บัญชามังกรเดือด - บทที่ 177 ฉันมีภรรยาคนหนึ่ง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 177 ฉันมีภรรยาคนหนึ่ง
หลิวหรูยู่รีบจนรอไม่ได้ เอาเนื้อเทลงไปในหมอไฟทีละถาดทีละถาด เพิ่งจะเริ่มยังระมัดระวังตัวนิดหน่อย ในที่สุดก็ควบคุมไม่ไหวแล้ว ตักเนื้อเข้าปากทีละชิ้นทีละชิ้น
ทันใดนั้นฉินเทียนก็พบว่า ไม่มีแม้แต่โอกาสที่ตัวเองจะเริ่มลงมือ
เขามองดูหลิวหรูยู่ที่เหมือนผีที่หิวโหย : “นั้น คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลิวหรูยู่กัดลูกชิ้นเนื้อวัวไส้ทะลักหนึ่งคำ น้ำชุบที่อยู่ข้างในลวกจนเธอทำหน้าตาบู้บี้
เธอกรอกตามองบนอย่างไม่สบอารมณ์ : “ไม่เคยเห็นคนกินข้าวเหรอ?”
“ฉันไม่ได้กินข้าวทั้งวัน ตอนนี้กินสักนิดหน่อยทำไมเหรอ?”
ฉินเทียนสงสัย : “ทำไมคุณถึงไม่ได้กินข้าวทั้งวัน”
หน้าของหลิวหรูยู่จู่จู่ก็ก้มลงไปทันที ก้มหน้ากินอาหารต่อ โดยไม่พูดสักประโยคเดียว
ฉินเทียนหาเรื่องอึดอัดให้ตัวเอง เขารู้สึกได้ว่าหลิวหรูยู่ไม่ได้กินข้าวทั้งวัน อาจเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับตัวเอง?
“ว้า คือว่า พนักงาน ที่สั่งไปเมื่อสักครู่ เอามาเหมือนกันอีกชุด”
เห็นหลิวหรูยู่กินอย่างเอร็ดอร่อย เขารู้สึกหิวมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
“ผ้าขี้ริ้วเพิ่มอีก 1 ที”ในที่สุดหลิวหรูยู่ก็พูดออกมาหนึ่งประโยค โดยไม่เงยหน้าขึ้น
หลังจากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ถาดเปล่าข้างๆ กองขึ้นมากลายเป็นภูเขาลูกเล็กๆ
หลิวหรูยู่เคลียผ้าขี้ริ้วถาดสุดท้ายเสร็จ สุดท้ายก็พอใจอย่างมาก วางตะเกียบลง
เธอเช็ดปาก และยังปรับเปลี่ยนเป็นท่าทางที่สง่า เหมือนดั่งองค์หญิง มองฉินเทียนอย่างเยือกเย็น
ฉินเทียนยังอยากกินต่ออีกสักหน่อย แต่ภายใต้การจ้องมองด้วยแววตาแบบนี้ กินต่อไม่ลงจริงๆ
เขาวางตะเกียบลง : “ผมนึกออกแล้ว จู่จู่คุณชวนผมมากินหม้อไฟ มีเรื่องอะไรที่ต้องการให้ผมช่วยไหม?”
หลิวหรูยู่เห็นเขาถามทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว สีหน้าวางมาดดูขรึม แทบจะอดไม่ได้ที่จะคิดพุ่งเข้าไปบีบคอเขาให้ตาย!
แต่เธอพยายามที่จะรักษาศักดิ์ศรีสุดท้ายไว้
“พูดมาเถอะ ราชาฉินมือปีศาจ มีเพียงหนึ่งในใต้หล้า นายหมายถึงอะไรกันแน่”
“นายไปได้ยินประโยคนี้มาจากที่ไหน?”
ฉินเทียนลังเลสักพัก : “ก่อนที่ผมจะตอบคำถามคุณ คุณสามารถตอบคำถามผมก่อนได้ไหม?”
“คุณได้ยินประโยคนี้มาจากที่ไหน?”
“วันนี้คุณไปที่เสินหลงกวาน ตามหามังกรอะไร เรื่องมันเป็นยังไง?”
หลิวหรูยู่เงียบ เธอและผู้จัดการส่วนตัวมาที่นี่อย่างรีบร้อน จะไปหามือปีศาจมังกรเทพอะไรนั้นจากที่ไหนล่ะ
รู้แค่ชานเมืองมีเสินหลงกวานแห่งหนึ่ง ทั้งหมดเป็นการลองทำอย่าสุดความสามารถเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อลองเสี่ยงดู
จู่จู่เธอก็จิตใจคล้อยตาม พูดอย่างตื่นเต้น : “ราชาฉินมือปีศาจ กำลังพูดถึงคนที่แซ่ฉินคนหนึ่งใช่ไหม?”
