บัญชามังกรเดือด - บทที่ 631 ระดับไม่เพียงพอ
บัญชามังกรเดือด บทที่ 631 ระดับไม่เพียงพอ
“ครับ!”
ความตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซาโต้ เขาคิดไม่ถึงว่า สำหรับการตัดสินใจด้วยตนเอง หัวหน้าจะพึงพอใจเป็นพิเศษอย่างคาดไม่ถึง ชื่นชมต่อหน้า
“ในฐานะที่ฉินเทียนเป็นทูตพิเศษของมังกรซ่อนรูป ดูหมิ่นหัวหน้าของกระผม เป็นฝ่ายยั่วยุก่อน”
“กระผมคิดว่าที่ซูซูกิคุงอยากจะกำจัดเขา ก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของเทพลักซ่อน!”
“ถึงแม้ว่าเขาได้ฝ่าฝืนข้อกำหนด แต่ว่าได้โปรดจัดการลงโทษเขาสถานเบา!”เขาขอความเมตตาให้แก่ซูซูกิคุงอย่างบังอาจ
โมริโอ ชิชิมะพยักหน้า: “แกไปได้แล้ว”
ซาโต้โค้งคำนับอย่างนอบน้อม หันหลังกลับแล้วเดินออกไปด้วยความตื่นเต้น ยืดอกตั้งตรง ศีรษะเชิดสูงโดยไม่รู้ตัว
ได้รับคำชมเชยของหัวหน้าต่อหน้า เขารู้สึกว่า การเลื่อนตำแหน่งของตนเองมีหวังแล้ว!
ตอนนี้ เขาเต็มไปด้วยความฮึกเหิมในการทำงาน แอบปฏิญาณอย่างลับๆ จะต้องตามหาราชาเทพท่านนั้นให้เจอเป็นอันดับแรก ค่อยสร้างความดีความชอบอันยิ่งใหญ่
“อินาดะคุง ซูซูกิคุงถือกำเนิดในต้วนเตาหลิว ครั้งนี้ถึงแม้ว่าเขาจะทำเลยเถิดไปบ้าง ทำให้เกียรติของซามูไรต้องแปดเปื้อน”
“แต่ว่า ยังพอที่จะให้อภัยได้ ล้วนแต่เป็นการยั่วยุของทูตพิเศษของมังกรซ่อนรูปคนนั้น”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้เสียแขนไปข้างหนึ่งแล้ว”
“ดังนั้น ขอให้คุณเห็นแก่หน้าของผม จัดการลงโทษเขาสถานเบา”
อินาดะพ่นลมหายใจอย่างรุนแรง: “ต้วนเตาหลิวเลื่อมใสศรัทธาในศักดิ์ศรีวิชาบู๊ ผมเป็นซามูไร คำไหนคำนั้น!”
“ในเมื่อแกรับปากว่าจะท้าประลองกับฉินเทียนด้วยความยุติธรรม ก็ไม่ควรยิงปืนจากด้านหลัง”
“เพื่อเห็นแก่หน้าของหัวหน้า ฉันจะลงโทษสถานเบา นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป นำแกขับไล่ออกจากต้วนเตาหลิว”
“ต่อไป ต้วนเตาหลิว ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับแก ไม่อนุญาตให้แกพูดกับภายนอก ว่าถือกำเนิดมาจากต้วนเตาหลิว!”
“ครับ!”ซูซูกิได้ละเว้นชีวิตหนึ่งครั้ง เหงื่อเย็นไหลย้อย หมอบอยู่บนพื้น แล้วคำนับขอบคุณ
“ซูซูกิคุง แขนแกขาดไปข้างหนึ่งแล้ว ก็ไม่ต้องเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งต่อไปแล้ว”
“ในเมื่อเรื่องของฉินเทียน เกิดขึ้นเพราะแก เช่นนั้นแกก็รับหน้าที่เฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของฉินเทียน”
“เรื่องนี้ หลังจากที่ฉันจัดการวิหารเทพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ค่อยว่ากัน!”
“ครับ!” ซูซูกิรับคำสั่งอย่างรีบร้อน
ในขณะเดียวกัน ภายในใจมีความสุขมาก ถึงแม้ว่าหัวหน้าไม่ได้สนับสนุนเขาอย่างเปิดเผย แต่ว่า มอบหมายให้เฝ้าติดตามดูความเคลื่อนไหวของฉินเทียน ก็คือเป็นการให้โอกาสเขาในการล้างแค้นนี่!
ตอนนี้ ฉินเทียนเป็นนักโทษในคุกใต้ดิน และเขาเป็นผู้คุมนักโทษ
ผู้คุมนักโทษคนหนึ่งคิดจะจัดการนักโทษ นั่นไม่ใช่ว่าแค่กระดิกนิ้ว ก็ได้ในสิ่งที่ปรารถนาแล้วงั้นหรือ?
