บัญชามังกรเดือด - บทที่ 266 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
บัญชามังกรเดือด บทที่ 266 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
ฉินเทียนเอามีดม้งโยนให้หม่าหงเทา จากนั้นยกมือขึ้นดูนาฬิกาแล้วลุกขึ้นยืน
“เอาล่ะ ฉันยุ่งอยู่จะต้องไปกินข้าวเป็นเพื่อนภรรยา ส่วนเรื่องที่นี่ นายจัดการเอา”
“ส่วนเรื่องที่พ่อลูกตระกูลฉีปลอมผลิตภัณฑ์ที่จดสิทธิบัตรของภรรยาฉันเพื่อผลกำไร เรื่องแบบนี้ ฉันไม่อยากเห็นอีก”
“ฉันหมายถึง ทั้งตลาด”
“เข้าใจครับ!”กวนซานเสียงขรึม แล้วพูดว่า:“พี่เทียน พี่คิดว่า พรุ่งนี้ที่หน้าหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งทุกฉบับต้องลงข่าวนี้”
“เรื่องที่พ่อลูกตระกูลฉีปลอมผลิตภัณฑ์ครีมซูยู่เพื่อหากำไรใต้ดิน ถูกปรับจนต้องล้มละลายแบบนี้ได้ไหม?”
ฉินเทียนพยักหน้าแล้วพูดว่า:“นี่ถือว่าเป็นการยับยั้ง เชื่อว่าพวกคนที่อยากจะหาเงินแบบไม่ถูกต้องเหล่านี้ จะต้องมีความกังวลแน่”
“เพียงแค่ว่าต้องลำบากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”
“ระดับลงโทษแบบนี้ คนเลวที่ได้รับการลงโทษ ประชาชนมีแต่จะต้องขอบคุณพวกเขา”
“งั้นก็เอาตามนี้”กวนซานแสยะยิ้ม แล้วทำหน้าทำตาพูดว่า:“พี่เทียน จะไปกินข้าวที่ไหนเหรอ?”
“พาน้องเล็กไปด้วยนะ”
“ไสหัวไปซะ!”
“อย่าคิดจะมามอมเหล้าฉัน!”ฉินเทียนด่า จากนั้นดึงมือซูซูแล้วพูดว่า:“ที่รัก พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
“หากไม่ไปจะโดนคนอื่นแย่งห้องไปแน่!”
“น้องเล็กส่งพี่เทียน!”กวนซานโก่งโค้งก้มหัว พูดเสียงดัง
เมื่อเห็หนสาวสวยในมือของฉินเทียน เขาก็ชะงักแล้วพูดอีกครั้งว่า:“แล้วก็ซ้อเทียนด้วย!”
ภายในห้องนั้นโรงงาน ลูกน้องของเขาทุกคนก็ตะโกนเสียงดัง:“ส่งพี่เทียน แล้วซ้อเทียน”
ส่วนฉินเทียนรำคาญที่จะสนใจคนพวกนี้ เมื่อออกจากประตูโรงงานไปแล้ว ก็กระโดดขึ้นรถ จากนั้นพาซูซูและกงลี่ออกไป
ส่วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มของกวนซานก็ค่อยๆ หายไป จากนั้นก็หันไปมองที่พ่อลูกตระกูลฉี แล้วพูดช้าๆ ว่า:
“กล้ามาขัดขวางเส้นทางเงินทองของพี่เทียน ฉีเหริน ฉันเลื่อมใสพ่อลูกของพวกนายจริงๆ”
ฉีเหรินใบหน้าหม่นลง
เมื่อครู่ที่ได้ยินกวนซานกับฉินเทียนคุยกัน ระหว่างการหัวเราะนั้น ได้ตัดสินชะตาชีวิตของตระกูลฉีของพวกเขา
เขาขอร้องอย่างหวาดกลัวว่า:“ซานเย๋ไว้ชีวิตด้วย!”
“ให้โอกาสผมได้กลับตัวอีกครั้ง!”
“เป็นเพราะลูกชายของผมไม่ได้เรื่อง ผมจะจัดการด้วยมือของเขาเอง!”
“ซานเย๋ ปล่อยตระกูลฉีไปเถอะ!”
“เพียงแค่ท่านปล่อยพวกเรา ผะ ผมจะยกอ่าวมังกรทองให้ฟรีเลย!”
