บัญชามังกรเดือด - บทที่ 560 เกาะตงไห่
บัญชามังกรเดือด บทที่ 560 เกาะตงไห่
ฉินเทียนโมโหอย่างสุดขีด
เมื่อเห็นปรมาจารย์และลิเหลียงจากไปอย่างง่ายดายต่อหน้าต่อตา เขาแทบจะอดไม่ได้ที่จะลงมือ
แต่เมื่อเห็นประจุสีดำในมือของพวกเขาแล้ว ในที่สุดเขาก็ทำได้แค่อดทนไว้เท่านั้น
คนพวกนี้มาเร็ว และก็ไปเร็ว
เสียงดังโครมๆ จากใกล้ ค่อยๆ ไปไกล จนไม่ได้ยินเสียงในที่สุด และบนท้องฟ้าสีครามก็มองไม่เห็นแม้แต่เหงาของเฮลิคอบเตอร์แล้ว
ฉินเทียนโดดขึ้นไปบนหินก้อนหนึ่ง ในเวลานี้อยู่ๆ เขาก็เกิดความรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
เขาทุ่มเทแรงใจมากขนาดนี้ ถึงได้รับชัยชนะในที่สุด คิดไม่ถึงว่า ผลแห่งชัยชนะ จะหมดไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเป็นความเพ้อฝันและภาพลวงตาเท่านั้น
มันทำให้คนอยากที่จะรับเรื่องแบบนี้ได้จริงๆ!
ในขณะนี้เหล่าผู้บำเพ็ญตนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอย่างจี้ซิง จ้าวจิ่วรี่ เทพเจ้าเจ็ดดาวและองค์กรคำสาปสวรรค์ ก็ขึ้นมาเช่นเดียวกัน
ภายใต้การตระตุ้นของแก๊สน้ำตา ตาของพวกเขาแต่ละคนบวมราวกับลูกท้อ ดูแล้วช่างน่าขบขันยิ่งนัก
“บัดซบเอ้ย นี่มันชาติหมาขุมไหน ถึงชั่วร้ายถึงเพียงนี้!
“พี่เทียน ทำไมพี่ไม่หยุดเขาไว้เหล่ะ?”
เมื่อครู่ ในขณะที่งวยงงอยู่นั้น จี้ซิงเหมือนเห็นฉินเทียนหยุดคนคนหนึ่งไว้ และกำลังพูดคุยกัน
แต่เขาได้ยินไม่ชัดว่าพูดอะไรกัน และมองไม่เห็นหน้าตาของอีกฝ่ายว่าเป็นอย่างไร
ฉฺนเทียนมองไปบนเมฆสีขาวที่ทอดยาวบนท้องฟ้า และพลางนึกถึงคำพูดที่ปรมาจารย์พิษกับลิเหลียงพูดก่อนจากไป แล้วพูดอย่างขมขื่นว่า:” เสี่ยวซิงซิง นายรู้สึกไหมว่าเราเหมือนลูกไก่ในกำมือที่กำลังถูกเล่นอยู่”
“อยากปกป้องของบางสิ่ง เฮ้ย ภาระกิจช่างหนักหน่วงและยาวไกลนัก!”
จี้ซิงตกใจเป็นอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นฉินเทียนถอดถอนใจถึงเพียงนี้ หรือจะพูดให้ถูกก็คือหดหู่ใจ
ตกลงเป็นพลังอะไรกันแน่ ที่ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่แบบนี้รู้สึกหดหู่ใจได้?
เขาเป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ที่ปราบปรามปีศาจอย่างลิเหลียงได้เชียวนะ!
พอนึกถึงบางอย่างขึ้นได้ เขารีบมองไปยังหุบเขาทันที
ในเวลานี้หมอกหนาทึบได้ถูกลมภูเขาพัดกระจายไปแล้ว ผู้คนที่อยู่ด้านล่าง ต่างปีนขึ้นมาบนขอบภูเขาสูงอย่าทุลักทุเล
เขาอ้าปากค้าง เมื่อจุดเดิมที่ลิเหลียงเคยอยู่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลืออยู่
เมื่อดึงสติกลับมาได้ ลุกขึ้นด้วยความตกใจ และร้องตะโกนเสียงดังว่า:”ลิเหลียงเหล่ะ?”
“ลิเหลียงหนีไปแล้ว!”
“คนพวกนั้น มาช่วยลิเหลียงนี่เอง!”
เมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของเขา คนรอบข้างก็พึ่งจะตอบสนองมาได้ โดยแต่ละคนหน้าขาวซีดกันไปหมด
ชัยชนะที่ได้มาอย่างยากลำบาก กลับถูกขโขมยไปแบบนี้ได้!
“ฉินเทียนทำไมคุณไม่หยุดไว้เล่า?”