หลังจากซูซูกิเดินไป โมริโอ ชิชิมะให้ผู้ติดตามที่ไว้ใจข้างกายถ่ายทอดคำสั่งออกไป ให้ผู้รับผิดชอบขององค์กรนินจาใหญ่ทั้งสาม รวมทั้ง ผู้นำด้านจิตวิญญาณของนินจาทั้งหมด ทะยู(หมายถึงหญิงขายบริการซึ่งมีตำแหน่งสูงสุดในบรรดาผู้หญิงที่ทำอาชีพเดียวกันในสมัยเอโดะ) มาที่นี่เพื่อปรึกษาหารือเรื่องงาน
เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นที่โทยามะ องค์กรนินจา แน่นอนว่าต้องได้รับข่าวตั้งแต่แรกแล้ว
เพียงแต่ว่า ด้านหนึ่ง หัวหน้าเทพลักซ่อนไม่ได้เรียกพวกเขาเข้าพบ อีกด้านหนึ่ง ครึ่งเดือนหลังจากนี้ ก็คือการประชุมแลกเปลี่ยนใหญ่ขององค์กรนินจาแล้ว
สำหรับการประชุมแลกเปลี่ยนใหญ่นี้ นินจาทั้งหมดล้วนมองเห็นว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น พวกเขาไม่ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องที่เจ้าวิหารเทพฉลองวันเกิดให้กับลูกน้องอะไรนั่น
แต่ว่า ในเมื่อตอนนี้โมริโอ ชิชิมะเรียกเข้าพบ พวกเขาไม่กล้าไม่มา
ทะยูพาหัวโจกสามคนเดินเข้ามา
หัวโจกทั้งสามคนนี้ ก็คือเป็นตัวแทนของสามองค์กรนินจาที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นในตอนนี้
ชื่อเรียกของพวกเขา ก็คือชื่อขององค์กร แบ่งเป็นอี้เหอ หลิ่วเซิง ซารุโทบิ
เมื่อได้ยินคำพูดของโมริโอ ชิชิมะแล้ว องค์กรนินจา ก็รู้สึกว่าเรื่องราวมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
พวกเขารับปากโมริโอ ชิชิมะ จะโยกย้ายสับเปลี่ยนคนจำนวนหนึ่ง เพื่อไปตามหาร่องรอยของเจ้าวิหารเทพโดยเฉพาะ
องค์กรใหญ่ทั้งสามของญี่ปุ่น องค์กรนินจา ต้วนเตาหลิว รวมทั้งเทพลักซ่อนที่มีตำแหน่งทางราชการ ทั้งหมดได้เริ่มต้นดำเนินงานขึ้นแล้ว
เมืองโทยามะเล็กๆ ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนกับว่าสงบเงียบ แต่ว่าอันที่จริงแล้วเป็นคลื่นใต้น้ำที่โหมซัดสาด
ศูนย์กลางของคลื่นใต้น้ำลูกนี้ ก็คืออยู่บริเวณรอบๆราชาเทพในตำนานท่านนั้น
ที่น่าแปลกใจคือ เห็นได้ชัดว่าเป็นเทียบเชิญที่แจกโดยราชาเทพ เชิญทุกคนมาปาร์ตี้ที่นี่ ตอนนี้ทุกคนทยอยมากันอย่างต่อเนื่อง แต่ราชาเทพกลับหายสาบสูญไปแล้ว
ไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย
ใครจะนึกได้ว่า ราชาเทพที่มีชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่โด่งดัง ในเวลานี้จะถูกขังเอาไว้ในคุกใต้ดินห้องหนึ่งอย่างไม่คาดคิดกันล่ะ
ห้องขังเล็กๆใหญ่ๆจำนวนหลายสิบห้อง คุมขังคนอยู่ร้อยกว่าคน
บรรดาคนเหล่านี้ไม่รู้ว่าถูกคุมขังมานานขนาดไหนแล้ว เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายขาดรุ่งริ่งมานานแล้ว เส้นผมและหนวดเครา นำใบหน้าบดบังเอาไว้
ดูเหมือนว่าคนของเทพลักซ่อนเหล่านี้ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิทธิของใครสักเท่าไหร่ ยังไม่เท่ากับคุกที่อยู่ด้านนอก
อย่างไรเสีย คนที่สามารถถูกเทพลักซ่อนจับตัวมายังที่นี่ได้ เรื่องที่กระทำผิดนั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา
อาจจะเป็นเพราะคิดได้ว่าสถานะของฉินเทียนนั้นไม่ธรรมดา ตอนที่ซาโต้นำเขาเข้ามาคุมขังไว้นั้น ให้ห้องเดี่ยวแก่เขาห้องหนึ่ง
กระดานบนเตียงไม้ปูด้วยหญ้าแห้งจำนวนหนึ่ง สภาพแวดล้อมมองดูไปยังถือว่าสะอาด
ราวกับว่าได้กลับไปยังเรือนจำพญายมอย่างไรอย่างนั้น ฉินเทียนรู้สึกว่าสบายใจไปทั่วทั้งตัว ตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมา ได้กินอิ่มนอนหลับ อย่าถามว่าสบายใจมากขนาดไหนเลย
หากเป็นแบบนี้ต่อไป เขาถึงขนาดสงสัยว่า ตอนที่ตัวเองออกไป ก็คงจะอ้วนขึ้น
วันนี้ตอนที่กำลังนอนหลับ ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงแหลมบาดหูเสียงหนึ่ง
เมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็มองเห็นซูซูกิที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูรั้วเหล็กด้วยสายตาที่โหดร้าย เหลือแขนเพียงแค่ข้างเดียว ในมือถือปืนเอาไว้กระบอกหนึ่ง ใช้กระบอกปืนเคาะรั้วเหล็กที่อยู่ตรงหน้า
ยืดเส้นยืดสาย ฉินเทียนกล่าวอย่างเย็นชา: “ซูซูกิคุง คุณมาทำไม?”
