บัญชามังกรเดือด - บทที่ 296 ฉันเป็นคนไม่มีศักดิ์ศรีหรือไง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 296 ฉันเป็นคนไม่มีศักดิ์ศรีหรือไง
ฉินเทียนไม่อยากเข้าไปวุ่นวาย เพราะเขารู้ดีว่า การที่ชาร์ลีกล้ายั่วโมโหเหลิ่งน่ายจื่อ จะต้องตายอย่างอนาจในที่สุด
เขาจึงเดินตามอยู่ไกลๆ
แต่ เขาก็ไม่กล้าแอบหนีไปเช่นกัน
สายตาเลื่อนลอย ดูท่าทางเหมือนคนเอื่อยเฉื่อย
ปฏิกิริยาของเหลิ่งน่ายจื่อวันนี้ เหนือความคาดหมาย ตามปกติแล้ว หากมีใครกล้ามายั่วโมโหเธอ ต้องถูกไล่ตีจนสะบักสะบอมไปนานแล้ว
ตอนนี้ ฉินเทียนก็อยากรู้เหมือนกันว่า เหลิ่งน่ายจื่อไปกินยาตัวไหนผิดมา
“คุณผู้หญิงท่านนี้ ต้องการซื้อลิปสติกไหมคะ?”
“ที่นี่เรามีทุกเฉดสีเลย คุณชอบแบบไหน เรานำมาให้คุณดูได้นะคะ”
เหลิ่งน่ายจื่อเดินมาถึงเคาน์เตอร์ลิปสติก พนักงานขายก็เอ่ยแนะนำอย่างสุภาพและอ่อนน้อม
ชาร์ลีรีบชี้ไปที่ลิปสติกราคาสิบกว่ายูโรแท่งหนึ่ง เอ่ยว่า: “อันนี้ไม่เลวนะครับ คุณผู้หญิง อยากลองดูหน่อยไหม?”
“ผมเชื่อว่า หลังจากทาแล้ว ริมฝีปากของคุณ จะต้องเป็นวิวที่สวยที่สุดในโลกแน่ครับ”
“ไม่ต้องห่วง ผมบอกแล้วว่า วันนี้ผมจ่ายเอง”
เหลิ่งน่ายจื่อสีหน้าไร้อารมณ์ ชี้ไปที่ชั้นวางระดับไฮเอนขนาดใหญ่ที่ถูกแยกไว้ต่างหากแถวหนึ่ง เอ่ยว่า: “ของตรงนี้ ฉันเอาหมดเลยค่ะ”
“รบกวนใส่มาให้ฉันหน่อยนะคะ”
พูดจบ เธอก็เปิดกระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่ซื้อมาเมื่อครู่ใบนั้นออก
พนักงานขายนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มพูดว่า: “คุณผู้หญิง คุณนี่ติดตลกจังเลยนะคะ”
“คุณทราบไหมคะว่าทั้งชั้นนี้คืออะไร?”
“แค่เกอแลงลิปเคสประดับทองคำแท่งนี้ ก็ห้าแสนยูโรแล้วนะคะ”
“แล้วนี่ก็เป็นสินค้าราคาแพงที่สุดของร้านเราด้วย”
“แถวนี้ที่คุณบอก รวมกันแล้ว เกินหนึ่งล้านยูโรไปแล้วนะคะ”
ชาร์ลีหัวเราะฮ่าฮ่า เขาวางมือบนไหล่ของเหลิ่งน่ายจื่ออย่างสบายๆ แล้วพูดกับพนักงานขายว่า: “อย่าถือสาเลยครับ”
“แฟนผม เธอเป็นคนอารมณ์ขัน”
“เธอล้อคุณเล่นน่ะครับ”
พนักงานขายยิ้มแย้ม พูดว่า: “คุณผู้ชาย แฟนคุณมีเสน่ห์จังนะคะ”
เหลิ่งน่ายจื่อหน้าตึง เอ่ยว่า: “คุณคิดว่า ฉันดูเหมือนกำลังล้อเล่นอยู่เหรอ?”
“แถวด้านหลังนั่น ฉันก็เอาด้วย!”
“ยังไม่ใส่ถุงให้อีก!”
คราวนี้ พนักงานขายกับชาร์ลี พากันอึ้งตาโต
เพราะดูเหลิ่งน่ายจื่อแล้ว เหมือนไม่ได้ล้อเล่นจริงๆ
พนักงานหน้าแดง รีบเรียกผู้จัดการร้านมา
ผู้จัดการร้านมองเหลิ่งน่ายจื่อ แล้วยิ้มเอ่ยว่า: “คุณผู้หญิง คุณเป็นนายหน้าจัดซื้อหรือเปล่าคะ?”
“ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ สินค้าที่นี่ของเราเมื่อขายไปแล้ว ไม่รับคืนทุกกรณีนะคะ”
“หวังว่าคุณจะพิจารณาให้ถี่ถ้วน”
เหลิ่งน่ายจื่อโมโหแล้ว เขวี่ยงถุงใส่ ก่อนจะพูดว่า: “ใส่ถุงมา!”
พนักงานขายและผู้จัดการร้าน พลางคิดเงิน พลางนำลิปสติกทั้งสองชั้นจัดใส่ถุงอย่างเร่งรีบ
“คุณผู้หญิงคะ ทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งล้านห้าแสนแปดหมื่นยูโรค่ะ คุณจะชำระเงินยังไงดีคะ?” ผู้จัดการร้านถามหยั่งเชิง
“รอก่อนสิ ฉันยังซื้อไม่เสร็จเลย”
เหลิ่งน่ายจื่อหยิบถุงผ้า หมุนตัว เดินมาหยุดข้างๆ เคาน์เตอร์น้ำหอม แล้วชี้ไปยังชั้นสินค้าระดับไฮเอนด์ชั้นหนึ่ง โดยไม่มองเลยสักนิด
“พวกนี้ ฉันเอาหมดเลย”
“รบกวนใส่ถุงให้ฉันด้วย”
ขณะนี้ การกระทำของเธอ ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างไปแล้ว
พนักงานขายน้ำหอมยิ้มพูดอย่างลำบากใจว่า: “คุณผู้หญิงคะ ฉันขอแนะนำคุณสักหน่อยนะคะ”
“ชั้นที่คุณบอก แค่ตริสเตียนดิออร์รุ่นเฟิร์สรอยัล หนึ่งออนซ์ก็หมื่นยูโรแล้วนะคะ….”
“แล้วก็คริสเตียนนัมเบอร์วัน ทั้งหมดนี้เป็นแบรนด์ชั้นนำของโลกทั้งหมดเลย”
“คุณแน่ใจนะคะ ว่าจะเอาทั้งหมด?”
เหลิ่งน่ายจื่อเอ่ยหน้านิ่ง: “คุณฟังที่ฉันพูดไม่เข้าใจเหรอ?”
“ได้ค่ะ!” พนักงานขายกัดฟัน นำทุกอย่างแพ็คใส่ถุง
ราคาทั้งหมด เฉียดไปเกือบหนึ่งล้านยูโรแล้ว
เหลิ่งน่ายจื่อถือถุงเครื่องสำอางใบใหญ่ที่ราคาเกือบสามล้านยูโร หมุนตัว ยิ้มขัดเขินให้ชาร์ลีเล็กน้อย
“คุณชาร์ลี คุณจ่ายเงินได้เลยค่ะ”
ชาร์ลีตกใจจนอ้าปากค้าง พูดไม่ออกอยู่พักใหญ่
ไกลออกไป ฉินเทียนเห็นเหลิ่งน่ายจื่อกำลังถือถุงใบใหญ่ ท่าทางเหมือนไปเอาขวดเหล้ามา เขาก็หัวเราะคิกคัก
ก่อนหน้านี้ยังนึกฉงนอยู่เลย ว่าราชินีงูคนนี้เป็นคนจิตใจดีตั้งแต่เมื่อไร
ที่ไหนได้ เธอใช้วิธีแบบนี้มาแก้เผ็ดเจ้าชาร์ลีนี่เอง
โธ่เอ้ย เอ็งเรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษ ต้องจ่ายเงินให้สุภาพสตรีไม่ใช่เหรอวะ? ตอนนี้เอ็งก็จ่ายไปเลยสิ!
เมื่อเห็นชาร์ลีไม่พูดจา เหลิ่งน่ายจื่อจึงยิ้มแห้งๆ แล้วเอ่ยว่า: “คุณคิดว่า ของพวกนี้ไม่สมน้ำสมเนื้อให้คุณรูดบัตร ใช่ไหมคะ?”
“งั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะฝืนเลือกเพิ่มอีกหน่อยแล้วกัน”
เธอชี้ไปที่กระเป๋าสตรีหลายใบที่อยู่ไกลออกไป: “อันนั้น อันนั้น แล้วก็อันนั้น….พวกนี้ฉันเอาหมดเลย”
“รบกวนช่วยใส่ถุงให้ด้วยนะคะ ขอบคุณ”
พนักงานขายเห็นแบบนี้ ก็ปลื้มปริ่มสุดซึ้ง พวกเขาคิดว่า ชาร์ลีคงจะเป็นเจ้าชายจากราชวงศ์ยุโรปแน่ๆ
เจ้าชายพาแฟนตัวเองมาช้อปปิ้ง นี่มันลูกค้าวีไอพีเลยนะเนี่ย!