กวนซานมองฉีเหรินหัวเราะแล้วพูดว่า:“ตระกูลฉีของพวกนาย อยากจะขับไล่พวกเราให้ออกจากเมืองเจิ้ง พวกคนเลว”
“หากว่าไม่ใช่นายของฉันไม่ให้ฉันออกนอกลู่นอกทาง ฉันกำจัดนายไปตั้งนานแล้ว”
“บอกตามตรง ต่อให้นายของฉันเจอท่านเทียน ต่างก็ต้องทำความเคารพอย่างมีระเบียบ”
“ตอนนี้ นายทำให้ท่านเทียนโกรธ ฉันได้รับคำสั่งจากท่านเทียนทำลายตระกูลฉีของพวกนาย หากนายของฉันรู้ เขาต้องชมฉันเป็นแน่”
“นายคิดว่า ฉันจะทิ้งโอกาสดีๆ แบบนี้เหรอ?”
กวนซานในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะยิ้มตาหยี แต่เมื่อมองไปแล้ว ราวกับปีศาจที่กินคนเข้าไป
ฉีเหรินที่อยู่บนพื้น ก็พูดอะไรไม่ออกโดยสิ้นเชิง
หากว่าแค่พลังของกวนซานคนเดียวคงไม่พอ ที่จะทำให้ตระกูลฉีของเขาล้มละลาย ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
แต่ว่า กวนซานได้รับการสนับสนุนจากทั้งสามมณฑล
เขารู้ว่า ต่อหน้าของระบบมณฑลที่ใหญ่แบบนี้ ธุรกิจตระกูลฉีของเขาเล็กเพียงนิดเดียว
จัดการได้อย่างรวดเร็ว
คิดไม่ถึงเลยว่าของปลอมเล็กๆ แค่นี้ เนื่องจากจัดการไม่ดี จะส่งผลทำลายตระกูล เขาอยากจะตายจริงๆ
หอแปดสิ่งล้ำค่า
ห้องที่ดีที่สุดบนชั้นบนสุด
“อืม อร่อย”
“ปลานี่รสชาติไม่เลวเลย อร่อยมาก”ซูซูกินอย่างมีความสุข
ฉินเทียนพูดอย่างนิ่มๆ ว่า:“พนักงาน เอามาอีกชุด”
ซูซูหัวเราะอย่างเขินอายแล้วพูดว่า:“พวกเธอก็กินด้วยสิ อย่ามัวแต่มองฉัน”
อย่างไรก็ตาม กินไม่ลงแล้ว
เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเช้า สำหรับเธอแล้ว มันราวกับฝัน
ลังเลครู่หนึ่ง เธอก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า:“คุณฉิน ตระกูลฉีจะล้มละลายจริงเหรอ?”
“จะเป็นแบบที่กวนซานเย๋พูดอย่างนั้นเหรอ การรายงานของทุกสื่อ เนื่องจากเขาปลอมผลิตภัณฑ์ จะลงโทษจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง?”
ฉินเทียนหัวเราะแล้วพูดว่า:“ทำไม สงสารพวกเขางั้นเหรอ?”
“เปล่าซะหน่อย!”พูดอย่างโกรธๆ ว่า:
“ธุรกิจดำแบบนี้ หาเงินด้วยความทุจริต โดยไม่สนความเป็นตายของลูกค้า สมควรทำให้พวกเขาล้มละลาย!”
“เมื่อได้ยินข่าวนี้ ต่อไปคงไม่มีใครหล้ามาปลอมผลิตภัณฑ์ของพวกเราเป็นแน่”
“อีกอย่าง ยังจะทำให้บริษัทอื่นๆ ที่ทำธุรกิจทุจริตแบบนี้หวาดกลัวไปอีกด้วย”
“แล้วก็ อีกด้านหนึ่ง ยังจะช่วยโฆษณาใหญ่ยักษ์ให้กับบริษัทของเรา”
“รอให้โฆษณาของหลิวหรูยู่เผยแพร่ออกไปในโรงละครทองคำก่อน พระเจ้า ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะรวยแล้ว!”
ซูซูกินไป แล้วก็สนับสนุนไปว่า:“อย่าถูกชัยชนะครอบงำล่ะ”
“กงลี่ ต่อไปก็เป็นความลำบากของเธอแล้วที่จะต้องควบคุมคุณภาพสินค้า!”
“จะต้องทำความเข้าใจอย่างเคร่งครัด!”
“อันนี้ฉันรู้อยู่แล้ว”กงลี่พยักหน้าแล้วพูด:“วางใจเถอะ ฉันจะจัดตั้งกองทัพให้”
“หากมีปัญหาด้านคุณภาพ ให้สามีนายมาตัดหัวฉันได้เลย”
“ถุย พูดมั่วอะไร”ซูซูจึปาก
กงลี่หัวเราะแล้วพูดว่า:“แต่ว่า ฉันสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง”
เขามองฉินเทียน นัยน์ตาที่สวยงามแวบหนึ่ง พูดว่า:“ทำไมนายถึงเก่งขนาดนั้น?”