“สู้ด้วยสุดชีวิต ก็ต้องหยุดไว้สิ!”จี้ซิงถามฉินเทียนด้วยกดวงตาแดงก่ำ ภายใต้ความร้อนร้น
ฉินเทียนเองก็โมโหอย่างสุดขีด และอดไม่ได้ที่จะโทสะคำหยาบออกมา
“ไอ้บัดซบพวกนั้นแบกปืนยิงเร็วอยู่ ถ้าฉันขัดขวาง พวกนั้นก็จะยิงกราดทันที!”
“นายจะให้อัวขวางอย่างไร!”
จี้ซิงรู้ว่าตัวเองโกรธเกินเหตุไป จึงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน และพูดขึ้นด้วยความเขินอายว่า:”ขอโทษครับ”
“เพื่อความปลอดภัยของทุกคน พี่เทียนถึงไม่ได้ลงมือ”
“ฉันผิดไปแล้ว”
พูดพลาง ยื่นมือตบขึ้นหน้าของตัวเองหนึ่งฝ่ามือ บางทีเขาอาจกำลังโกรธตัวเองอยู่
แค้นใจที่ตัวเองไร้ประโยชน์
เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทุกคนต่างซึมเศร้ากันไปหมด อารมณ์ชื่นมื่นก่อนหน้านี้หายไปในพริบตา
แต่ละคนก้มหัวลงอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
ฉินเทียนมองเห็นว่า ทุกคนเหมือนกับร้องไห้มาอย่างหนัก จนตาบวมเหมือนกับลุกท้ออย่างไรอย่างนั้น
พวกเขาล้อมรอบอยู่ข้างกายของตัวเอง คนที่ไม่รู้คงคิดว่าตัวเองเป็นหน้าโลงศพ
ทั้งน่าโมโหและน่าตลกยิ่งนัก
เมื่อได้ยินเสียงคร่ำควญอย่างเจ็บปวดท่ามกลางผู้คน พบว่ามีคนได้รับบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย และมันเกิดจากการเหยียบกันจากความโกลาหลเมื่อครู่
เขารู้สึกท้อแท้ไปครู่หนึ่ง และยิ้มอย่างขมขื่น แล้วพูดว่า:”ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเรากลับกันก่อนเถอะ”
“เอาผู้บาดเจ็บไปก่อน”
“สำหรับเรื่องอื่น คงต้องดูแผนระยะยาวเท่านั้น”
ฟังเขาพูดแบบนี้ ก็ไม่มีคนคัดค้าน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็ไม่สนใจ เรื่องการเลือกตั้งผู้นำพัธมิตรอีก
ทุกคนเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก ด้วยอารมณ์หมดอาลัยตายอยาก
ในเวลานี้เอง ทันใดนั้นที่ปากทางหุบเขา ปัง ปัง ปัง!
มีเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันสามนัด!
เสียงดังตูมตาม ทำให้สั่นสะเทือนครวญครางไปทั่วทั้งหุบเขา
ทุกคนตกใจกันอย่างมาก และคิดว่าจะมีภูตปีศาจอะไรอีก ส่วนคนที่ขี้ขลาดบางส่วนที่อยู่ในนั้น ตกใจจนนั่งลงกับพื้นไป
ฉินเทียนเองก็แอบตกใจเช่นเดียวกัน จนต้องรีบมองไปยังปากหุบเขา
ไม่รู้ว่ามีรถสามคันมาจอดที่ปากหุบเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
คันกลาง เป็นรถโรลส์รอยซ์สีทอง ส่วนสองคันที่อยู่ด้านข้าง ล้วนเป็นรถเบนซ์ยาวทั้งคู่
ข้างรถเบนซ์ มีบุรุษร่างใหญ่ชุดดำแปดคน แต่ละคนสีหน้าเย็นชา และเคร่งขรึมดุร้าย
โดยพวกเขาร่วมกันคุ้มกันชายที่อยู่ตรงกลาง
ดูแล้วอายุราว 40 กว่าปีได้ แต่ได้รับการดูแลอย่างดี
ที่สำคัญที่สุดคือ ชุดที่สีทองทั้งตัวของเขา
สามารถรถรู้ได้จากแสงสะท้อนจากพระอาทิตย์ว่า นั้นไม่ใช่เพียงชุดสีทองธรรมดา แต่เป็นของจริงที่ทอด้วยด้ายทองคำ!
ตรงข้างกายของเขา ยังมีชายร่างยักษ์สูง 2 เมตรยืนตระหง่านอยู่คนหนึ่ง
สายตาราวกับเสือ ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า และซิกแพคสีบรอนซ์ที่เหมือนกับหินแกรนิตอย่างไรอย่างนั้น
ในอ้อมแขนของเขากอดไม้เท้าทองด้านหนึ่ง ยาวประมาณสามฟูต และใหญ่ราวกับช่างแขน
ชุดทองไม้เท้าทอง โรลส์-รอยซ์สีทอง ออกไปก็ยังมีคนโค้งคำนับเปิดทางให้
เป็นใครกันแน่ ถึงสามารถจัดมาอย่างหรูหราใหญ่ได้ขนาดนี้!
