บัญชามังกรเดือด - บทที่ 639 ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
บัญชามังกรเดือด บทที่ 639 ใกล้จะถึงเวลาแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของซาโต้ เฉินเอ้อร์กั่วโกรธมาก
เขาเบิกตากว้างจ้องเขม็ง เอ่ยตำหนิอย่างโกรธเคือง “ทรามนัก!”
“ตัวตนของพี่ใหญ่ของพวกเรานั้นเป็นความลับ ไม่ได้รับคำอนุญาตจากเขา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถบอกได้!”
“นายต้องการให้ฉันหักหลังพี่ใหญ่งั้นเหรอ?”
ซาโต้ตื่นตกใจจนหัวใจสั่นสะท้านและรีบเอ่ย “พี่กั่ว พี่เข้าใจผิดแล้ว!”
“ผมนั้นเลื่อมใสศรัทธาเคารพในชื่อเสียงอันโด่งดังของพี่ใหญ่ของพวกคุณ อยากจะทำความรู้จักก็เท่านั้น”
“พี่กั่ว พี่วางใจได้ ตราบใดที่พี่บอกผม ผมรับรองเลยว่าผมจะไม่บอกคนอื่นอย่างแน่นอน”
เฉินเอ้อร์กั่วหรี่สายตา “จริงเหรอ?”
ซาโต้มองเห็นความหวัง ทันใดนั้นยกมือขึ้นตบหน้าอกตนเองทันทีเพื่อให้การรับประกัน
ใครจะรู้ เฉินเอ้อร์กั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ เขายังคงส่ายศีรษะและเอ่ย “ไม่ได้”
“หากเปิดเผยตัวตนของพี่ใหญ่โดยไม่ได้รับอนุญาต ฉันจะถูกตีจนตาย!”
ใบหน้าของซาโต้เขียวคล้ำ ได้ฟังคำพูดของเฉินเอ้อร์กั่วเมื่อสักครู่ เขารู้ สามวันให้หลัง ถ้าหากราชาเทพไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นระเบิดนิวเคลียร์ก็จะเกิดการระเบิด
ดังนั้น เขาไม่ลังเลที่จะต้องเสียสิ่งใดก็ตาม เขาต้องการขุดคุ้ยข่าวคราวสำคัญจากปากเฉินเอ้อร์กั่ว
ราวกับว่าเฉินเอ้อร์กั่วกำลังหยอกเหย้าลิงอย่างไรอย่างนั้น แกล้งซาโต้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถเป็นไปได้ แต่ทว่านายต้องตอบรับเงื่อนไขฉันอย่างหนึ่ง”
ซาโต้ตกปากรับคำในทันที
เฉินเอ้อร์กั่วยิ้มและเอ่ย “เมื่อเอ่ยถึง เทพลักซ่อนของพวกนายเป็นเจ้าภาพของที่นี่”
“เจ้าภาพ ก็ควรมีท่าทีของเจ้าภาพ เอางี้ไหม รอให้พวกเราจากไป ค่าเครื่องดื่มและค่าห้องในช่วงหลายวันมานี้ พวกนายก็จัดการแล้วกัน”
ซาโต้ลังเลเล็กน้อย เฉินเอ้อร์กั่วใจกว้างจองร้านสถานเริงรมย์ในถนนเส้นนี้จำนวนสิบกว่าแห่ง คนจำนวนมากมาสังสรรค์กันทุกวัน เหล้าที่ดื่มกันไปเทียบได้กับแม่น้ำหนึ่งสาย
นี่ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นกัปตันใหญ่ แต่ทว่าก็ไม่สามารถรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพได้
“ราชาหมา คุณโปรดรอสักครู่ผมขอคำแนะนำก่อน!”
เขาเดินไปยังมุมที่เงียบสงบ จากนั้นต่อสายโทรศัพท์หาผู้นำเทพลักซ่อน
แม้ว่าโมริโอ ชิชิมะจะรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อยและรู้สึกถูกเอาเปรียบ ในเมื่อวิหารเทพของพวกคุณเอ่ยปากจะเป็นเจ้ามือและเลี้ยงสังสรรค์ เหตุใดถึงให้พวกเราจ่ายเงิน?
