บัญชามังกรเดือด - บทที่ 562 จะฆ่าจะแกงก็เชิญ
บัญชามังกรเดือด บทที่ 562 จะฆ่าจะแกงก็เชิญ
การกระทำและท่าทางที่หยิ่งผยองของหวังเหมี่ยน ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่น รู้สึกอึดอัดใจเป็นย่างมาก
โดยเฉพาะองกรค์คำสาปสวรรค์ หน้าบึ้งตึงฉุนเฉียวเป็นอย่างมาก ในหัวใจของพวกเขาฉินเทียนเป้นเหมือนั่งเทพเจ้า แลัวจะปล่อยให้คนนอกคนหนึ่งมาเล่นเป็นเด็กแบบนี้ได้อย่างไร
พวกเขารู้สึกว่า เทพเจ้าแห่งแสงสว่างในใจของพวกเข้ากำลังถูกสบประมาทอยู่
“พี่เทียน พี่พูดอะไรหน่อยเถอะ!”
“อาณาเขตของเจ็ดเมืองทางใต้ ยอมให้คนนอกมาอวดดีแบบนี้ไม่ได้!” ถงชวนกำหมัดทั้งสองว้แน่น กำลังก่อตัวกันไปทั่วทั้งร่าง เมือนกับลูกกระสุนปืนใหญ่ที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ
สมาชิกคนอื่นของคำสาปสวรรค์ทั้งหมด ได้เตรียมพร้อมที่จะออกรบด้วยเลือดเนื้อแล้ว
มีความขัดแย้งปรากฏอยู่ในสายตาของฉินเทียน
ไม่ใช่ว่าฉินเทียนเกรงกลัวหวังเหมี่ยนและคนที่มาจากเกาะตงไห่ ประเด็นคือ ต้องเห็นส่วนรวมเป็นใหญ่ และนี่ไม่ใช่เวลาใช้อารมณ์ชั่ววูบในการจัดการเรื่องงาน
โดยเขาเปิดปากพูดอีกครั้ง:”เจ้าบ้านเจี่ยง คุณมั่นใจนะว่า ไม่ต้องการความช่วยเหลือ?”
เจี่ยงเส้าดูเหมือนจะหวั่นไหว แต่เมื่อเขาลังเลได้พักหนึ่ง สุดท้ายก็เตรียมที่จะปฏิเสธอยู่ดี
ในเวลานี้เอง ภายใต้การกระตุ้นอย่างใหญ่หลวงท่ามกลางผู้คน เจี่ยงเถียนเถียนที่สติเหม่อลอยไปแล้ว ในที่สุดก็ได้สติขึ้นมา
“พ่อคะ พ่อจะไปไหน?”
“พ่ออย่าไปนะ อย่าทิ้งเถียนเถียนไว้!”
“พวกคุณเป็นใครกัน? รีบปล่อยพ่อของฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
พูดพลางพุ่งเข้ามาเหมือนนกตื่นตระหนกตกใจ
“เถียนเถียน อย่าเข้ามานะ!” เมื่อเห็นลูกสาว เจี่ยงเส้าจึงปล่อยวางเรื่องทุกอย่างที่อยู่ในใจได้แล้ว และเขารีบวิ่งเข้าโอบกอดลูกสาวไว้พร้อมกับเสียงอุทาน
เมื่อรุ็สึกถึงร่างกายบอบบางที่สั่นเทาของลูกสาว น้ำตาของเขาก็รินไหลออกมาเป็นเส้น
“เถียนเถียน พ่อไม่ไปแล้ว!”
“พ่อไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น!”
“พ่อจะปกป้องลูกตลอดไป!”
นี่เป็นแก้วตาดวงใจของเขา และเป็นสิ่งที่มีความหมายในชีวิตของเขา แต่กลับต้องประสบกับความอับอายอดสูเช่นนี้
เรื่องทั้งหมดนี้ มันเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง ถ้าเขาไม่กระหายในอำนาจมากขนาดนั้น และไม่ไปยุ่งกับผู้นำพันธมิตรอะไรนั่น เช่นนั้นลูกสาวก็คงไม่ตกเป็นเหยื่อสังเวยใช่หรือไม่?
เมื่อก่อน เขารู้สึกว่าการที่ลิเหลียงไม่รังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของลูกสาว และยินยอมที่จะแต่งงานกับเธอ ก็ถือว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่
อย่างน้อยก็สามารถปลอบประโลมหัวใจของเข้าได้บ้าง
คิดไม่ถึงว่าลิเหลียงจะเป็นตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง ตอนนี้กลับไม่ได้อะไรสักอย่าง จะให้เขารับอย่างไรไหว?
หลังจากเรียนรู้จากความเจ็บปวด เขาแหงนหน้าขึ้น และพูดเสียงดังว่า:”คุณจะสะสางเรื่องของเย่อิงใช่หรือไม่?”
“ก็ใช่ เย่อิงเสียชีวิตที่นี่ แต่ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่า!”
“คนที่ที่ฆ่าเขาคือปีศาจลิเหลียง!”
“ถ้าจะสะสาง ก็ไปหาลิเหลียงโน่น!”
