บัญชามังกรเดือด - บทที่ 152 ขึ้นรถ
บทที่ 152 ขึ้นรถ
ช่วงพลบค่ำ ซูซูนั่งอยู่บนชิงช้าที่ด้านข้างไร่ยาจีน ยังมีบางอย่างที่คิดไม่ถึง
“ฉินเทียน ฉันยังคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณจะซื้อชุมชนหลงฮู๋ทั้งหมด”
“ความรู้สึกเหมือนกับฝัน”
“สถานที่ใหญ่ขนาดนี้ พวกเราไม่กี่คน นายว่าสิ้นเปลืองไปหรือเปล่า?”
ฉินเทียนหัวเราะแล้วพูด:“ไม่ใช่ว่ายังมียาม แม่บ้านและก็คนทำงานด้วยนี่”
ซูซูหัวเราะแล้วพูด:“ไม่นับพวกเขา”
ฉินเทียนมองไปยังแสงพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน เวลาเธอยิ้มเหมือนเทพธิดาในความฝัน อดไม่ได้ที่จะหลงใหล
“เมียจ๋า คุณสวยจัง” เขาพูดจากดวงใจ
“เชอะ คนทะลึ่ง!” ซูซูถุยใส่ จากนั้นหน้าแดงแล้วเบือนหน้าไป
ฉินเทียนกลืนน้ำลายและพูดว่า:“อันที่จริงแล้ว ที่ผมซื้อสวยใหญ่ขนาดนี้ไว้ ไม่ใช่เพราะคุณทั้งหมด”
“อืม ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เธอมีโชคชะตาเดียวกับคุณ กลายเป็นที่สำคัญในชีวิตของผม”
“เพียงแค่ตอนนี้ เธอยังไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น”
เมื่อซูซูได้ฟังจบก็ใจร้อนขึ้นมา นางจงใจทำท่าไม่สนใจ กัดฟันพูดแล้วยิ้มด้วยความเย็นชาว่า:“หางสุนัขจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้วสินะ?”
“แซ่ฉิน นายคงจะไม่ได้สร้างหอให้เมียน้อยหรอกนะ?”
“ก็ดีเหมือนกัน เดี๋ยวฉันและแม่จะย้ายออกไป จะได้ไม่ต้องขวางตา!”
พูดจบ ก็ลุกขึ้นฝืนเดินออกไป
เมื่อฉินเทียนเห็นเธอตาแดง ก็รีบดึงมือเธอไว้ แล้วพูดเสียงต่ำว่า:“คุณคิดอะไรอยู่น่ะ”
“ผมหมายถึง ลูกสาวของเรา”
“คุณคิดดูสิ ถึงตอนนั้นที่เรามีลูกสาว เขาก็สามารถวิ่งเล่นอยู่ที่นี่ได้ ดีจะตายไป”
ซูซูอึ้งไปสักพัก เหลือบมองนัยน์ตาของฉินเทียนที่อยู่ระยะประชิด ก็รู้สึกถึงลมหายใจอัน แข็งแรงของผู้ชายคนนี้
ขณะนั้นเธอก็ใจเต้นแรงและหน้าแดง ราวกับว่าไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่างกาย
ฉินเทียนกลืนน้ำลาย ค่อยๆ ก้มหัว จากนั้นหันไปจุมพิตที่ริมปากสีแดงราวกับความฝันนั่น
ซูซูที่กำลังเหม่อลอย ก็หลับตาลง ขนตายาวที่กระดกไปมา
“แม่ว่านะ พวกเธออย่ามัวแต่เล่นกันอยู่ ถึงเวลากินข้าวแล้ว!”
“รีบมาดูเร็ว ว่าวันนี้แม่ทำอะไร!”