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในเวลานี้ เงินเป็นเสมือนของนอกกาย ภายใต้สถานการณ์ไร้ทางเลือก เขาทำได้เพียงแค่ตกปากรับคำอย่างไม่เต็มใจ
ซาโต้ดีใจกับข่าวดีที่คาดไม่ถึง จากนั้นเขาขอให้เฉินเอ้อร์กั่วเผยตัวตนของราชาเทพอีกครั้ง
เฉินเอ้อร์กั่วเอ่ยด้วยท่าทีมีลับลมคมใน “พวกนาย ฉันบอกพวกนายได้แค่ว่าพี่ใหญ่ของพวกเรานั้นคือคนสกุลฉิน เป็นคนแห่งอาณาจักรมังกร”
“อีกอย่าง เขามาอยู่ที่นี่ได้ประมาณยี่สิบกว่าวันแล้ว”
“ส่วนเรื่องที่เหลือ ทำได้เพียงต้องพึ่งพาตัวพวกนายแล้ว”
“อย่ากล่าวโทษว่าฉันไม่บอกนาย สามวันหลังจากนี้ที่เชิงเขาโทยามะ เมื่อเฉลิมฉลองวันเกิด หากว่าพี่ใหญ่ของพวกเราไม่สามารถปรากฏตัวได้ทันเวลา พวกนายก็รอเก็บกวาดสถานการณ์เถอะ”
“ขอให้พวกนายโชคดี”
“ขอบคุณมากราชาหมา”
“ขอขอบคุณพี่กั่ว!”
ซาโต้ได้รับข่าวสารที่สำคัญเช่นนี้ เขารู้สึกขอบคุณเฉินเอ้อร์กั่วเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็รีบกลับไปยังสำนักงานใหญ่ชั่วคราวของเทพลักซ่อนที่ตั้งอยู่ในเมืองโทยามะ นำข่าวสารนี้ไปรายงานแก่โมริโอ ชิชิมะ
หลังจากที่โมริโอ ชิชิมะได้ฟัง เขาตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก เขาคาดไม่ถึงเลยว่าราชาเทพแห่งวิหารเทพผู้ลึกลับคนนั้น แท้จริงแล้วเป็นคนแห่งอาณาจักรมังกร
วันนัดหมายที่ราชาเทพลงประกาศ เหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวันเท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ก่อนจะเริ่มงานเลี้ยงฉลองวันเกิด เขาจะต้องพบหน้าราชาเทพให้ได้
ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าราชาเทพเพียงต้องการเฉลิมฉลองวันเกิด ไม่ได้คิดวางแผนร้ายอื่นใด
ทั่วทั้งเมืองโทยามะ สมาชิกของเทพลักซ่อนนั้นมีจำนวนสองพันคน สมาชิกของต้วนเตาหลิวนั้นมีจำนวนห้าร้อยคน นินจามีจำนวนห้ารอยคน รวมทั้งหมดเป็นสามพันคน ทุกคนต่างรวมกำลังค้นหาคนสกุลฉินแห่งอาณาจักรมังกร
ได้ทำการตรวจสอบผู้คนเกือบทั้งหมดของอาณาจักรมังกร แต่ทว่ากลับไร้ซึ่งข่าวคืบหน้าใด
ราชาเทพผู้ลึกลับผู้นั้น ราวกับว่าจากไปจากเมืองโทยามะอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ทั่วทั้งหมดยุทธภพในญี่ปุ่นเปรียบเสมือนกับศัตรูตัวฉกาจ พวกเขาเปรียบเสมือนเขื่อนกั้นน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเผชิญกับอุทกภัย แผงกั้นน้ำสามารถพังทลายได้ทุกเมื่อ
…..
