บัญชามังกรเดือด - บทที่ 485 กลับจิ่นหู
“ตระกูลลิมีฐานะเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง ว่ากันว่ามีทรัพย์สมบัติถึงห้าร้อยพันล้านเลย กำลังมากมายมหาศาล แต่ว่าพวกเขาทำงานค่อนข้างอ่อนน้อมถ่อมตนมาโดยตลอด”
“แม้ว่าพวกเขาไม่ออกมือ แต่ว่าฉันสังหรณ์ใจว่า พวกเขาน่าจะเป็นคนนั้นที่จัดการได้ยากที่สุด”
“ฉินเทียน อีกสองสามวันนายค่อยไปเมืองจิ่นหู ต้องระวังคนของตระกูลลิไว้ล่ะ”
“หากมีความจำเป็นละก็ ทางที่ดีส่งคนไปสอดแนมหน่อย จะได้รู้เขารู้เรา”
“ครั้งนี้ล้มเหลวไม่ได้ นายต้องกลายเป็นผู้นำสหพันธ์แห่งเจ็ดเมืองทางใต้”
อานกั๋วบอกความกังวลของตัวเองอย่างจริงจังและหนักแน่น
ตอนพูดถึงให้ฉินเทียนกลายเป็นผู้นำเจ็ดเมืองทางใต้นั้น น้ำเสียงเขาเด็ดเดี่ยว เหมือนสำคัญยิ่งกว่าการที่ตัวเขาเองกลายเป็นผู้นำ
ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
กลายเป็นผู้นำเจ็ดเมืองทางใต้ ?
ก่อนหน้านี้ เขายังไม่เคยคิดด้านนี้จริงจังเลย
ความคิดในตอนแรกสุดของเขานั้น ไม่อยากถูกคนอื่นบงการ เพียงแค่เพื่อซูยู่กรุ๊ปแต่เพียงเท่านั้น ดังนั้น เลยอยากจะวางหมากเจ็ดเมืองทางใต้ซะหน่อย
หลังจากเข้าใจสถานการณ์ของเจ็ดเมืองทางใต้ขึ้นอีกขั้นแล้ว เขามีความคิดในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่คราวก่อนที่เขาทำให้มือสายฟ้าจากตระกูลฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส และคำนวณเวลาได้แม่นยำ ทำให้หลังจากมือสายฟ้ากลับไปนั้น ตายอยู่เบื้องหน้ายายแก่
ตระกูลฉินเลยไม่ได้ส่งคนมารบกวนเขาอีกเลย
ดูผิวเผินแล้ว เหมือนถูกเขาอัดเอาไว้แล้ว
แต่ว่าในร่างกายเขามีเลือดของตระกูลฉินไหลเวียนอยู่ พวกเขาเพียงแค่อดกลั้นไว้ชั่วคราวก็เท่านั้นเอง ตามความเข้าใจที่เขามีต่อยายแก่ รวมทั้งคนตระกูลฉิน
ออกมือครั้งถัดไป เป็นการโจมตีอย่างสายฟ้าแน่นอน
ดังนั้น เขาจำเป็นต้องรวมแหล่งทรัพยากรเจ็ดเมืองทางใต้สักหน่อย มีความมั่นใจที่มากขึ้น เพื่อไปต่อสู้กับตระกูลฉิน
ขอเพียงเขาบรรลุเป้าหมาย ถ้าอย่างนั้นใครเป็นผู้นำ เขาก็ไม่สนจริง ๆ
“ก่อนหน้าฉันไม่ได้ให้นายเป็นราชาแห่งหนานเจียง นั่นเป็นเพราะฉันรู้ว่า หนานเจียงเล็ก ปริมาณน้อยเกินไป ไม่คู่ควรกับนายเลยด้วยซ้ำ”
“ฉันรู้ นายอาจจะยังไม่เห็นเจ็ดเมืองทางใต้อยู่ในสายตาเลย”
“แต่ว่า นี่เป็นโอกาสทองที่นายจะทำค่ายของตัวเอง”
“ตอนนี้ มีบัตรจากตระกูลจ้าวแห่งอวิ๋นชวนกับฉันแล้วสองใบ บวกกับยู่หลิงหลงที่เป่ยเจียงอีก เรื่องน่าทำทีเดียว !”
“ฉินเทียน ไม่ต้องลังเลแล้ว”
“ไม่อนุญาตให้พลาดโอกาสไป !”
“นายต้องกลายเป็นผู้นำ”
ฉินเทียนพยักหน้าแล้วเอ่ย : “ดูสถานการณ์แล้วกันครับ”
“แต่จากความเห็นฉันนะ กุมเพียงบัตรพวกนี้ไว้ไม่พอหรอก การก่อตั้งสหพันธ์ธุรกิจทางใต้ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ห้าตระกูลใหญ่แห่งเมืองจิ่นหูเสนอมา”
“พวกเขากำหนดอย่างชัดเจนตั้งนานแล้ว ผู้นำต้องเกิดขึ้นในหมู่พวกเขา”
“ฉันอยากจะเป็นผู้นำ พวกเขายากที่จะยอมรับอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น จะไม่ได้ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับพวกเขารอบด้าน”
อานกั๋วถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ย : “นี่เป็นสิ่งที่ยากที่สุด”
“แต่ว่า ฉันเชื่อนาย !”
