บัญชามังกรเดือด - บทที่ 262 เวลามีจำกัด
บัญชามังกรเดือด บทที่ 262 เวลามีจำกัด
อะไรกัน?
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉินเทียน ฉีเหรินก็อึ้ง เขาไม่ค่อยเข้าใจความหมายของฉินเทียนสักเท่าไหร่
หรือว่า เจ้าหมอนี้คิดว่าพลังของเขานั้นยังไม่พอ เขายังจะต้องเรียกคนอื่นอีก?
เขามองฉินเทียนอย่างยากที่จะเข้าใจ
ฉินเทียนอธิบายอย่างโกรธๆ ว่า:“เพื่อนของฉันเพิ่งจะโทรจองห้องที่หอแปดสิ่งล้ำค่า ฉันต้องรีบพาภรรยาฉันไปกินปลาหมักเหล้า”
“ไม่มีเวลามาสิ้นเปลืองกับพวกนายมากนัก”
“ดังนั้น หากว่าพวกนายไม่เจ๋งจริง ก็ไปเรียกคนที่เจ๋งที่สุดในเมืองเจิ้งมา”
“ฉันจะคุยกับคนที่เจ๋งที่สุด”
ฉีเหรินหัวเราะ
“ฉันแก่จนอายุขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นคนหนุ่มโอหังเท่านายมาก่อน”
“นายคิดว่า นายมาจับลูกชายฉันเป็นตัวประกัน แล้วไม่เกรงกลัวอะไร คิดอยากจะทำอะไรก็ทำอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้าของเขาเคร่งขรึม:“ฉันจะขอเตือนนายไว้!”
“ถ้าไม่อยากตาย ก็ปล่อยลูกชายฉันเดี๋ยวนี้!”
“มิฉะนั้น เชื่อไหมว่า ฉันแค่ออกคำสั่ง นายจะต้องตายอยู่ที่นี่!”
ฉินเทียนยังไม่พูดอะไร ข้างๆ เสือดำหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า:“ไอ้น้อง ฉันขอเตือนดีกว่า ควรจะเชื่อคำพูดเจ้าบ้านฉี”
“นายดูสิว่านี่คืออะไร”
พูดไป เขาก็ควักเอาปืนเล็กสีดำออกมา จากนั้นเล็งไปที่ฉินเทียน
มีปืน!
“ระวัง!”ซูซูและกงลี่พูดเสียงต่ำ ทั้งสองสาวพูดพร้อมกัน แล้วมายืนที่ข้างตัวของฉินเทียน “ยิงเขาซะ!”
“ยิงเจ้าคนแซ่ฉินนี่ซะ!”เจิ้งจี๋ตะโกนออกมาเสียงดัง
นักเลงที่ถูกฉินเทียนทำร้ายบาดเจ็บ ต่างก็ร้องเฮอย่างพอใจ
ต่อให้กงฟูของฉินเทียนเก่งมาก พวกเขารู้อยู่แล้ว ทีแรกคิดว่า ทีมเสือดำมา จะอาศัยคนเยอะกว่าชนะ
ตอนนี้ คิดไม่ถึงว่า หัวหน้าทีมเสือดำ จะใช้อาวุธมาฆ่าคนเลย!
ต่อให้ฉินเทียนเร็วแค่ไหน จะเร็วสู้กระสุนได้เลยเหรอ?
เมื่อเห็นสภาพแบบนี้ หม่าหงเทาที่อยู่ข้างๆ จึงมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เขากัดฟันแล้วพูดว่า:“เจ้าบ้านฉี หัวหน้าเสือดำ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม”
“มีเรื่องอะไร ก็ค่อยๆ พูดจากันจะดีกว่า”
“ฉันยังจะต้องคุยบ้าอะไรอีก!”ฉีชุนด่าว่า
“หม่าหงเทา รอฉันก่อน เรื่องแรกที่จะทำก็คือจัดการนายทิ้งซะ!”
“จากนั้น น้องสาวของนายอย่าคิดอยู่สบาย!”
“ไอ้คนแบบนี้ กล้ามากินบนเรือนขี้รดบนหลังคา!”
“แซ่ฉิน ยังไม่รีบเอามีดออกอีก ไม่งั้นฉันจะสั่งให้เสือดำยิงปืนเดี๋ยวนี้!”