“ทำให้ฉันตกใจมาก!”
ฉินเทียนในขณะนี้ ดูหล่อและไม่มีอันตราย แล้วเหตุใดเขาถึงได้ไปติดต่อกับพวกคนดุร้ายเช่นนั้นได้
ซูซูตอบแทนฉินเทียน:“ไม่เห็นมีอะไรแปลก”
“เขาได้ทำงานทัวร์แพทย์อยู่หลายปี ทำอย่างอื่นไม่เป็น ก็เลยเรียนของเกี่ยวกับศูนย์เสริมความงาม”
กงลี่แลบลิ้น
สิ่วของเหล่านี้หากว่าเป็นแค่ศูนย์เสริมความงาม งั้นโลกใบนี้ก็ไม่มีของดีแล้ว
“คุณฉิน ฉันเคารพคุณแก้วหนึ่ง”
“ขอบคุณที่ช่วยฉัน”เขาถือแก้วไวน์แล้วลุกขึ้น
นี่เป็นคำขอบคุณมาจากใจ
เพราะเธอรู้ว่า หลังจากผ่านเรื่องวันนี้ไป เจิ้งจี๋ไม่กล้ามาหาเรื่องเธออีกเป็นแน่
แล้วเธอก็จะสามารารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้
เมื่อก่อน เธอรู้สึกว่าชีวิตของเธออยู่ในความมืด ชีวิตนี้หมดสิ้นแล้ว
แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่า หลังจากที่ชีวิตของเธอผ่านความยากลำบากในความมืดมนมาได้ เพื่อทำการออกเดินทางอีกครั้ง
อนาคต คือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
ฉินเทียนพยักหน้า จากนั้นชนแก้วกับกงลี่แล้วพูดว่า:“ขอบคุณที่เลี้ยง”
“ฉันกินเสร็จแล้ว”ซูซูเช็ดปากแล้วพูดว่า:“พวกเธอยังกินอีกไหม?”
“หากว่ากินเสร็จแล้ว พวกเรารีบกลับหลงเจียงเถอะ”
“ฉันรอไม่ไหวแล้ว”
ฉินเทียนและกงลี่ก็กินเสร็จแล้ว เตรียมที่จะลุกขึ้น
กงลี่ที่เดินไปด้านหน้าเคาน์เตอร์กำลังจะจ่ายบิล ก็ถูกบอกว่า ซานเย๋โทรศัพท์มาเช็คบิลให้แล้ว
ฉินเทียนอดหัวเราะไม่ได้ ที่เห็นกงลี่เขินอาย แล้วพูดว่า:“ให้เขาจ่ายไป”
“ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนจ่ายเงิน แต่คนเลี้ยงก็ยังเป็นเธอ”
“ถ้างั้นคราวหน้าฉันค่อยเลี้ยง”กงลี่พูดพร้อมหัวเราะ
เมื่อเตรียมหมุนตัวจะออกไป จู่ๆ ฉินเทียนก็เห็น เงาที่มีสเน่ห์ลุกขึ้นยืนจากบนโซฟาที่ห้องโถง
นั่นมันหม่าหงเทา
บนโซฟาที่ข้างๆ เขา มีหญิงสาวที่เหมือนกวางน้อยนั่งอยู่
ราวกับกลัวที่จะพบเจอคน นั่งก้มหน้าและห่อตัว มีอาการสั่นเทาเล็กน้อย
กอดของยาวๆ เป็นกระเป๋าสีดำ น่าจะเป็นมีดม้งของหม่าหงเทา
ฉินเทียนมองกงลี่และซูซูแล้วพูดว่า:“พวกเธอไปรอฉันที่รถก่อน”
ทั้งสองสาวพยักหน้าแล้วเดินออกไป
ฉินเทียนเดินไปที่หม่าหงเทา จากนั้นมองหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง แล้วพูดว่า:“นี่คือ…”
“น้องสาวผม”
หม่าหงเทาพูดอย่างรีบว่า:“เสี่ยวเซวี่ย รีบมาพบคุณฉินเร็ว”
สาวน้อยชื่อหม่าเซวี่ย เมื่อได้ฟังคำพูดของพี่ชาย ก็เงยหน้ามองฉินเทียน จากนั้นนัยน์ตาที่บริสุทธิ์ก็ตระหนก
หน้าแดงแล้วรีบก้มหัวลง
ฉินเทียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า:“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไง?”