บัญชามังกรเดือด - บทที่ 357 ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 357 ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
“นายว่าไงนะ?”
“อานกั๋วรอซุ่มโจมตี และคนที่แอบส่งข่าวให้พวกเขา ก็คือคนตระกูลจ้าว?”
เมื่อได้ฟังการรายงานจากเหล่าอู่ จ้าวข่ายระเบิดขึ้นมาทันที
จ้าวซวู่สูญเสียองครักษ์ไป 3 คน ตระกูลต้องถามหาความรับผิดชอบแน่ ๆ
ในตอนนี้เขาเกิดความแปลกใจ วางแผนไว้แม่นยำแล้วว่าอานกั๋วไปเล่นหมากรุกที่เสินหลงกวาน มีคนคุ้มกันเพียงไม่กี่คน
และด้วยความสามารถของอู่กุ่ยแล้ว ต้องประสบความสำเร็จแน่ ๆ
ฆ่าอานกั๋วแล้ว ถึงตอนนั้น จ้าวข่าย ก็จะเป็นฮีโร่คนแรกของตระกูล
บวกกับจ้าวซวู่ที่ต้องรับผิดชอบ เขาก็จะสามารถเหยียบขึ้นตำแหน่งจ้าวซวู่ได้พอดี
อยู่ห่างจากบัลลังก์นายท่านของตระกูลจ้าว อีกแค่หนึ่งก้าว
คิดไม่ถึงเลยว่า กลับมาล้มเหลวเอาขั้นสุดท้าย
“นายน้อยข่าย ถ้าหาคนชั่วนั่นเจอ ผมจะฆ่ามันด้วยตัวเอง!”
“พี่น้องของเรา 5 คนตายไป 4 คน ก็เป็นเพราะไอคนชั่วนั่น!” เหล่าอู่กัดฟัน ใบหน้าเต็มไปด้วยเส้นเลือด
เมื่อนึกถึงการซุ่มโจมตีเมื่อคืนนี้ เขาก็รู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน
พี่น้องทั้ง 5 เข้าไปติดกับดักเองเหมือนคนโง่
ถ้าไม่ใช่เพราะหม่าหงเทาฝากข้อความกับเขามา ตอนนี้ เขาก็คงกลายเป็นผีภายใต้มีดเหมียวไปแล้ว
มีเพียงการฆ่าคนชั่วที่แอบส่งข่าวให้ได้เท่านั้น ถึงจะคลายความคับแค้นใจนี้ได้!
จ้าวข่ายมองจ้าวเฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น
จ้าวเฟิงรีบพูดขึ้นมาว่า: “พี่ข่าย พี่คงไม่ได้คิดว่า คนที่แอบส่งข่าวคือผมหรอกนะ?”
“พี่ข่าย ผมซื่อสัตย์ต่อพี่ แล้วจะสมรู้ร่วมคิดกับตระกูลอันได้อย่างไร”
จ้าวข่ายยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า : “ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่แอบส่งข่าว คือ จ้าวซวู่”
“เขากลัวว่าฉันจะแย่งความดีความชอบมา ก็เลยบอกกับตระกูลอันล่วงหน้า ถ้าเป็นฉัน ฉันก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน”
“เพียงแต่ จ้าวซวู่รู้ได้ไง ว่าฉันจะลอบสังหารอานกั๋วคืนนี้?”
“นี่เป็นความลับ คนข้างกายฉันที่รู้เรื่องนี้ มีแค่ไม่กี่คน”
“และนาย ก็บังเอิญเป็นหนึ่งในนั้น”
เมื่อได้ยินคำพูดของจ้าวข่ายแล้ว เหล่าอู่ก็ตาแดงก่ำขึ้นทันที
“คุณ!”
“ที่แท้คุณก็เป็นคนของจ้าวซวู่ ต้องเป็นคุณแน่ ๆ ที่แอบส่งข่าว!”
“คุณทำให้พี่ชาย 4 คนของผมตาย ผมจะฆ่าคุณ!”
เขาวางมีดที่คอของจ้าวเฟิง และกำลังจะฆ่าเขา
คิดไม่ถึงว่า การแสดงออกของจ้าวเฟิงกลับสงบนิ่งมาก
เขามองไปที่จ้าวข่ายแล้วพูดว่า : “พี่ข่าย ผมจะอยู่หรือตายก็ไม่เป็นไร”
“ถ้าการตายของผม สามารถระงับความโกรธของพี่ข่ายและอู่กุ่ยได้ งั้นก็เชิญฆ่าผมเลย”
พูดจบ เขาก็หลับตาลง
จ้าวข่ายส่งสัญญาณบอกอู่กุ่ยไม่ให้บุ่มบ่าม เขายิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า : “ จ้าวเฟิง ฉันสงสัยว่านาย คือคนชั่วที่จ้าวซวู่ส่งมา”
“ถึงอย่างไร แม้ว่านายจะเป็นลูกนอกสมรสของอารอง แต่กับจ้าวซวู่ก็เป็นพี่น้องแท้ ๆ กัน”
“ตอนนี้ นายมีอะไรอยากจะพูดไหม?”
