บัญชามังกรเดือด - บทที่ 690 เชิญขึ้นมาบนเวที
บัญชามังกรเดือด บทที่ 690 เชิญขึ้นมาบนเวที
มือของฉินเทียนที่กุมไหมเงินเอาไว้ สายตามองไปยังกู้ฉางเฟิงยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดออกมา “กระบวนท่าที่หนึ่ง”
กู้ฉางเฟิงตกตะลึง และที่ยิ่งทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ เขาใช้แรงดึงออกมาไปโดยที่ไม่รู้ตัว
แส้หางม้าในมือถูกกุมเอาไว้ในมือฉินเทียน เหมือนกับว่าถูกฝังตัวเข้าไปในก้อนหินโดยที่ไม่สั่นคลอน
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
“กู้ฉางเฟิง ยังลังเลอะไรอีก!”
“ใช้กระบองสังหาร!” ไล่ออกไป เว่ยเทียนเหอหลังจากที่ตกตะลึงไป ก็ส่งเสียงร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
เมื่อกู้ฉางเฟิงมีการตอบสนองกลับแล้วก็คำรามเสียงต่ำออกมา มือข้างที่จับสะบัดฝุ่นหันกลับเกิดเสียงดังขึ้น จากนั้นก็ดึงกระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากในนั้น
ตัวกระบี่ถึงแม้ว่าจะบางเป็นอย่างมาก และก็ส่องแสงเย็นวาบออกมา เหมือนราวกับว่างูพิษที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมา
“ฉันจะฆ่านาย!” เขาคำรามออกมาอย่างกรุ่นโกรธ กระบี่อันร้ายกาจอย่างไร้เทียมทาน พุ่งแทงไปยังลำคอของฉินเทียน
แส้หางม้าซ่อนกระบี่ จู่โจมออกไปโดยที่ไม่คาดคิด
ฉินเทียนที่อยู่ใกล้ตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ในมือของเขายังคงคว้าแส้หางม้าเอาไว้
เถี่ยโถวและคนอื่นๆ รู้สึกประหม่าใจเต้นแรงอย่างมาก
สีหน้าของฉินเทียนไม่เปลี่ยนสี ราวกับว่าคาดการณ์เอาไว้นานแล้ว เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง ข้อมือสั่นไหว ด้ามของแส้หางม้า กระแทกเข้าใส่ยังกระบี่เล่มบางที่อยู่ในมือของกู้ฉางเฟิง
เสียงดังปังเกิดขึ้น ด้ามโลหะของแส้หางม้าก็โจมตีเข้ายังตัวกระบี่ กระบี่เรียวยาวถูกเด้งออกไป
กู้ฉางเฟิงส่งเสียงร้องดังอย่างตกตะลึง และไม่ทันได้ตอบสนองกลับ ทันใดนั้น ไหมสีเงินก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของเขา
เป็นฉินเทียนที่ใช้วิถีของผู้คนตอบกลับไป ใช้ไหมเงินบนแส้หางม้าของเขาจู่โจมกลับไปยังเขา
“อ่าห์!”
ช่วงเวลาคับขัน กู้ฉางเฟิงก็เหวี่ยงกระบี่ในมือออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว อย่างคิดจะตัดขาดไหมเงินที่พุ่งเข้ามา
เขาลืมไปแล้วว่า ไหมเงินด้านบนของเขา เป็นไหมเงินที่แท้จริง ไม่ใช่เส้นด้ายสีเงิน
ยิ่งไปกว่านั้น ไหมเงินแต่ละเส้นในมือของฉินเทียนตอนนี้ ล้วนแต่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้า
เสียงดังปึงปัง กระบี่ยาวที่โจมตีไปยังไหมเงิน กลับถูกกระดอนออกมา
วินาทีถัดมา ก็เกิดความแสบร้อนและเจ็บปวดบนใบหน้า
เขาหลบออกอย่างตื่นตกใจ ใช้มือลูบลงไป ก่อนจะพบเลือดเต็มฝ่ามือ จนอดไม่ได้ที่นิ่งอึ้งลงตรงจุดเดิม
เมื่อมองผ่านไปยังกระจกบานใหญ่ที่อยู่ไกลออกไปตรงล็อบบี้ เขามองเห็นใบหน้าของตนถูกปกคลุมไปด้วยคราบเลือด ราวกับถูกแปรงเหล็กแปรงลงไป
นี้มันเป็นไปได้อย่างไร?
ชั่วขณะนั้น ทุกคนเบิกตากว้างขึ้นราวกับได้ยินเสียงเข็มตกลงตรงจุดนั้น
“ดี!”
“พี่เทียนทรงพลัง!”
“สู้ได้ดี!”
“ฮาฮาฮาฮา เห็นแล้วหรือยัง นี้คือผู้พิทักษ์ราชาเถียสิบสามของพวกเรา!”
“ยังไม่รีบคุกเข่าลงยอมจำนนอีก ร้องขอให้ลงโทษสถานเบาอีก!”