“ให้ผมเดา นี่คืออยากจะเชิญผมออกไปใช่ไหม?”
“ผมจะบอกคุณให้นะ พวกคุณจับผมเข้ามานั้นง่ายดาย อยากจะเชิญผมออกไปนั้น ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
ซูซูกิกล่าวอย่างดูแคลน: “งั้นหรือ?”
“ความหมายของแกคือ จะอย่างไรผมก็ไม่สามารถเชิญแกได้?”
ฉินเทียนพยักหน้า กล่าวด้วยความจริงจัง: “ถูกต้อง”
“ระดับของคุณไม่พอ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ นักโทษบริเวณรอบๆที่อยู่ด้านในห้องขัง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ เจ้าหมอนี่ ก็น่าตลกมากเกินไปแล้วละมั้ง
ซูซูกิกล่าวอย่างดูแคลน: “แล้วจะต้องเป็นระดับอะไรถึงพอ?”
“หรือว่า แกอยากให้หัวหน้าใหญ่ซาโต้มาเชิญแกด้วยตัวเอง?”
ฉินเทียนส่ายหน้าไปมา กล่าว: “ไม่ เขาก็ไม่พอ”
ซูซูกิกัดฟันกล่าว: “ถ้าอย่างนั้นแกว่ามา ใครจะต้องมาเชิญ แกถึงจะยอมออกไป?”
ฉินเทียน: “ในเมื่อถามมาถึงขนาดนี้แล้ว งั้นผมจะบอกคุณก็แล้วกัน”
“อยากจะเชิญผมออกไปนั้นก็ได้ เรียกพี่ใหญ่เทพลักซ่อนของพวกคุณ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มายืนต่อหน้าผม โค้งคำนับสามครั้ง พร้อมทั้ง รับปากเงื่อนไขผมสามข้อ”
“เมื่อผมมีความสุขแล้ว ก็จะพยายามฝืนใจไว้หน้าพวกคุณสักครั้ง”
นักโทษบริเวณรอบๆมองหน้ากันไปมา มีบางส่วนถึงกับหัวเราะไม่ออกแล้ว
ก่อนหน้านี้เห็นว่าซาโต้เป็นคนพาฉินเทียนเข้ามาคุมขังด้วยตนเอง อีกทั้งยังให้ห้องเดี่ยวที่สะอาดมาก โดยปกติสิ่งของต่างๆที่กินดื่ม ล้วนเป็นของระดับชั้นที่สูงมากทั้งนั้น
พวกเขาคิดว่าสถานะของฉินเทียนนั้นไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงไม่กล้าหาแส่หาเรื่อง
ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเทียน พวกเขาต่างก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ไอ้หมอนี่ คงจะไม่ได้มีสถานะที่ใหญ่โตมากมายอะไรจริงๆหรอกละมั้ง?
ซูซูกิโมโหจนจมูกบิดเบี้ยวไปแล้ว
“ไอ้โง่!”
“สารเลว!”
“คนสกุลฉิน แกคิดว่า ที่ฉันมาที่นี่เพื่อปล่อยแกออกไปจริงๆงั้นหรือ?”
“คาดไม่ถึงว่าแกจะกล้าพูดจาไร้สาระขนาดนี้ ดูหมิ่นหัวหน้า!”
“ใครก็ได้มาที จับมันขึ้นมาให้ฉันที!”
ลูกน้องทั้งสองคนได้ฟังคำสั่ง รีบเปิดประตูห้องขังทันที ใส่กุญแจมือและโซ่ตรวน ควบคุมตัวฉินเทียนออกมา
ซูซูกิใช้ปืนชี้ไปที่ฉินเทียน แสยะยิ้มกล่าว: “วิชาการต่อสู้ของคแกรวดเร็วมาก แต่ว่าตอนนี้ฉันอยากจะรู้ว่า แกจะยังสามารถหลบหนีลูกกระสุนของฉันได้ไหม?”
ฉินเทียนจ้องซูซูกิอย่างไม่ละสายตา ยิ้มเยาะ: “คุณลองดูก็ได้”
สีหน้าของซูซูกิเปลี่ยนเป็นโกรธจัด เขาคิดไม่ถึงว่า ฉินเทียนกลายเป็นนักโทษแล้ว ไม่นึกเลยว่ายังจะกล้าอวดดีต่อหน้าตนเอง
ตอนนี้ บนร่างกายของเขาถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยกุญแจมือและโซ่ตรวน ประกอบกับตนเองยิงในระยะประชิด หรือว่าเขายังสามารถหลบได้งั้นหรือ?
ซูซูกิไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด