาต ไม่คิดว่า ไม่กี่ปีต่อมา คิดไม่ถึงเลยว่าจะกลับมายืนได้อีกครั้ง”
ในความเป็นจริง สถานการณ์จริงนั้นเขาไม่ได้พูดออกมา
ครั้งแรกที่พบซูซู เขาก็ประหลาดใจ
เพื่อให้ได้ซูซูมา เขาได้ทำร้ายความรู้สึกซูซูด้วยเช่นกัน เส้นทางหลังจากตัดขาดจากเซวเหริน ทำให้เซวเหรินสามารถใช้ชีวิตกับพานเหม่ยเออร์เสี่ยวเม่ยของเขาอย่างรักเดียวใจเดียว พานหลงทำกับซูซูเหยี่ยงสัตว์ป่า
ซูซูเพื่อปกป้องความบริสุทธ์ของเธอ เธอไม่มีทางเลือก จึงต้องกระโดดลงมาจากหน้าต่าง
ในตอนนั้นพานหลงไม่ได้เปิดเผยฐานะอย่างชัดเจน ดังนั้นฉินเทียนถามซูซูด้วยความระมัดระวังในวันนั้น ว่าไม่ได้คุ้นเคยกับตระกูลพานจริงๆเหรอ? ซูซูถึงได้แสดงท่าทางตกตะลึงอย่างมาก
ตอนนั้นถ้าเธอรู้ว่า ผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าทำให้เธออับอาย ก็คือเสี่ยวเม่ยแท้ๆของศัตรูตัวฉกาจคนนั้น ไม่รู้ว่าจะทรุดลง ณ ตรงนั้นหรือไม่
“พี่ชายสอง ตอนนี้เราควรทำอย่างไร?”
“นังปีศาจจิ้งจอกกับฉินเทียนสารเลวคู่นี้ ไม่ฆ่าพวกมันให้ตาย ฉันรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก!” พานเหม่ยเออร์พูดด้วยดวงตาแดงกล่ำ
พานหลงยิ้มอย่างเยือกเย็น : “ไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็จะถึงวันคล้ายวันเกิด 70 ปีนายท่านอัน
“หากไม่มีอะไรผิดพลาด นี้น่าจะเป็นวันเกิดสุดท้ายของเขา ว่ากันว่าในงานวันเกิดวันนั้น เขาจัดการแบ่งอำนาจของในเมืองขึ้นมาใหม่”
“แม้กระทั่ง ยอมสละตำแหน่งที่นั่งอันสูงสุด”
“ตระกูลอื่นๆ 2-3 ตระกูล ล้วนเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ตั้งตารอวันนี้ ”
“พวกเธอว่าในช่วงนี้ ตระกูลพานของพวกเราจะมีอะไรผิดพลาดไหม”
“เรื่องเมื่อวาน และอาการบาดเจ็บของอะหู่ ต้องปิดเป็นข้อมูลลับอย่างแน่หนา”
พานเหม่ยเออร์กัดฟันพูด : “งั้นก็มีเพียงให้คนแซ่ฉินได้มีชีวิตอยู่อีกตั้งหลายวันงั้นหรือ?”
“ฉันไม่ยอม!”
“มีทางเลือกอื่นไหม?”