ทุกคนในแก๊งหัวเหล็กต่างก็ระเบิดเสียงโห่ร้องอย่างยินดีออกมา
ในทางตรงกันข้าม เจียวเหลียง เว่ยเทียนเหอและคนอื่นๆ กลับมีสีหน้าซีดขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“นายท่านหยาง ดูเหมือนว่าวันนี้จะต้องให้ท่านลงมือแล้ว!” จ้าวคงกัดฟันแล้วพูดออกมา
หยางต้าวไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาจ้องเขม็งไปยังฉินเทียน สีหน้าดูเคร่งขรึมอย่างไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“กระบวนท่าที่สอง”
“ยังต่ออีกหรือ?” ฉินเทียนมองไปยังกู้ฉางเฟิง ก่อนจะยิ้มเย็นออกมาอีกครั้ง
กู้ฉางเฟิงกัดฟันไม่ส่งเสียงออกมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาไม่แน่นอน เดี๋ยวขาว เดี๋ยวแดง
วันนี้อยู่ต่อหน้าของผู้คนมากมาย การกระทำที่เสียหลักเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยินยอม แต่ก็ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังก็คือ การเผชิญหน้ากับฉินเทียน ทำให้เขารู้สึกราวกับเผชิญหน้ากับขุนเขา และมหาสมุทร
ในขณะนั้น เขากลับไม่มีความกล้าที่จะต่อต้านขึ้นมา
“นายท่านหยาง ขอท่านช่วยผดุงความยุติธรรมด้วย!” เว่ยเทียนเหอตื่นตกใจ จนต้องขอความช่วยเหลือจากหยางต้าวอีกครั้ง
ในฐานะที่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของตระกูลหูในฮั่นจงในอดีต หยางต้าวไม่ได้ลงมือต่อหน้าของทุกคนมาหลายปีแล้ว
ชื่อของเขา ถึงแม้ว่าจะไม่ปรากฏในรายชื่อสิบอันดับยอดฝีมือในฮั่นจง แต่ว่า แม้แต่ยอดฝีมืออันดับหนึ่ง ก็ยังไม่กล้าที่จะดูแคลนเขา
และไม่มีใครรู้ว่าหยางต้าว ท้ายที่สุดแล้วฝึกฝนไปจนถึงก้าวไหนแล้ว
ในเวลานี้ เขาเป็นเพียงแค่ความหวังเดียวที่สามารถปราบปรามฉินเทียนลงได้
ภายใต้ทางตัน หยางต้าวก็ลุกขึ้นยืน
ทว่า ที่น่าแปลกก็คือ เขาไม่ได้ลงมือ แต่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ไม่เสียแรงที่เป็นผู้พิทักษ์ของราชาเถียสิบสามแห่งวิหารเทพ!”
“คุณฉิน คุณช่างทำให้พวกเราได้เปิดโลกทัศน์จริงๆ!”
“กู้ฉางเฟิง ยังจะอึ้งตะลึงอะไรอีก? ยังไม่รีบยอมแพ้ แล้วขอบคุณบุญคุณคุณฉินที่ไม่ฆ่าทิ้งซะ”
อะไรนะ?
ทุกคนพากันตื่นตกใจอย่างไม่เข้าใจ
หลังจากที่กู้ฉางเฟิงตะลึงค้างอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าแดงก่ำ กัดฟันแล้วพูดออกมา “ฉันแพ้แล้ว”
“นายท่านเว่ย ฉันไม่อาจทำภารกิจของคุณได้สำเร็จ คงจะไม่มีหน้าอยู่ในตระกูลเว่ยได้อีกต่อไป”
“เชิญท่านรับสมัครยอดฝีมือคนอื่นเถิด ลาก่อน!”
ขณะที่พูดออกมาก็พุ่งออกไปด้านนอกโดยไม่หันหลังกลับ
จนกระทั่งมองไม่เห็นร่างเงาของเขาแล้ว ทุกคนในที่แห่งนั้นต่างก็มองหน้ากันอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ส่วนเทียนฉินเองในที่สุดก็เลื่อนสายตาลงไปบนใบหน้าของหยางต้าว
“หากว่าฉันจำไม่ผิดแล้ว พวกเราเคยเจอกันมาก่อน”
หยางต้าวยิ้มแล้วพูดออกมา “ไม่ผิด”
“ในอดีต ฉันเคยเป็นอันดับหนึ่งของตระกูลหู อีกทั้ง ยังเป็นเพื่อนสนิทของคุณชายเฟยตระกูลหูของนายอีกด้วย”
“คุณชายหูนำนายไปยังตระกูลหูไม่เพียงแต่ครั้งเดียว ดังนั้นพวกเราจึงเคยพบกันมาก่อน”
ฉินเทียนกวาดสายตามองไปยังเว่ยเทียนเหอและจ้าวคง
“พวกนายอาจจะไม่เคยเจอฉันมาก่อน แต่ว่าฉันเคยพบพวกนายมาก่อน”
“พวกนายยังเคยเป็นลูกศิษย์ของตระกูลหูอีกด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เว่ยเทียนเหอและจ้าวคง กะพริบตาลงอย่างไม่กล้าที่จะสบตา
“ตกลงแล้วนายคิดจะทำอะไรกันแน่!” เว่ยเทียนเหอกัดฟันพูดออกมา
ฉินเทียนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ต้องตื่นเต้นไป”
“ที่ฉันมาที่นี้ในวันนี้ เป็นเพราะได้รับคำเชิญจากเพื่อนเก่า เพื่อจัดพิธีหมั้นให้กลับราชาเถียสิบสามของพวกเราและคุณสุภาพสตรีหานหลิง”
“ราชาเถียสิบสามรับปากคุณสุภาพสตรีหานหลิงเอาไว้แล้ว ว่าหลังจากพิธีหมั้น เขาจะตรวจสอบคดีโศกนาฏกรรมของตระกูลหู”
“ทั้งสามท่าน ในอดีตล้วนแต่ถูกปกป้องเอาไว้ในตระกูลหู ฉันคิดว่า พวกท่านคงจะไม่ต่อต้านที่พวกเราจะทำการตรวจสอบกันหรอกนะ?”