…..
อานกั๋วพักอยู่ที่แห่งนี้แล้วจริง ๆ เพื่อจะได้เห็นผลงานการออกแบบของลิฉุนเป็นคนแรก ในขณะเดียวกันก็เป็นสภาพแวดล้อมอย่างอุทยานมังกรที่ชอบด้วยเช่นกัน
หลิวหรูยู่กับจุยเฟิงสามารถอาศัยในนามผู้ติดตามได้ จึงอยู่ต่ออย่างชอบด้วยเหตุผล
จุยเฟิงไม่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของอานกั๋ว ปล่อยตัวตัวเองโดยสมบูรณ์ แช่อยู่ในสวนสัตว์ร้ายทั้งวัน
ฉินเทียนฟังจากที่เถียหนิงซวงรายงาน ถึงได้รู้ ระหว่างจุยเฟิงกับฉานเจี้ยนเคยมีการประลองฝีมือกันอยู่หนหนึ่ง
เพียงแต่ว่า ทั้งสองคนเลือกที่จะเข้าสู่ภูเขาป่าไม้หนาทึบ หลบเลี่ยงจากทุกคน
ดังนั้น แพ้หรือชนะการในการต่อสู้ครั้งนี้ เลยไม่มีใครรู้
หลิวหรูยู่ก็ปล่อยตัวเองด้วยเหมือนกัน ไม่แต่งหน้าเลยทุกวัน สวมเสื้ออยู่บ้านเรียบ ๆ เหมือนสาวชาวบ้านอย่างไรอย่างนั้น อยู่กับหม่าเซวี่ย แล้วก็สาวชาวนาที่ปลูกสมุนไพรจีนพวกนั้นด้วยกัน
มีครั้งหนึ่ง ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะถาม : “ตอนนี้บริษัทคุณเป็นยังไงบ้าง ?”
“เถ้าแก่อย่างคุณไม่อยู่ ก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม ?”
“บริษัทเทียนยู่” ของเธอ ตอนนั้นเป็นฉินเทียนที่ซื้อไว้แล้วมอบให้เธอ ตอนนั้นยังเป็นเพียงแค่บริษัทบันเทิงปานกลางแห่งหนึ่ง
ตอนนี้ สามารถสอบถามข่าวคราวแนวหน้าได้รำไรแล้ว
หลิวหรูยู่เม้มปาก แล้วเอ่ย : “มีพี่หรงกับฟู่เจียงอยู่ ไม่ต้องให้ฉันมากังวลหรอก”
“ในทางกลับกัน ตอนที่ฉันอยู่ พวกเขายังไม่พอใจที่ฉันเกะกะด้วยซ้ำไป”
“ทำไม คุณก็คงจะไม่พอใจที่ฉันเกะกะด้วยหรอกสินะ ?”
“หรือกลัวว่าภรรยาคุณรู้เรื่องคุณกับฉันเข้า ?”
“ถ้าใช่ละก็ ฉันจะไปทันทีเลย”
เผชิญหน้ากับใบหน้าโอดครวญนี้ ฉินเทียนเหมือน “ผู้ชายเฮงซวย” ไปต่อไม่เป็น เลยเดินหนีไปอย่างหงอย ๆ
ไม่ง่ายเลยกว่าจะมาถึงวันที่หก ฉินเทียนรับสายโทรศัพท์ เห็นเป็นเบอร์ที่โทรเข้ามาจากต่างประเทศ หัวใจเขาเต้นตุบตับเล็กน้อย รีบรับสาย
เสียงที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างในนั้น : “ดูอีเมล”
“โอเค !” ฉินเทียนวางสาย แทบจะใช้ความเร็วในการพุ่งเข้าเส้นชัย กลับไปที่ห้อง
แม้ว่าเขามีความมั่นใจต่อการออกแบบของลิฉุน ช่วงสองสามวันมานี้ ท่าทีผ่อนคลายเมื่อดูจากผิวเผิน แต่ว่า บอกว่าไม่ตื่นเต้น นั่นน่ะเป็นการหลอกคน
การออกแบบนี้ เกี่ยวเนื่องกับว่าจะได้ที่ดินหรูอี้ได้หรือไม่
และที่แห่งนี้ เกี่ยวโยงถึงว่าเขาสามารถมีอำนาจในการปักหลักที่เมืองจิ่นหูได้หรือเปล่า
สามารถปักหลักที่เมืองจิ่นหูได้หรือเปล่า ก็เป็นการตัดสินแพ้ชนะของหมากรุกเจ็ดเมืองทางใต้กระดานนี้เลยอีกด้วย
ความสำคัญของมันนั้น เมื่อคิดดูแล้วก็จะรู้ได้
เปิดอีเมล กดอีเมลที่ลิฉุนส่งมา
ทันใดนั้น ภาพวาดเปิดออกอย่างช้า ๆ อยู่เบื้องหน้า หลังจากฉินเทียนดูจบ อึ้งไปค่อนวัน จึงจะได้สติกลับมา
งดงาม !