อะไรนะ เย่อิงเหรอ?
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ต่างพึ่งได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก ดูท่าแล้ว ความสัมพันธ์ของเกาะตงไห่และเย่อิงต้องไม่ธรรมดาแน่
หวังเหมี่ยนคนนี้ คือมาล้างแค้นให้เย่อิงอย่างนั้นหรือ?
หวังเหมี่ยนหัวเราะด้วยความเย็นชาและพูดว่า:”ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มาเปิดใจพูดกันดีกว่า”
“ทุกท่าน เจ้าบ้านเจี่ยงที่ทุกท่านเห็นอยู่ตอนนี้ เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำแห่งเจ็ดเมืองทางใต้แล้ว เขาได้มาขอยอดฝีมือจากผมคนหนึ่ง”
“เเย่อิง เป็นบุคคลอัจฉริยะที่เกาะตงไห่ของเราทุ่มเทเงินทองมากมายในการฝึกฝน”
“กระผมเองเห็นแก่การขอร้องวิงวอนอย่างเจ็บปวดของเจี่ยงเส้า จึงเอาเย่อิงให้เขายืม”
“นึกไม่ถึงว่า เขากลับทำให้เย่อิงต้องมาเสียชีวิตที่นี่”
“ผมคิดว่าทุกคนคงเข้าใจดีว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะฝึกฝนคนคนหนึ่งได้ แต่เจี่ยงเส้าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว ทำให้ยอดฝีมือของเราต้องมาเสียชีวิต”
“ผมมาหาเพื่อแก้ไขปัญหาที่จะตามมา ไม่มากเกินใช่หรือไม่?!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ทุกคนก็แอบกระซิบกระซาบกันต่างๆ นานา
คิดไม่ถึงว่า เพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำแล้ว เจี่ยงเส้าถึงขนาดต้องดึงศัตรูภายนอกเข้ามาด้วย!
ในสายตาของทุกคน เจี่ยงเส้ากลับกลายเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ขึ้นมาทันทัน ซึ่งภายในจะแย่งชิงกันอย่างไรก็ได้ แต่การดึงศัตรูข้างนอกเข้ามา นั่นเป็นข้อห้ามเด็ดขาด!
นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไม เมื่อครู่เจี่ยงเส้าลังเลไม่ยอมพูดเรื่องนี้ออกมา
เขากลัวต้องแบกรับชื่อเสียงความอัปยศเพราะสมรู้ร่วมคิดกับศัตรูภายนอก และทรยศต่อเจ็ดเมืองทางใต้
ตอนนี้ เพื่อลูกสาวแล้ว เขายอมทุ่มเททุกอย่าง
เจี่ยงเส้าโงหัวไม่ขึ้นจริงๆ แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาทำได้เพียงทนแบกรับไว้แล้ว
เขามองไปยังหวังเหมี่ยน และกัดฟันพูดว่า:”พวกคุณอยากได้อะไร ก็พูดมาเถอะ”
หวังเหมี่ยนยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า:”มีคำกล่าวไว้ว่าชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต เป็นหนี้ก็ชดใช้ด้วยเงิน”
“มีอยู่สองทางเลือก ถ้าชีวิตต้องชดให้ด้วยชีวิต ฉันก็จะให้คนตัดหัวของนายเสีย”
“แต่เห็นแก่ที่คุณอายุก็มากแล้ว แถมยังมีลูกสาวน่ารักขนาดนี้อีก ฉันเองทำให้ไม่ได้ที่จะทำแบบนั้น”
“วิธีที่สองคือ เปิดกว้างธระกิจทั้งหมดของตระกูลเจี่ยงให้พวกเรา และผมไม่เพียงแต่ต้องถือหุ้นเท่านั้น ยังต้องการควบคุมหุ้นด้วย”
“คุณวางใจได้ ราคาที่ฉันเสนอให้ จะทำให้คุณพึงพอใจอย่างแน่นอน”
“เจ้าบ้านเจี่ยง คุณก็อายุขนาดนี้แล้ว หลังจากที่ได้เงินไป ก็สามารถใช้บั้นปลายชีวิตได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวล”
“ดังนั้น ฉันแนะนำคุณ เลือกวิธีที่สองเถอะ”
“พวกคุณต้องการได้บริษัทของผมอย่างนั้นหรือ?”เจี่ยงเส้าเปิดตากว้างด้วยความตกใจ ในวินาทีต่อมา กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ตอนนี้ เขาพึ่งจะเห็นเจตนาที่แท้จริงของหวังเหมี่ยนโดยสิ้นเชิง หน้าและปากแบบนี้ มันโหดยิ่งกว่าโจรเสียอีก!
“คุณจะเข้าใจแบบนี้ก็ได้ ฉันไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว”หวังเหมี่ยนยิ้มพร้อมกับพยักหน้า จนถึงตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังจิตใจอำมหิตอีกต่อไป
ทุกคนอยู่ในความโกลาหล!