เสียงดีใจของหยางยู่หลันที่ดังมาจากคฤหาสน์แต่ไกล
ซูซูสะดุ้งไป จากนั้นรีบผลักฉินเทียนอย่างรีบร้อน และวิ่งออกไป
ฉินเทียนหน้าดำ ในใจคิดว่าแม่ครับ แม่ทำแบบนี้ แล้วเดือนไหนปีไหนถึงจะได้อุ้มหลานสักที
วันที่สอง ซูซูและมู่เฟยเฟยได้ยืนยันตารางการเดินทางของพวกเขา เธอและหลิวชิงกำลังยุ่งอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการเจรจาที่สำคัญอย่างมากในครั้งนี้
ฉินเทียนไปที่เมาน์เทนวิลล่าสัตว์ดุร้าย เพื่อควบคุมความคืบหน้าของการฝึกซ้อมขององค์กรคำสาปสวรรค์
ตอนนี้ พวกเขาคล่องแคล่วในการใช้ค่ายกลสามจิตเจ็ดวิญญาณแล้ว สามารถเข้าออกโซนสัตว์ดุร้ายได้สบาย โดยไม่มีอะไรเสียหาย
ช่วงบ่าย ฉินเทียนได้รับการรายงานลับจากคิงหนู
ยืนยันแล้ว องค์กรงูเห่า จะเข้ามาอย่างลับๆ โดยผ่านเส้นชายแดนประเทศทางตอนใต้ในคืนนี้
ในป่าทึบที่นั่น สามารถซ่อนตัวได้อย่างง่ายดาย
หลังจากที่เข้ามาแล้ว พวกเขาจะนั่งรถขนส่งสินค้าตามแผนของตระกูลพานที่พานเหม่ยเออร์เป็นคนวางเอาไว้ ประมาณช่วงเข้ามืดตีสามจะมาถึงแม่น้ำหลงเจียง
หลังจากที่ลอบสังหารเสร็จ ก็จะกลับไปยังเส้นทางเดิม โดยพยายามให้เสร็จก่อนฟ้าสาง จากนั้นออกจากชายแดนประเทศไป
ทั้งหมดนี้ เป็นการวางแผนอย่างดีเยี่ยมไร้ช่องโหว่ว สมแล้วที่เป็นองค์กรนักฆ่าที่มีชื่อเสียงนานาชาติ
แต่ทว่าครั้งนี้ คู่ปรับของเขา คือฉินเทียน
“ผู้บุกรุก ต้องตาย”
ฉินเทียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นก็เริ่มเกม
มณฑลที่แม่น้ำหลงเจียง ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ระยะทางห่างจากชายแดนทางตอนใต้ก็ประมาณร้อยกว่ากิโลเท่านั้น
นั้นก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมกลุ่มจงอางถึงเลือกเส้นทางนี้
ฉินเทียนได้สั่งให้ทางบูซาน ใช้เฮลิคอปเตอร์สองเครื่อง
เมื่อใกล้ดึก ไม่นานก็หายไปในอากาศยามค่ำคืน
พานเหม่ยเออร์สวมชุดนอน แสดงให้เห็นถึงความหงุดหงิดเล็กน้อย เธอเปิดไวน์แดงเกรดพรีเมี่ยม เทลงไปครึ่งแก้ว จากนั้นดื่มจนหมด
ขณะที่กำลังอยากรินไวน์ต่อนั้น โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อที่แสดงในโทรศัพท์ เธอก็รีบรับอย่างใจร้อน
“อะฝู เป็นยังไงบ้าง?”
อะฝูเป็นคนข้างกายของเธอ นอกจากเซียวยี่ผู้ดูแลบ้านที่ตายไปแล้ว เข้าเป็นคนที่สองที่เธอเชื่อใจ
ครั้งนี้ ก่อนที่พานเหม่ยเออร์จะส่งตัวเขาไปยังชายแดนตอนใต้ รับผิดชอบองค์กรงูเห่า
“คุณหนู ผมได้มาถึงสถานที่ที่ระบุไว้แล้ว”
“ทุกอย่างจัดเตรียมไว้อย่างดีแล้ว อีกฝ่ายจะมาเมื่อไหร่?”
พานเหม่ยเออร์มองเวลา แล้วพูดด้วยเสียงต่ำ:“ยังเหลืออีกหลายชั่วโมง นายอดทนรออีกสักหน่อย”
“อีกฝ่ายคงจะระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก อะฝู นายจะต้องระวัง ห้ามทำให้รู้ตัวเด็ดขาด”
“วางใจเถอะคุณหนู ผมจะจัดการเอง!”
เมื่อวางโทรศัพท์ พานเหม่ยเออร์ก็รินไวน์อีกครึ่งแก้ว จากนั้นดื่มจนหมด
“ฉินเทียน ครั้งนี้ จะทำให้นายตายอย่างคนไร้สุสาน!”