ทั่วทั้งเขตเมืองโทยามะ กระแสใต้น้ำกำลังเชี่ยวกราก ในเวลาเดียวกัน คุกใต้ดินห้องปลอดภัยในเขตชานเมือง เป็นภาพฉากของความสามัคคีและกลมกลืนกัน
ตอนนี้ ไม่เพียงแค่เขตคุมขังหมายเลขสามเท่านั้น แต่รวมคุกใต้ดินทั้งหมดเข้าด้วยกัน นักโทษหลายร้อยคนถูกฉินเทียนกำราบไว้ได้ทั้งหมด
ภายในคุก นี่คือกฎการต่อสู้ในกรงแปดเหลี่ยม ผู้ที่แข็งแกร่งจะได้รับความเคารพ
และฉินเทียนคือผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริง และได้กลายเป็นราชาเพียงหนึ่งเดียว
การพบหน้ากันในครั้งก่อน สถานการณ์นั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด เหล่านักโทษต่างต่อสู้อย่างดุเดือดและไม่ลงรอยกัน ในตอนนี้ ทุกคนนั้นรู้สึกว่าทุกคนต่างก็เป็นรุ่นน้องของฉินเทียน ทุกคนมีเจ้านายและอยู่ในองค์กรเดียวกัน
ดังนั้นความสัมพันธ์จึงกลายเป็นพี่น้องกันได้อย่างน่าอัศจรรย์
ทุกคนนั่งรวมตัวกัน มีพูดคุยมีหัวเราะ แบ่งปันอาหาร เป็นภาพเหตุการณ์น่าอัศจรรย์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ตอนนี้ แม้แต่ซูซูกิรวมถึงเหล่าผู้คุมต่างก็ไม่กล้าเข้ามาภายในคุกใต้ดิน
เพราะเมื่อทันทีที่เข้ามา พวกเขาก็จะกลายเป็นศัตรูของผู้คน
“สมควรตาย!”
“หรือว่าไอผู้ชายคนนั้นจะเป็นเทพจริงๆ?”
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าฉินเทียนนั่งขัดสมาธิอย่างสงบนิ่งมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ไม่แม้แต่จะดื่มน้ำสักหยด ซูซูกิรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับตัวเขา
ไม่ได้การ!
เวลาของเขาเหลืออีกไม่มากแล้ว!
ก่อนที่ผู้นำจะจัดการฉินเทียน เขาจะต้องลงมือสังหารฉินเทียนก่อน
แม้ว่าจะลงมือสังหารแล้วไม่ตายก็ตาม ก็ต้องเอาให้ร่างกายบาดเจ็บ เมื่อเป็นเช่นนั้น นับได้ว่าเป็นการแก้แค้นเอาคืนให้กับแขนที่หักไป
เหล่านักโทษชั้นล่างไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็ต้องลงมือด้วยตัวเอง!