จ้าวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “ในเมื่อพี่ข่ายให้ผมพูด งั้นผมก็จะพูดตามตรง”
“ก่อนอื่น แม้ว่าผมจะมีพ่อคนเดียวกันกับจ้าวซวู่ แต่จ้าวซวู่ไม่เคยเห็นผมเป็นคนเลย”
“เขากลัวว่าผมจะแย่งความรักจากเขา ถึงขนาดไม่เคยให้ผมไปเจอพ่อตามลำพัง”
“ดังนั้น ในสายตาของผม จ้าวซวู่จะเป็นศัตรูของผมตลอดไป!”
“ผมยอมรับ ที่ผมแอบมาพึ่งพาอาศัยพี่ข่าย เพราะความเห็นแก่ตัว นั่นก็คือผมอยากจะยืมมือของพี่ข่าย ฆ่าจ้าวซวู่!”
พูดถึงตรงนี้ มีเจตนาฆ่าที่รุนแรงในดวงตาของจ้าวเฟิง ซึ่งแม้แต่จ้าวข่ายยังรู้สึกหวาดกลัว
เขามองออกว่า ความเคียดแค้นที่จ้าวเฟิงมีต่อจ้าวซวู่ มันออกมาจากในจิตใจจริง ๆ ดังนั้น เขาน่าจะไม่ช่วยจ้าวซวู่
“แล้วอะไรอีก?”เขาถามด้วยความเย็นชา
“อีกอย่าง…………” จ้าวเฟิงพูดเสียงเบา ๆ ว่า : “พี่ข่าย เรื่องที่ห้าผีเจียงจั่วไปลอบสังหารอานกั๋วที่หนานเจียง นี่เป็นความลับสุดยอด”
“การที่อยากจะรู้ว่าใครเป็นคนเอาข่าวนี้ไปบอกจ้าวซวู่ เป็นเรื่องง่ายมาก เรียกทุกคนที่รู้เรื่องนี้มา”
“คุมเชิงต่อหน้า ผมเชื่อว่า ความจริงก็จะเปิดเผยออกมา”
จ้าวข่ายยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า : “เรื่องนี้นอกจากอู่กุ่ยแล้ว มีฉัน นาย และจ้าวสี่อีกคนที่รู้”
“จ้าวสี่เป็นคนสนิทของฉัน อีกอย่าง การหลอกใช้คนขับรถของอานกั๋วเพื่อให้รู้เส้นทางการเดินทาง จ้าวสี่ก็เป็นคนจัดการให้ฉัน”
“เขาไม่มีทางหักหลังฉัน”
จ้าวเฟิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า : “เรื่องสำคัญขนาดนี้ในวันนี้ ทำไมพี่จ้าวสี่ถึงไม่มา?”
“เขามีส่วนร่วมในการวางแผนเรื่องนี้ หรือว่า เขาไม่อยากทราบผลเร็ว ๆ หรอกเหรอ?”
จ้าวข่ายสีหน้าเปลี่ยน เขาเองก็รู้สึกผิดปกติ
จ้าวสี่ประจบประแจงเขา ก็เหมือนกับสุนัข ขอแค่เขาตื่นขึ้นมา โดยทั่วไปก็จะเห็นจ้าวสี่อยู่ตรงหน้าตลอด
จ้าวเฟิงพูดถูก ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ทำไมจ้าวสี่ไม่มา?
นี่มันผิดปกติ!
“เหล่าอู่ ไปพาตัวจ้าวสี่มา”
“ครับ!”
เหล่าอู่ต้องการหาตัวคนชั่วให้เจอในทันที เพื่อแก้แค้นให้กับพี่น้องที่ตายไป เขารีบออกไป
ไม่นาน เหล่าอู่ก็กลับมา
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของเขา จ้าวข่ายก็ตกตะลึง : “เกิดอะไรขึ้น? จ้าวสี่ล่ะ?”
เหล่าอู่หน้าเขียว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“เหล่าซื่อ ไม่อยู่แล้ว”
“ผมเจอสิ่งนี้ในห้องของเขา”
เมื่อเห็นกล่องซิการ์ในมือของเหล่าอู่ จ้าวเฟิงก็ตกใจ แล้วพูดเสียงดังว่า : “นี่ไม่ใช่ซิการ์รุ่นที่จ้าวซวู่ชอบที่สุดหรอกหรอ?”
“ทั้งตระกูลจ้าว มีแค่เขาคนเดียวที่สูบ ทำไมถึงไปโผล่อยู่ที่ห้องของจ้าวสี่ได้ล่ะ?”
“หรือว่า……..”
“สารเลว!”จ้าวข่ายโกรธจัดจนทำแจกกันดอกไม้ที่อยู่ข้าง ๆ แตกเป็นชิ้น ๆ
เขาพูดด้วยตาแดงก่ำว่า : “จ้าวสี่ ไอชาดหมา กล้าหลอกฉัน!”