ทุกคนในที่นี้ถูกสะกดกันไปหมดในชั่วขณะ
แม้แต่ฉินเทียนยังรู้สึกว่า เมื่อเทียบกับความหรูหราของชายผู้นี้แล้ว รวมถึงเขาด้วย ผู้คนที่อยู่ที่นี่ ล้วนเป็นเหมือนตาสีตาสาที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกมาก่อน
“เกาะตงไห่มาทำธุระที่นี่ คนที่ไม่เกี่ยวข้อง รีบหลบไปเสีย!”
เสียงราวกับฟ้าร้องของแปดยอดฝีมือผู้พิทักษ์
พวกเขาเปิดทางข้างหน้าออก และคุ้มครองชายชุดทอง เดินตรงมายังหุบเขา
เกาะตงไห่อย่างนั้นหรอ?
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ฉินเทียนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
จี้ซิงยิ้มเบาๆ อย่างเย็นชา และพูดว่า:”ฉันว่าแล้ว คนแบบไหนถึงต้องทำหรูหราขนาดนี้ ที่แท้แขกจากทางตะวันออกนี่เอง”
“พี่เทียน พวกเขามาหาพี่ใช่ไหม?”
ฉินเทียนใส่หัวไปมา
เขาไม่รู้จักชายผู้นี้ด้วยซ้ำ และในความทรงจำ ไม่เคยมีความเกี่ยวข้องกับฝ่ายตรงข้ามมาก่อน
แต่ไม่ว่าอย่างไร สำหรับชื่อเกาะตงไห่นี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าไม่คุ้นเคยเลย
หากรูปแบของประเทศ แบ่งตามทิศตะวันออก ตะวันตก เหนือ ใต้ กลางแล้วเล่ะก็ เช่นนั้นเกาะตงไห่ก็คืออิทธิพลขนาดใหญ่ที่ควบคุมเขตปกครองและเมืองของภาคตะวันออก
ตระกูลหวัง
เกาะตงไห่ เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 100 กิโลเมตร และเป็นที่พักอาศัยของสมาชิกสำคัญของตระกูลหวัง
การตั้งชื่อเกาะเล็กๆ นั่นด้วยนามสกุล เป็นการมองการณ์ไกลจากสิ่งเล็กน้อย เป็นการมักใหญ่ฝ่ายสูงที่จะครองโลกด้วยรูปลักษณ์แห่งกษัตริย์
พวกเขาเป็นเหมือนกับตระกูลจี้ ที่มีวิชาบู๊สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับความพึงพอใจในวิชาบู๊ของตระกูลจี้แล้ว ในธุรกิจการบู๊ก็ไม่ได้มีผลงานโดดเด่นมากมาย ซึ่งตระกลูหวางไม่เพียงแต่วิชาบู๊เจริญรุ่งเรือนแล้ว ยังเป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจการบู๊อีกด้วย
รากฐานธุรกิจของพวกเขา อยู่ในเมืองจูบริเวณชายฝั่งเกาะตงไห่ ซึ่งมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับตระกูลเซี่ยทางตอนเหนือ ตระกูลฉินทางตะวันตกเฉียงเหนือ และตระกูลจักรพรรดิในจงหยาวน โดยมีสมญานามว่าสี่ตระกูลใหญ่แห่งอาณาจักรมังกร
นี่ไม่ใช่สิ่งที่ห้าตระกูลใหญ่แห่งจินหูสามารถมาเปรียบเทียบได้
หากตระกูลเชกเช่นตระกูลหลูของเมืองจิ่นหู สามารถเรียกได้ว่าอยู่ในอันดับต้นๆได้ ถ้าอย่างนั้น ตระกูลหวาง ตระกูลเซี่ย ตระกูลฉิน และตระกูลจักรพรรดิ ก็ถือว่าเป็นสุดยอดอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
พลังอำนาจของตระกูลพวกนี้ ถ้ากล่าวจากมุมมองอื่น ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าประเทศเล็กๆ อีกต่อไป
เป็นเพราะฉินเทียนเกิดในตระกูลฉิน จึงทำให้เรารู้ภูมิหลังของวงศ์ตระกูลเหล่านี้มากกว่า
พวกเขามาทำอะไรที่นี่อย่างกระทันหันแบบนี้?
และจากท่าทางของชายชุดทองที่เห็นนี้ ตำแหน่งที่เกาะตงไห่ต้องไม่ธรรมดาแน่
เขาใช้สายตามองไปยังจี้ซิงและองค์กรคำสาปสวรรค์สื่อให้รู้ว่า ให้พวกเขาเตรียมรับมือกับการทำศึกให้พร้อม
สามารถทำให้ฉินเทียนรู้สึกตึงเครียดกับการเผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งเช่นนี้ ที่ผ่านมาแม้แต่ลิเหลียงก็ทำแบบนี้ไม่ได้
คนของจี้ซิงและองค์กรคำสาปสวรรค์ รับรู้ถึงความหมายของฉินเทียนทันที ซึ่งท่าทางเคร่งขรึม รูปหน้าราวใบพัดอีกหลายสิบคน พุ่งเข้ารับมือทันที