เมื่อถึงช่วงเวลากลางดึก นักโทษทุกคนต่างก็หลับใหล เข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน ซูซูกิได้นำผู้คุมกว่าสิบนาย สวมเครื่องแบบนักโทษ ลอบเข้ามายังคุกใต้ดินอย่างเงียบๆ
ผู้คุมเหล่านี้เป็นสมาชิกของเทพลักซ่อน พวกเขาทุกคนล้วนมีมีดสั้นที่แหลมคมเหน็บไว้ยังบริเวณเอว
เขตคุมขังหมายเลขสาม คาเมดะและมาซาโอะตื่นขึ้นจากห้วงความฝันหลังจากที่สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหว ภายใต้สภาวะสะลึมสะลือ พวกเขามองเห็นว่าเป็นเหล่านักโทษ พวกเขาคิดว่าเป็นพวกนักโทษจากเขตแดนอื่นมาทำการเคารพฉินเทียน
เช่นนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ
จนกระทั่งแสงเย็นปรากฏขึ้นทันใด
‘นักโทษ’สองคนที่อยู่ใกล้ฉินเทียนมากที่สุด หยิบมีดคมออกมาจากเอวของพวกเขาและแทงไปยังร่างกายของฉินเทียนด้วยความดุเดือด
“ราชาใหญ่!” คาเมดะร้องตะโกนด้วยความตกใจ
ฉินเทียนไม่เคลื่อนไหวเป็นเวลาหลายวัน เบ้าตาของเขาจมลง ใบหน้าของเขาซูบลงเล็กน้อย เมื่อมองดูแล้วเป็นเสมือนกับรูปปั้นไม้
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาวิกฤตนี้ แม้ว่าฉินเทียนจะไม่ลืมตา แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเขากลับเต็มไปด้วยดวงตาอย่างไรอย่างนั้น
เขาเหยียดมือทั้งสองออกพร้อมกัน จับข้อมือของฆาตกรทั้งสองอย่างแม่นยำ
เขาไขว้มือทั้งสองข้างและออกแรงเพียงเล็กน้อย
ฟุ่บฟั่บ มีดแหลมคมสองเล่ม ทิ่มแทงไปยังร่างกายของชายทั้งสองคน
“อ๊าก” ทั้งสองคนกรีดร้องลั่น เมื่อเป็นเช่นนี้ นักโทษทั้งหมดถูกปลุกให้ตื่นขึ้น พวกเขายืนขึ้นด้วยความโกรธและล้อมรอบพวกเขา
ซูซูกิเห็นว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้วจึงเอ่ยตะโกนเสียงดัง “ในนามของผู้นำ สังหารฉินเทียนผู้กระทำผิดซ้ำ!”
“ใครกล้าเข้ามาแทรกแซง จะถูกรับโทษเช่นเดียวกัน!”
เขาแผดเสียงคำรามอย่างร้ายกาจ ปราบปรามนักโทษเหล่านั้น
ฉวยโอกาสในขณะที่เหล่านักโทษยังคงมึนงง ซูซูกิตะโกนเสียงดังลั่น “พวกนาย ยืนนิ่งทำอะไรกัน? รีบเข้าไปจัดการ!”
“เขาไม่มีเรี่ยวแรงกำลังแล้ว!”
ผู้คุมที่ปลอมตัวเป็นนักโทษตะโกนเสียงดังและพุ่งเข้าไปหาฉินเทียน
ในที่สุดฉินเทียนก็ลืมตาขึ้น
เขานั่งสมาธินานกว่าสิบวัน ทันใดนั้นก็ลืมตาขึ้นในขณะนี้ ราวกับว่าเขาเป็นวิญญาณที่บำเพ็ญตนอยู่ในสุสานมาเนิ่นนานนับพันปี
แรงของการกระทำนั้นเปรียบเสมือนลม เหล่าผู้คุมทั้งหมดต่างลอยกระเด็นออกไป
“ซูซูกิ เวลาแห่งความตายของคุณมาถึงแล้ว!”
จ้องมองซูซูกิ เขาแผดเสียงคำรามดังก้อง ร่างสูงลุกขึ้นยืน
ซูซูกิรู้สึกหวาดกลัวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขารีบวิ่งออกไปด้านนอกพลางส่งเสียงกรีดร้อง
ฉินเทียนยกมือข้างหนึ่งขึ้น แสงสีทองทะลุผ่านอากาศ หมุนวนในความว่างเปล่า เสียงผัวะดังขึ้น ชกใบหน้าของซูซูกิที่อยู่ด้านหน้าประตู
ซูซูกิคิดว่าตนเองนั้นกำลังจะตายแล้ว กรีดร้องอย่างน่าสมเพชและล้มลงกับพื้น ฉินเทียนราวกับลอยได้ ก้มศีรษะมองลงมา ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่ดูลึกลับ
“เวลาเหลือไม่มากแล้ว พาผู้นำของพวกแกมาพบฉันซะ”
ด้วยการโบกมือของเขา วัตถุที่เป็นโลหะดูเหมือนจะมีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น จากพื้นลอยขึ้นสู่กำมือของเขา หายไปอย่างไร้ร่องรอย