“ที่เขามาประจบประแจงฉันขนาดนี้ ที่แท้ก็มาเป็นไส้ศึกให้จ้าวซวู่นี่เอง!”
“เหล่าอู่ ไปหาตัวมาให้ฉัน!”
“จะปีนขึ้นฟ้าหรือมุดลงดิน ฉันก็จะฉีกมันเป็นชิ้น ๆ !”
จนกระทั่งฟ้าสาง จ้าวข่ายระดมลูกน้องทั้งหมดของเขา ออกค้นหาจ้าวสี่ทั่วทั้งเมืองอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่พบเบาะแสใดใด
เมื่อฟ้าสว่างแล้ว จ้าวเฟิงพูดด้วยความเซ็งว่า : “พี่ข่ายครับ จะโกรธที่ผมพูดตรง ๆ ก็ได้ ผมรู้สึกว่า จ้าวสี่น่าจะถูกจ้าวซวู่ซ่อนตัวไว้”
“ในช่วงเวลาแบบนี้ พี่ไม่เหมาะที่จะเปิดสงครามกับจ้าวซวู่”
จ้าวข่ายกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ได้รับโทรศัพท์จากหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูล
เสียงของหัวหน้าพ่อบ้านที่ลอดสายมาทางโทรศัพท์นั้นจริงจังมาก
เจ้าบ้านมีคำสั่งให้ สมาชิกตระกูลจ้าวทั้งหมด ไปประชุมกันที่ศาลบรรพบุรุษเวลา 10 โมงตรง มีเรื่องสำคัญที่ต้องหารือ
จ้าวข่ายสงบสติลง แล้วพูดด้วยความเป็นกังวลว่า : “ ฉันส่งคนไปลอบสังหารอานกั๋วโดยไม่ได้รับอนุญาต และมันก็ล้มเหลวแล้ว”
“จ้าวซวู่ต้องใช้เรื่องนี้ในการโจมตีฉันแน่ ๆ”
“จ้าวเฟิง นายคิดว่าฉันควรทำยังไง?”
จ้าวเฟิงรีบพูดขึ้นมาว่า : “พี่ข่ายไม่ต้องเป็นกังวล”
“ถ้าเทียบกับความผิดพลาดของจ้าวซวู่แล้ว เรื่องนี้ของพี่ถือเป็นเรื่องเล็กน้อย”
“อย่าลืมนะ ในการประชุมตระกูลครั้งล่าสุด จ้าวซวู่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า เขาจะเอาหนานเจียงมาให้ได้ภายใน 3 เดือน”
“ตอนนี้ผ่านไปแล้ว 1 เดือน เขาไม่เพียงแต่ไม่มีความคืบหน้า แถมยังสูญเสียองครักษ์ไปอีก 3 คน”
“ผมคิดว่า การที่เจ้าบ้านรีบร้อนเรียกประชุม ประเด็นหลักก็เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องของจ้าวซวู่”
จ้าวข่ายยิ้มเย็นชาแล้วพูดว่า : “นายเตือนให้ฉันนึก”
“จ้าวเฟิง นายกลับไปเตรียมตัว ในการประชุมตระกูลที่จะเกิดขึ้น นายต้องยืนเคียงข้างฉัน!”
“พี่ข่ายวางใจได้!”
“ผมจะสนับสนุนพี่ตลอดไป!”
จ้าวเฟิงกลับไปที่บ้านของเขา
แม้ว่าเขาเองก็เป็นลูกหลานตระกูลจ้าว แต่เขาไม่มีความสำคัญ
เมื่อเทียบกับคฤหาสน์ที่ลูกหลานตระกูลจ้าวคนอื่น ๆ อาศัยอยู่ ที่ที่เขาอาศัย เป็นเพียงแค่บ้านเก่า ๆ โทรม ๆ
แม้ว่าจะเก่าและโทรมมาก แต่ก็สะอาดมาก
เขาผลักประตูเดินเข้าห้อง เห็นชายวัยกลางคนสีหน้ามืดมนกำลังดื่มชาอยู่ข้างโต๊ะ
บนโต๊ะ มีมีดหนักขนาดใหญ่วางอยู่
“พี่เจี่ย ครั้งนี่โชคดีที่มีพี่”
“พี่วางใจได้ จัดการตระกูลจ้าว เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า”
“เออใช่ คนของพี่จัดการศพของจ้าวสี่เสร็จแล้วยัง?”
ชายวัยกลางคนที่มีสีหน้ามืดมน ก็คือ เจี๋ยโกว
ดาบพิฆาตซีเป่ย
เขาดื่มชาที่อยู่ในแก้วจนหมด แล้วยืนขึ้น พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า : “ต่อสู้ด้วยมีดปลอม ฉันทำเป็นครั้งแรก และจะเป็นครั้งสุดท้าย”
“ต่อไปเรื่องแบบนี้ อย่ามาหาฉันอีก”
“อีกอย่าง จ้าวเฟิง เวลาของนายมีไม่มากแล้ว หวังว่านายจะเร่งมือหน่อย อย่าทำให้เถ้าแก่ต้องผิดหวัง”