สถานะของตระกูลเจี่ยงจัดว่าเป็นวงศ์ตระกูลอันดับสองของเจ็ดเมืองทางใต้ ซึ่งมีศักยภาพหลายแสนล้าน โรงงานตัดเย็บภายใต้ชื่อของเขา ได้ออกสู่ตลาดมานานแล้ว
ไม่เพียงแต่ให้บริการผลิตสินค้าให้กับหลายแบรนด์ทั่วโลกแล้ว ในขณะเดียวกันยังมีแบรนด์ขายดีที่สุดของตัวเองอีกหลายแบรนด์
นอกจากความยักษ์ใหญ่แล้ว แน่นอนว่ายังเป็นผู้ขับเคลื่อนของผู้ประกอบการในเจ็ดเมืองทางใต้อีกจำนวนมาก
แค่ซัพพลายเออร์ที่จัดสรรสินค้าให้ตระกูลเจี่ยงอย่างเดียว ในนั้นก้มีหลายรายที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน
อาจกล่าวได้ว่า ถือว่าเป็นองค์กรวิสาหกิจที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในเจ็ดเมืองทางใต้ทั้งหมด
ตอนนี้ หวังเหมี่ยนเปิดปากง่ายๆ ว่าต้องการควบคุมหุ้นส่วนบริษัทของตระกูลเจี่ยง นั่นเท่ากับว่าพวกเขากำลังเอาหอกจิ้มแทงเข้าไปในหัวใจของเจ็ดเมืองทางใต้
ในอนาคตถ้าพวกเขาอยากทำอะไรที่ไม่ดีในเจ็ดเมืองทางใต้ เพียงแค่ใช้บริษัทของตระกูลเจี่ยงเพื่อดําเนินการเชิงพาณิชย์บางอย่าง ก็สามารถทําได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้น ความสัมพันธ์ในนี้มันสำคัญมาก
“ฉันสามารถเอาเงินให้คุณได้!”
“ขอเพียงแค่คุณบอกตัวเลขมา ฉันรับได้อยู่แล้ว!”
“แย่งบริษัทผมไปแบบหน้าซื่อๆ พวกคุณทำเกินไปหรือเปล่า!”
นี่เป็นเลือดเนื้อของตระกูลเจี่ยงมาหลายชั่วอายุคน ถ้าต้องมาถูกทำลายในมือของเขา งั้นหลังจากที่เขาตายไป ก็ไม่มีหน้าที่จะไปพบบรรพบุรุษอีก
“คุณอยากต่อต้านอย่างนั้นเหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้นฉันยอมรับโดยปริยายว่า คุณเลือกทางเลือกที่หนึ่ง ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต”หวังเหมี่ยนเผยรอยยิ้มอันน่ากลัวออกมา
ทันที่ที่คำพูดจบลง ยอดฝีมือที่อยู่ข้างกาย พุ่งเข้ามาราวกับเสือและหมาป่า และล้อมเจี่ยงเส้าไว้อีกครั้ง
ขอแค่ให้หวังเหมี่ยนออกคำสั่งคำเดียว พวกเขาก็พร้อมที่จะฆ่าเจี่ยงเส้าทันที
ท่าทางที่กำเริบสืบสาน ไม่ได้เห็นผู้ยิ่งใหญ่หลายร้อยคนที่อยู่ที่นี่ไว้ในสายตาแม้แต่น้อย
ทุกคนทั้งตกใจทั้งกลัว
แม้จะมีบางคนที่เห็นใจเจี่ยงเส้า แต่ก็ไม่กล้าออกมา และจะให้พูดตรงๆ นี่คือเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเขา
อีกอย่างหนึ่ง ตอนนี้เมืองหรานชีเป็นเหมือนจานทรายที่กระจัดกระจายจานหนึ่ง ไม่มีใครยอดเป็นนกที่โผล่หัวออกมาหรอก
มหาอำนาจทั้งห้าประเทศ โดยตระกูลฉินทางตะวันตกเฉียงเหนือ ตระกูลเซี่ยทางเหนือ ตระกูลตี้ทางที่ราบกลาง และตระกูลหวางทางทะเลตะวันตก ต่างล้วนวงศ์ตระกูลผู้ระดับซุปเปอร์คลาส
มีเพียงทางตอนใต้เท่านั้น ที่มีทั้งหมดเจ็ดเมืองไม่ขาดไม่เกิน แต่กลับไม่มีใครที่แข็งแกร่งพอ ที่จะตีเสมอได้
ในความเป็นจริง ก็คือขาดอันดับของห้ากองกําลังหลัก
นั่นเป็นเพราะว่า เจ็ดเมืองทางใต้ไม่มีความสามัคคีพอ โดยปกติทุกคนมักจะทำแต่เรื่องของตัวเอง และขาดความสามัคคี
พอเกิดเรื่องขึ้นมา พลังกำลังก็ใช้ไม่ได้ในทิทางเดียวกัน
ในสถานการณ์เช่นนี้ จะไปสู้กับใครเขาได้อย่างไร?
แล้วจะหลีดเลี่ยงการไม่ถูกรังแกจากคนอื่นได้อย่างไร
เจี่ยงเส้าที่อยู่ตรงหน้า เหมือนกับจะกลายเป็นเนื้อปลาบนเขียงของเกาะตงไห่ที่จะฆ่าแกงยังไงก็ได้