ขณะนั้น เขาก็ยังคุกเข่าอยู่ที่พื้น เพราะว่ามีดม้งเล่มยาวในมือของฉินเทียน ก็ยังจี้อยู่ที่คอของเขา
แต่ว่า เขารู้สึกว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้ จึงพูดอย่างยโส
สีหน้าของฉินเทียน เคร่งขรึมขึ้น
เสือดำนี้ ทำเรื่องที่เขาไม่ชอบมากที่สุด นั่นก็คือ เอาปืนออกมา
อีกทั้งยัง เอาปืนมาจ่อที่เขา
“ไอ้หนู กลัวเหรอ?”
“ในเมื่อกลัวแล้ว ก็รีบคุกเข่าขอชีวิตเสีย”เสือดำที่เห็นฉินเทียนไม่พูด ก็นึกว่าฉินเทียน เขามีสีหน้าที่พอใจ
แววตาของฉินเทียน ที่จู่ๆ ก็กระตุก
ดั่งเงามืด ที่พุ่งไปที่เสือดำ
เสือดำตาลาย รู้สึกเหมือนความตายเข้าพุ่งชน เขาร้องเสียงดัง จากนั้นรีบยิงปืน
แต่ทว่า มันสายไปแล้ว
แสงมีดปรากฏ!
เม็ดเลือดกระเซ็น!
เขาร้องอย่างโหยหวน มือที่จับปืนอยู่ก็เซถอยหลังไป จากนั้นไปยืนพิงที่ด้านหลัง
เลือดอาบเต็มไปหมด!
มือของเขาที่กำปืนเอาไว้ ถูกตัดทิ้งทั้งมือ!
นี่หากไม่ใช่เพราะว่าฉินเทียนไม่อยากฆ่าคนต่อหน้าซูซู มิเช่นนั้น เสื้อดำตอนนี้ ที่ขาดลงคงไม่ใช่แค่มือข้างเดียวแน่ หากแต่เป็นหัวทั้งหัว
ฉินเทียนเหยียบอย่างไม่ตั้งใจ ปืนบนพื้นกลายเป็นแค่แผ่นเหล็กเท่านั้น
เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:“ปืนเป็นอาวุธหนักของประเทศ ไม่ใช่อำนาจอย่างเช่นตัวตลกแบบนาย!”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินกลับมา
เหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทำให้คนตรงนั้นตกใจกันหมด
โดยเฉพาะฉีเหริน ที่หวาดกลัวจนดวงตาเบิกกว้าง เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ฉินเทียนจะดุร้ายถึงเพียงนี้
นี่แค่ตรงหน้าเท่านั้น เขาก็สามารถจัดการกับหัวหน้าทีมเสือดำได้!
“ระวัง!”จู่ๆ ซูซูก็ตะโกนด้วยความตกใจ
หลังจากที่เห็นเสือดำได้รับบาดเจ็บ ใบหน้าที่น่ากลัวทั้งหมดถูกเปิดเผย เขาชักมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา จากนั้นกระโจนเข้ามา ใช้พลังทั้งหมด จะมาแทงที่หัวใจฉินเทียน
ฉินเทียนไม่ได้หันหัวกลับไป
เพียงแค่ใช้มีดยาวกวาดไปด้านหลัง
“อ๊ะ!”
เสือดำก็ร้องอย่างโหยหวนอีกครั้ง จากนั้นเลือดก็แดงเต็มพื้นไปหมด
มีดของฉินเทียน ทำให้คนพิการได้อย่างเดียวเท่านั้น
สายตาของฉินเทียนที่กวาดไปยังสมาชิกเสือดำอีกห้าสิบคน ก็หัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า:“หากอยากมีชีวิต ก็คุกเข่าตรงนั้น”
“หากคิดว่าตัวเองเจ๋ง ก็มาสู้กับฉัน หัวหน้าทีมของพวกนาย เป็นตัวอย่าง”
สายตาของใบหน้าสมาชิกอีกห้าสิบคน ต่างก็ปรากฏถึงความหวาดกลัว
ก่อนหน้านี้ พวกเขาต่างก็ดุราวกับหมาป่า แต่ว่าฉินเทียนได้ทำลายอัตลักษณ์ทางความคิดของพวกเขาพังจนสิ้นซาก
ตอนนี้พวกเขารู้ว่า ฉินเทียนที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาราวกับนักเรียนคะแนนดีเลิศที่เพิ่งเดินออกจากโรงเรียน
เสียงดังปั้ง มีคนหนึ่งค่อนข้างป๊อดหน่อย ขาอ่อนแล้วก็คุกเข่าลงตรงนั้น
ความเงียบสงัด
ผู้ชายเหล่านี้ ต่างก็ก้มหัวกันทีละคน
ราวกับแกะน้อยที่เชื่อฟัง เดินไปข้างๆ อย่างเงียบ จากนั้นก็หาตำแหน่งของตัวเองแล้วคุกเข่าลง
แม้กระทั่งพวกเขา ยังไม่กล้าสบตากับฉินเทียน
ฉินเทียนเสียงดังหึ จากนั้นถึงได้มองไปที่ฉีเหริน
เขาแค่หยิบมีดม้งเล่มยาวมา จากนั้นก็วางไปที่ไหล่ของฉีเหริน
“นายจะทำอะไร?”