เว่ยเทียนเหอและจ้าวคงกัดฟันไม่พูดอะไรออกมา
หยางต้าวยิ้มแล้วพูดออกมา “แน่นอน!”
“อันที่จริงแล้ว สำหรับโศกนาฏกรรมของตระกูลหู ฉันเองก็สงสัยอยู่เช่นกัน หลายปีมานี้ก็คอนตรวจสอบมาตลอด”
“เพียงแต่ว่า ข้อบ่งชี้ต่างๆ มากมายล้วนบอกว่ามันคืออุบัติเหตุจริงๆ และแม้แต่ทางการเองก็ตัดสินคดีไปแล้ว”
“ฉินเทียน ความรู้สึกของนายฉันเข้าใจดี อย่างไรแล้วฉันรู้สึกว่า นายอาจจะแค่คิดมากจนเกินไป”
“ตกลง!” หยางต้าวพูดออกมาเสียงดัง “ฉันสนับสนุนนาย!”
“หากว่าตรวจสอบออกมาได้ คดีโศกนาฏกรรมของตระกูลมีเรื่องอื่นแอบซ่อนอยู่ ฉันจะต้องช่วยนายจับคนร้ายเข้ามาลงโทษอย่างรุนแรง!”
“ท้ายที่สุดเมื่อว่ากันแล้ว พวกเราต่างก็เป็นคนเก่าแก่ของตระกูลหูกัน!”
ใครก็คิดไม่ถึงว่า หยางต้าวกลับเป็นเพื่อนกับฉินเทียน อีกทั้ง ยังจะสนับสนุนให้ฉินเทียนไปตรวจสอบอีกด้วย
นี้มันเรื่องอะไรกัน?
ท้ายที่สุดแล้วเขาคิดจะทำอะไร?
ฉินเทียนเหลือบมองลึกไปยังหยางต้าว ยิ้มเย็นแล้วพูดออกมา “ดีมาก”
“เช่นนั้นตอนนี้ ราชาเถียสิบสามของพวกเราจะขอคุณสุภาพสตรีหานหลิงแต่งงานอย่างเป็นทางการ นายเห็นว่าเป็นอย่างไรกัน?”
หยางต้าวรีบพูดออกมาเสียงดัง “นี่มันเป็นเรื่องดีอ่าห์!”
“ว่ากันแล้วก็ใช่ สาวงามคู่ควรกับวีระบุรุษ ผู้หญิงที่ดีอย่างหานหลิง สามารถแต่งให้กับราชาเถียสิบสามได้ นับว่าเป็นเกียรติของทั่วทั้งฮั่นจงแล้ว”
“ตอนนี้”
“ฉันขอแนะนำให้ทุกคนลุกขึ้นยืน!”
“ให้พวกเราทั้งหลายได้มาเป็นสักขีพยานของฉากที่น่าจดจำเช่นนี้กัน!”
“นายท่านเว่ย หรือว่า ท่านยังมีความเห็นอื่นใดอีก?” เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเว่ยเทียนเหอดูไม่ได้ขึ้นมา หยางต้าวก็ยิ้มเย็น สายตาฉายแววลึกซึ้งออกมา
เว่ยเทียนเหอตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมีการตอบสนองกลับมา
เขารู้ดีว่า หยางต้าวในตอนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉินเทียน จะต้องมีแผนการอื่นอยู่
ไม่เสียแรงที่เป็นนายท่านใหญ่ของตระกูล เขามีการตอบสนองกลับภายในระยะเวลาอันสั้น
“จะเป็นไปได้อย่างไร!”
“เมื่อครู่นี้ ที่ฉันให้ท่านนักบวชกู้ท้าทายคุณฉินไป เพียงแค่เพิ่มความน่าสนใจให้กับพิธีหมั้นในวันนี้”
“คุณฉินทำให้พวกเราได้เปิดโลกทัศน์กัน!”
“และตามที่สัญญากันเอาไว้ พวกเราแพ้แล้ว ฉันยอมที่จะเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับราชาเถียสิบสาม!”
“ราชาเถียสิบสาม หานหลิง เชิญพวกท่านรีบขึ้นมาบนเวทีกันเถอะ!”