“คงไม่น่าจะเป็นคุณใช่ไหม?”
ฉินเทียนพูดนิ่งๆ : “ถามคำถามผมมาก่อน”
หลิวหรูยู่กัดฟันกรอดๆ ในที่สุดก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นออกมา
เธอมาจากต้าซาน เกิดมาจากครอบครัวที่ยากจน ในตอนนั้นมีคนใจบุญท่านหนึ่งสร้างตึกเรียนและที่พักอาศัยใหม่ให้โรงเรียนของพวกเธอ
เพื่อต้อนรับคนใจบุญท่านนั้น ทางโรงเรียนได้ตั้งทีมเชียร์ลีดเดอร์ และรูปร่างหน้าตาของหลิวหรูยู่โดดเด่นที่สุด จึงถูกเลือกโดยปริยาย
คนใจบุญท่านนั้นก็คือนายท่านอานกั๋วของเมืองนี้
นายท่านไม่มีลูกชายลูกสาวมาทั้งชีวิต ก็ถือว่าเป็นพรหมลิขิตแล้วละ พอได้เจอกับหลิวหรูยู่เด็กสาวคนนี้ รู้สึกมีความผูกพันเป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้จึงรับเลี้ยงเธอเป็นหลานสาว
แต่นี้ไปดูแลและทะนุถนอมอย่างดีตลอดมา ช่วยให้หลิวหรูยู่สำเร็จสมความปรารถนา ไม่เพียงแค่เข้าวงการบันเทิง ทั้งยังกลายเป็นเทพธิดาที่สง่างาม
ว่ากันว่าในวงการบันเทิงเป็นวงการที่ง่ายต่อการถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดี เด็กผู้หญิงที่มีคุณภาพสูงอย่างหลิวหรูยู่นี้ ยังสามารถที่จะคงอยู่ในสภาพแวดดล้อมนี้ได้ มาถึงจุดนี้เป็นเพราะนายท่านอันคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างหลัง
หลิวหรูยู่รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณต่อนายท่านอันเป็นอย่างมาก เห็นเป็นญาติพี่น้องที่สนิทที่สุดบนโลกในนี้
ไม่คิดว่า นายท่านอันเป็นโรคเรื้อรังมานานหลายปี ท้ายที่สุดก็ทรุดลงกลายเป็นป่วยระยะสุดท้าย
พรุ่งนี้เป็นวันเกิดปีที่ 70 ปีของเขา คนข้างกายล้วนรู้ดี ครั้งนี้เป็นการฉลองงานวันเกิดครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว
แม้แต่เจ้าสมาคมหวังแห่งสมาคมการแพทย์ยังบอกว่า ก็เป็นเรื่องของช่วงเวลา 10 วันหรือครึ่งเดือนนี้แล้ว
พูดถึงตรงนี้ หลิวหรูยู่กลั้นไม่ไหวจนขอบตาแดง
“เจ้าสมาคมหวัง?”ฉินเทียนเลิกคิ้วขึ้น
หลิวหรูยู่พยักหน้า พูดเสียงเบาๆ : “ก็คือหวางโป๋เหนียน”
“เขาเป็นผู้มีความสำคัญทางด้านการแพทย์ ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว ก็เท่ากับว่าได้ตัดสินชีวิตให้คุณปู่แล้ว”
“แต่ฉันยังไม่ถอดใจ!”
“คุณปู่เป็นคนดีขนาดนี้ อย่างน้อยต้องอยู่ถึง 100 ปี!”เธอหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดน้ำตา
ฉินเทียนยิ้ม : “งั้นหมายความว่า ราชาฉินมือปีศาจ มีเพียงหนึ่งในใต้หล้าอะไรนั้น ก็คือหวางโป๋เหนียนบอกคุณเหรอ?”
หลิวหรูยู่พยักหน้า : “เขายังบอกอีกว่า ถ้าหากคุณปู่มีวาสนากับมังกร ต้องได้รับคำอวยพรอย่างแน่นอน”
“เรื่องอื่นๆ เจ้าสมาคมหวังก็ไม่ได้พูดอะไรมาก”
“ฉินเทียน นายรู้ไหมว่าราชาฉินมือปีศาจคือใคร? ถ้านายรู้ ขอให้นายบอกฉัน”
“ฉันสามารถจ่ายค่าตอบแทนทุกอย่างตามที่นายต้องการ”
“จริงไหม?”ฉินเทียนจ้องหลิวหรูยู่ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
หลิวหรูยู่จู่จู่ก็หน้าแดงขึ้นมา เธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์ : “นายไม่ใช่ได้มู่เฟยเฟยไปแล้วเหรอ? หรือว่ายังอยากได้ฉันอีก”
“บอกนายให้นะ ฉันเป็นผู้หญิงตกอับ”
“หากนายขาดผู้หญิง ฉันให้เงินนายไม่ดีกว่าเหรอ นายไปหาผู้หญิงคนอื่นเถอะ”
เธอจงใจทำให้ตัวเองแปดเปื้อน เพื่อให้ฉินเทียนตัดใจ
ฉินเทียนรู้สึกได้ว่าหลิวหรูยู่เข้าใจผิดแล้ว เขารีบพูด : “ไม่ใช่แบบนี้สิ—-”
หลิวหรูยู่กัดปาก เหมือนจะยอมแพ้ พูดเสียงดัง : “งั้นได้!”