“อย่าฆ่าฉันนะ!”ฉีเหรินไม่พูดมาก เพราะได้รับความตกใจ
สีหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ
“คุณเป็นพ่อของฉีชุน เขาทำโรงงานปลอมขึ้นมา คุณรู้หรือไม่?”
ฉีเหรินยังไม่ทันตอบอะไร ฉินเทียนหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า:“หากว่ารู้ ถ้างั้นคุณก็ถือว่าปกป้องและสนับสนุนด้วย”
“หากไม่รู้ หมายความว่าคุณสอนไม่ดี หนีความผิดไม่ได้”
“ไป ไปคุกเข่าตรงลูกของคุณโน่น”
ฉีเหรินหน้าตาหม่น เดินตัวสั่นเทาไป จากนั้นคุกเข่าตรงฉีชุน
ทั้งพ่อและลูกที่น่าหดหู่ใจ ราวกับลูกหลานที่กตัญญูหน้าที่พักสำหรับงานศพ
ฉินเทียนหันไปยิ้มตาหยีกับซูซูแล้วพูดว่า:“ที่รัก ไม่ได้ทำให้คุณตกใจใช่ไหม?”
“คนกลุ่มนี้ ไร้ยางอายมากเลยจริงๆ !”
“ผมที่เป็นสามีก็เหนื่อยหน่าย ต้องลงมือสั่งสอนพวกเขาเสียหน่อย”
“แต่คุณวางใจนะ คราวหน้าผมจะระงับอารมณ์มากกว่านี้”
ส่วนซูซูที่เห็นใบหน้าที่ยิ้มตาหยี จู่ๆ ขอบตาก็อดที่จะแดงขึ้นไม่ได้
ผู้ชายคนนี้ เป็นปีศาจสำหรับคนอื่น แต่เป็นที่น่ารักคอยระวังสำหรับตัวเธอเอง
จู่ๆ เธอก็รู้สึกถึงความสุข
ราวกับว่าเมื่อมีผู้ชายคนนี้อยู่ ต่อให้โลกนี้เป็นศัตรูกับเอ ก็ไม่ต้องกังวล
เธอทำท่าชิใส่ จากนั้นพูดตาแดงๆ ว่า:“ผ่านไปหลายนาทีแล้ว ถ้านายอยากจะกินปลาหมักเหล้า ก็เร็วเข้า”
ฉินเทียนรีบพูด:“ที่รักพูดถูก นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำ!”
เขานั่งลงที่เก้าอี้อีกครั้ง จากนั้นเอามีดม้งมาวางบนบ่าฉีเหริน แล้วพูดว่า:
“กลับมาที่เรื่องเดิม ตระกูลฉีของพวกคุณ เป็นคนที่เจ๋งในเมืองเจิ้งไหม?”
“มีคนที่เจ๋งกว่าพวกคุณไหม?”
“เรียกมาหน่อย ฉันจะดู”
“ฉันมีเวลาจำกัด เร็วหน่อย!”
ฉีเหรินงงอย่างสิ้นเชิง
ถึงตอนนี้ เขาคิดไม่ออกว่าฉินเทียนอยากจะทำอะไร
เจ้าหมอนี่ วันนี้จะอาศัยตัวเองแค่คนเดียว จะมาหาเรื่องคนทั้งหมดของเมืองเจิ้ง ภายในคลังของผุๆ เนี่ยนะ?
ที่ไกลๆ เสือดำที่เจ็บปวด ดวงตาแดงก่ำทั้งคู่
เขากัดฟันแล้วพูดเสียงดังว่า:“เจ้าบ้าน มัวแต่อึ้งอะไรอยู่?รีบโทรหาซานเย๋เร็วสิ!”
“รีบโทรหาซานเย๋เร็ว!”
“เพียงแค่เขายอมลงมือ ใครก็อย่าคิดหนีออกจากเมืองเจิ้ง!”