“ฉันจะทำให้นายได้รู้ว่า ทำให้คนอย่างฉันพานเหม่ยเออร์โกรธ ทำให้ตระกูลพานโกรธ จะมีจุดจบเช่นไร!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เธอหัวเราะอย่างพอใจ
นอกอำเภอเล็กๆ ใกล้กับเส้นเขตชายแดน เส้นทางท่ากลางยามราตรี มีรถบรรทุกสินค้าจอดอยู่เงียบๆ คันหนึ่ง
เมื่อดูรถบรรทุกสินค้าแบบผิวเผิน ก็ไม่แตกต่างอะไรกับรถบรรทุกสินค้าคันอื่น อันที่จริงแล้ว รถคันนี้ผ่านการดัดแปลงมาแล้ว
ผู้ชายที่ผิวขาวสะอาดสะอ้านนั่งอยู่ที่ฝั่งคนขับ สูบบุหรี่แบบชิลๆ
“คิดไม่ถึงเลยว่าฉันอะฝูเมื่อถึงวัยกลางคน จะได้รวยกับเขาสะที!”
“เซียวยี่ตายไปแล้ว ข้างกายคุณหนูขาดคน มีเพียงฉันที่ต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ ต่อไปฉันก็จะได้เป็นคนในใจของเธอ”
“เลื่อนขั้นเพิ่มเงินเดือน เฝ้ารอวันนั้นจริงๆ ”
เขาบ่นพรึมพรำกับตัวเอง แสดงให้เห็นถึงความพอใจเป็นอย่างมาก
จากการมองของเขา ก็แค่ขับรถรับส่งคนไม่กี่เท่านั้นไม่ใช่เหรอ ง่ายจะตายไป
สถานที่ไกลโพ้นนั้นก็คือภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล และก็ป่าทึบ
ฝั่งตรงข้าม ก็คือต่างประเทศ
แม้ว่าประเทศจีนจะดึงลวดหนามเอาไว้ แต่ก็กั้นขวางชาวบ้านให้เข้ามาไม่ได้ อันที่จริงแล้วนี่คือสถานที่ดีที่สุดที่เข้ามาอย่างลับๆ ได้
อะฝูมองดูเวลา ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว อีกฝ่ายคงน่าจะใกล้ถึงแล้ว เขาร้อนใจนิดหน่อย
ระมัดระวังตัว ทำตามช่องทางการติดต่อที่พานเหม่ยเออร์บอก จากนั้นค่อยส่งข้อความไป
น่าเบื่อ เงียบอย่างเป่าสาก อีกฝ่ายไม่ตอบกลับ
เขาจึงลองโทรศัพท์หา ปรากฏว่าปิดเครื่อง
“แม่งเอ้ย ไม่ใช่ว่าจะชวดหรอกนะ”
“หรือว่าจะถูกหมาป่ากัดตายในป่า?”อะฝูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจไปยังสถานที่ที่กำหนดก่อน
เขาเพิ่งจะลงจากรถแล้วจุดไฟ ทันใดนั้นเอง ด้านข้างก็มีคนมาเคาะกระจกรถ
เขาตกใจไปวูบหนึ่ง พูดด้วยความใจร้อนว่า:“ใคร?”
นอกหน้าต่าง มีเสียงหัวเราะของผู้หญิงดังมา:“พี่ชาย ฉันมีเรื่องเร่งรีบนิดหน่อย จะไปที่อำเภอข้างๆ”
“พี่ชายใช่รถรับจ้างหรือไม่?”
“ถ้าหากใช่ล่ะก็ ช่วยรบกวนไปส่งฉันหน่อย ราคาเท่าไหร่ ฉันจ่ายได้หมด”
อะฝูเห็นว่าเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว จึงวางใจ เขาพูดด้วยเสียงต่ำว่า:“ออกไป!”
“ฉันไม่ใช่รถรับจ้าง”
หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวังว่า:“แบบนี้นี่เอง”
“พี่ชาย รบกวนหน่อยได้ไหมพี่ ช่วยไปส่งฉันหน่อยนะ แฟนของฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาทที่อำเภอข้างๆ ฉันจะต้องไปดูแลเขา ”
“ขอร้องล่ะนะ”
“เพียงแค่พี่รับปากฉัน เท่าไหร่ฉันก็ยอมจ่าย”
เสียงแบบนี้ ทำให้คนปฏิเสธได้ยาก
อะฝูลดกระจกลง จากนั้นมองไปยังหญิงสาวที่อายุน่าจะประมาณสามสิบปี
สวมชุดแดงทั้งชุด ถักเปียสีดำ มีผิวสีขาวและใบหน้ารูปไข่
สิ่งที่ทำให้ปฏิเสธไปได้ยากกว่าเดิมก็คือ นำในดวงตา เต็มไปด้วยท่าทางที่เย้ายวนขณะที่ขอร้อง
เขาใจเต้นแรง จากนั้นกลืนน้ำลายแล้วกัดฟันพูดว่า:“ขึ้นรถ!”