งดงามเหลือเกินจริง ๆ !
เขาพุ่งไปที่หน้าประตูห้อง ตะโกนเสียงดังเรียกอานกั๋วให้มาด้วยความตื่นเต้น
หลิวหรูยู่เห็นถึงท่าทีนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะตามมาด้วยเช่นกัน
“อาคารหลังนี้สวยเหลือเกินไปแล้วไหม !”
“ชื่อว่าอะไร ? อยู่ที่ไหน ?”
“ฉันเองก็อยากลองไปดูแล้ว !” หลิวหรูยู่มีใบหน้าตื่นเต้นดีใจเหมือนกัน
อานกั๋วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พลางตบขา แล้วเอ่ย : “สำเร็จแล้ว !”
“ฮ่า ๆ ฮ่า ๆ คุณฉิน คุณนี่เจ๋งไปเลย ถึงกับสามารถหายอดฝีมือแบบนี้มาได้”
“หากไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย สำเร็จแน่เลย !”
ฉินเทียนปิดคอมพิวเตอร์ ยิ้มเอ่ย : “ดูท่าถึงเวลาฆ่าเมืองจิ่นหูกลับแล้ว”
อานกั๋วแย้มยิ้มบอก : “งั้นฉันก็อยู่ที่หนานเจียง รอข่าวดีจากนายแล้วกัน”
“หรูยู่ ไปเรียกจุยเฟิง เราควรกลับได้แล้ว”
หลิวหรูยู่สับสนงงงวย แต่ว่าเธอรู้ว่าฉินเทียนกับอานกั๋วต่างเป็นคนที่ทำเรื่องยิ่งใหญ่ เธอเลยไม่ได้ถามอย่างรู้จักวางใจ
แต่เม้มปากยิ้ม : “ฉินเทียน จำไว้ล่ะไว้มีโอกาสพาฉันไปชมอาคารงดงามนี้ด้วยนะ”
เจือด้วยไมตรีจิต ในดวงตางดงาม
หนังตาฉินเทียนกระตุกเล็กน้อย แล้วเอย : “อาคารหลังนี้ยังไม่ได้เริ่มสร้างเลย”
“ในเมื่อคุณชอบ งั้นรอตอนที่สร้างเสร็จแล้ว ผมจะเชิญดาราดังอย่างคุณไปตัดริบบิ้นแล้วกัน”
“ได้อาศัยชื่อเสียงของคุณด้วยพอดี”
อานกั๋วรู้ว่าจากนี้ฉินเทียนมีเรื่องสำคัญต้องทำ จุดประสงค์ที่เขามาในครั้งนี้ได้บรรลุแล้วเช่นกัน เลยพาจุยเฟิงกับหลิวหรูยู่จากหลงเจียง กลับไปเมืองหลวง
ฉินเทียนส่งข้อความไปสองฉบับทันที
ฉบับแรกคือให้เถียหลินเฟิง : เจ้าสมาคมเถีย ประกาศให้ทุกคนทราบ พรุ่งนี้เช้าออกเดินทาง กลับจิ่นหู
อีกฉบับหนึ่งคือให้ฉานเจี้ยน เนื้อหาเหมือนกับที่ส่งให้เถียหลินเฟิง
ทั้งสองคนแทบจะตอบในเวลาเดียวกันเลย : รับทราบ
วันรุ่งขึ้น ก็คือวันที่พิจารณาตัดสินในขั้นสุดท้ายสำหรับโครงการออกแบบที่ดินหรูอี้ของเมืองจิ่นหู
เนื่องจากระยะทางยาวไกล ฟ้ายังไม่สว่าง ฉินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ออกเดินทางแล้ว
ครั้งนี้กำลังใหญ่ยิ่งกว่าครั้งก่อนอยู่หน่อย
นอกจากเขาขับรถแล้วพาหลิวชั่นไปด้วยตัวเองคันหนึ่งแล้ว องค์กรคำสาปสวรรค์ขับรถไปสองคัน เถียหลินเฟิง หลี่เฉิงหนานและอู๋เทียนสง แต่ละคนต่างให้คนขับขับรถให้โดยเฉพาะ
รถห้าคันประกอบกันเป็นขบวนรถยนต์ ขับออกจากหลงเจียง ทะยานมุ่งไปสู่เมืองจิ่นหูที่ห่างไกล ท่ามกลางม่านราตรี