ภายในร้าน ลูกค้าคนอื่นๆ ไม่สนใจซื้อข้าวของกันแล้ว
ห้อมล้อมชาร์ลีกับเหลิ่งน่ายจื่อจนแน่นขนัดไร้ช่องว่าง
ชาร์ลีอยากหนีแต่ไม่มีทางให้ออกไปได้เลย หน้าผากเขาเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาแล้ว
เปรียบเทียบกับลิปสติกและน้ำหอมไฮเอนด์ กระเป๋าพวกนี้ราคาแพงระยับกว่ามาก
ตอนนี้ ราคาของสินค้าทั้งหมดที่เหลิ่งน่ายจื่อซื้อรวมกัน ปาไปเกือบสิบล้านยูโรแล้ว
ยอดเงินมหาศาลขนาดนี้ ต่อให้เอาเขาไปขายก็ไม่คุ้มอยู่ดี!
สิบล้านยูโร
เกือบร้อยล้านหยวนเลยนะ!
แม้แต่ฉินเทียนยังอดเหงื่อตกไม่ได้ เหลิ่งน่ายจื่อคนนี้ อำมหิตสุดๆ
แต่พอคิดว่าทั้งหมดนี้จะไปตกที่ชาร์ลี เขาก็รู้สึกโล่งใจ
“นี่คุณ คุณล้อเล่นใช่ไหม?”
“ฟังนะ เลิกก่อเรื่อง แล้วรีบคืนของพวกนี้กลับไปซะ เราจะไปดื่มกาแฟกัน” เขาเอ่ยหน้าซีด
“นี่คุณหมายความว่ายังไงคะ?”
“หรือว่าเงินอีแค่สิบล้านยูโร คุณจ่ายไม่ได้?” เหลิ่งน่ายจื่อเอ่ยถาม
ชาร์ลียิ้มพูด: “ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวนะ”
“ผมเชื่อว่า ไม่มีใครจ่ายเงินมากมายขนาดนี้ มาซื้อของพวกนี้แบบรวดเดียวหรอก”
“จริงเหรอ?” เหลิ่งน่ายจื่อยิ้มเอ่ย: “ถ้าฉันหามาได้สักคนล่ะ?”
ชาร์ลีเอ่ยกลั้วหัวเราะ: “ถ้าที่นี่มีคนแบบนั้นจริงๆ ผมจะคุกเข่าจูบรองเท้าเขาเลย”
“แต่ เลิกก่อเรื่องจะได้ไหม?”
เหลิ่งน่ายจื่อเอ่ยเสียงเรียบ: “คนบ้านนอกอย่างคุณ จะไปรู้อะไร”
“ตอนนี้ ฉันจะชี้ออกมาคนหนึ่งให้คุณดู”
สายตาของเธอมองเลยผ่านฝูงชน ออกไปยังด้านนอก
ได้ยินสิ่งที่เธอพูด ฉินเทียนก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ
ตอนแรก เขายังมีความสุขอยู่เลย
แต่เห็นสายตาเหลิ่งน่ายจื่อแล้ว ทำไมเขาถึงรู้สึกว่า การเปลี่ยนทิศกระทันหันของสายฟ้าสายนี้ กำลังจะผ่าลงมาที่หัวเขาล่ะ?
เขารีบก้มหน้าคิดจะย่องหนีไป
“มานี่” เหลิ่งน่ายจื่อเอ่ยหน้านิ่ง
“เอ่อ ไม่ใช่ ผม….” ฉินเทียนอยากปฏิเสธแต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
“ฉันบอกให้นายมานี่ ทำไม คำพูดฉันไม่มีผลแล้ว หรือเรื่องนั้นไม่มีผลแล้วหรือไง?” เหลิ่งน่ายจื่อเอ่ยเนิบนาบ
ฉินเทียนตกใจเตลิด
“มาแล้วๆ!”
“คำพูดของศิษย์น้อง ใช้ได้ผลเสมอ!” เขาแหวกฝูงชนแออัดเข้ามา
เหลิ่งน่ายจื่อเอ่ยเสียงราบเรียบว่า: “จ่ายเงิน”
ชิบหาย…
ฉินเทียนเหงื่อตก ฝืนยิ้มพูดว่า: “ฟังฉันนะ ของพวกนี้เราใช้ไม่หมดหรอก เอากลับคืนไปสักหน่อยดีไหม?”
“เลือกที่ถูกใจที่สุดมาสองสามชิ้นก็พอแล้ว”
“อันไหนใช้ไม่หมด ฉันโยนทิ้งก็ได้”
“แต่ตอนนี้ นายให้ฉันคืนของ?”
“นายคิดว่าฉันเป็นคนไม่มีศักดิ์ศรีรึไง?” เหลิ่งน่ายจื่อตะคอกถามทันที