“ฉันรับปากนาย!”
“เพียงแค่นายสามารถหาราชาฉินเจอ รักษาโรคให้คุณปู่ ฉัน…..ฉันยอมนอนกับคุณหนึ่งคืน!”
พูดถึงตรงนี้ เธอกลั้นไม่ไหวที่จะขอบตาแดงอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าวงการบันเทิงที่เจอคลื่นมรสุมมาโดยตลอด ล้วนรักษาตนเองดั่งหยกจากเรื่องที่ถาโถมเข้ามา
สุดท้าย ก็ไม่พ้นเงื้อมมือของผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง
แต่นายท่านอานกั๋วมีบุญคุณยิ่งใหญ่ดั่งภูเขาต่อเธอ เธอก็เลือกได้เพียงเสียสละตัวเอง
ฉินเทียนฝืนยิ้ม : “เธอคิดมากไปแล้ว”
“อันที่จริง ฉันแค่อยากขอให้คุณมาช่วยเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์”
“แบรนด์แอมบาสเดอร์?”หลิวหรูยู่อึ้งเล็กน้อย เมื่อได้สติกลับมา “แบรนด์แอมบาสเดอร์อะไร”
“คืออย่างนี้” ฉินเทียนหยุดคิดสักพัก : “ผมมีภรรยาหนึ่งคน–”
หลิวหรูยู่ : “อืม?”
“ไม่ใช่สิ เป็นภรรยาผม เธอทำผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ชื่อว่าครีมซูยู่”
“ครั้งที่แล้วไปเมืองหลาน ผมก็ไปเชข้าร่วมงานมหกรรมความงามนานาชาติเป็นเพื่อเธอ ความจริงแล้วผลิตภัณฑ์นี้ดีมากๆ เธอได้รับรางวัลเหรียญทอง”
“เดิมทีผมเชิญมู่เฟยเฟยมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พรุ่งนี้ก็จะเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ สื่อทุกช่องทางก็ประชาสัมพันธ์ไปหมดแล้ว”
“คิดไม่ถึงว่า อืม ระหว่างทางเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น มู่เฟยเฟยยกเลิกสัญญากับพวกเราแล้ว”
“ดังนั้นผมคิดว่า จะดึงตัวคุณให้มาช่วยแก้สถานการณ์จะได้ไหม?”
“ผมรู้ว่า คุณไม่เคยรับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ธุรกิจมาก่อน มาขอร้องคุณแบบนี้ ไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร”
“แต่ว่าตอนนี้ผมไม่มีทางออกอื่นแล้วจริงๆ”
“และขอให้คุณเชื่อ ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นนอน ค่าตัวคุณเรียกมาได้เลย เท่าไรก็ได้”
หลิวหรูยู่ใช้สายตาจับจ้องมองฉินเทียน : “ดังนั้น ที่คุณไปเดินที่เสินหลงกวานเป็นเพื่อนผู้จัดการของมู่เฟยเฟย ก็เพื่อแบรนด์แอมบาสเดอร์ของภรรยาคุณ”
“ใช่แล้ว”ฉินเทียนพยักหน้า
สายตาของหลิวหรูยู่ เปลี่ยนไปอย่างบอกไม่ถูกเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้เธอเกลียดฉินเทียน เพราะรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ คาดไม่ถึงว่าแม้กระทั่งผู้จัดการของมู่เฟยเฟยยังทำได้ลง
แถมยังซื้อถังหูลู่ ซื้อเสี่ยวจูเพ่ยฉีให้อีกฝ่าย ต่ำตมมากเกินไปแล้ว
ตอนนี้รู้แล้วว่าเข้าใจผิดพลาด
เขาไม่ได้ทำเพื่อเอาใจหวังอิ๋งชุน ที่จะหาโอกาสเข้าใกล้มู่เฟยเฟย เพียงแต่เพราะว่าต้องการช่วยภรรยาเขาเอง
……
จริงๆแล้วเขาเคยแต่งงานมาแล้ว
หลิวหรูยู่ได้ยินเสียงของก้นบึ้งหัวใจตัวเอง เสียงถอนหายใจดังขึ้นมา ก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังผิดหวังกับอะไรอยู่
“อย่างนี้นี่เอง งั้นคุณก็เป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่ง เป็นสามีที่ดีจริงๆ”เธอพูดอย่างใจลอย