บัญชามังกรเดือด - บทที่ 700 ไถ่โทษ
บัญชามังกรเดือด บทที่ 700 ไถ่โทษ
เมื่อได้ฟังคำพูดของหวังเหล่าหู่แล้ว ด้านหลังของเขา ซื่อต้าจินกังรวมทั้งอันธพาลอีกแปดร้อยคน ต่างก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบ ฉินเทียนและ เถียโถวเอาไว้อย่างแน่นหนา
พวกเขาแกว่งอาวุธมีคมที่อยู่ในมือ ด้วยความอาฆาตอย่างมหาศาล ดูไปแล้ว ฉินเทียนกับเถียโถว ที่อยู่ตรงกลาง เหมือนกับพืชน้ำที่น่าสงสารสองต้น ที่พร้อมจะถูกกลืนลงไปได้ทุกเมื่อ
สีหน้าของฉินเทียนเคร่งขรึมลง มองไปยังหวังเหล่าหู่และพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ไม่คิดจะถามหาสาเหตุ มาถึงก็ขู่ว่าจะฆ่าคนเพื่อแก้แค้น ทำไมหรือ ชีวิตลูกชายของหวังเหล่าหู่เท่านั้นที่มีค่า ชีวิตของคนอื่นไม่มีค่าอย่างนั้นหรือ?”
“ที่หวังเป่ายู่เป็นอย่างวันนี้เพราะคุณธรรม ดูเหมือนคนที่เป็นพ่ออย่างคุณ คงต้องร่วมรับผิดด้วยเช่นกัน”
“ในเมื่อคุณไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี บังอาจปิดล้อมคฤหาสน์ ราชาเถียสิบสาม ล่วงเกินราชาเถียสิบสามอย่างร้ายแรง ถ้างั้นวันนี้องครักษ์อย่างฉันคงต้องให้พวกแกได้เลือดตกยางออกสักหน่อยแล้วหล่ะ!”
สิ้นเสียงนั้น เขาก็คำราม และเอื้อมมือไปจับหวังเหล่าหู่ทันที
หวังเหล่าหู่ตกใจ เขาคิดไม่ถึงว่า ท่ามกลางการถูกห้อมล้อมแบบนี้ ฉินเทียนยังกล้าที่จะลงมือกับเขาได้
คิดว่าเสือตัวนี้เป็นของเล่นอย่างนั้นจริงๆ หรือ?
หวังเหล่าหู่ตอบสนองอย่างทันควัน เขาคำรามและเหวี่ยงสะบัดมีดในมือขึ้น เสียงลมกรรโชก จากนั้นเขาก็สับลงไปที่มือของฉินเทียน!
ความคมของมีดเล่มใหญ่นั้นหาที่เปรียบมิได้ ขอแค่สัมผัสเท่านั้น มือของฉินเทียนก็จะแยกออกจากตัวทันที
เมื่อเห็นว่ามีดเล่มใหญ่นั้นกำลังจะสับลงไปที่มือของเขา ฉินเทียนไม่กล้าที่จะไม่หลบ แต่จู่ๆ ฝ่ามือนั้นก็เปลี่ยนทิศทาง นิ้วของเขาถูกบีบจนกลายเป็นกรงเล็บ และคว้ามีดเล่มนั้นไว้
เสียงดังแคร่ง สามนิ้วมือ หนีบคมดาบเอาไว้
ขณะที่นิ้วของเขาสัมผัสไปที่ความคมของใบมีดนั้น ดาบอันทรงพลังนั้นก็หยุดแน่นิ่งอยู่กลางอากาศ ราวกับถูกอ็อกเชื่อมเอาไว้
หวังเหล่าหู่ใช้แรงขยับอยู่หลายครั้ง แต่มันก็ไม่เขยื้อนเลยสักนิด สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะเดียวกัน ซื่อต้าจินกังที่อยู่รอบๆ รวมถึงลูกน้องเหล่านั้นก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ เมื่อเห็นฉินเทียนกล้าโจมตีลูกพี่ของพวกเขาแล้ว พวกเขาก็คำราม และเริ่มการตะลุมบอนกันขึ้น
ท่ามกลางวิกฤตอันใหญ่หลวง ฉินเทียนออกแรงที่นิ้วเบาๆ เสียงดังชัดเจนก็ลอยมาตามอากาศ
เสียงดังแคร่ง มีดเล่มใหญ่ที่แข็งอย่างหาใครเทียบมิได้ ก็หักออกจากกัน
ฉินเทียนคีบมีดอีกครึ่งหนึ่งไว้อยู่ เกิดแสงวาบที่ร่าง และวางไปบนคอของหวังเหล่าหู่
“ถ้าไม่อยากให้เขาตาย ก็ไสหัวออกไปซะ!”
เถียโถวตะโกนขึ้นอย่างรีบร้อน “วางมือซะ!”
“หวังเหล่าหู่ถูกจับแล้ว!”
ทุกคนต่างตกใจ เมื่อเห็นว่าหวังเหล่าหู่กลายเป็นตัวประกันไปในภายพริบตา
ส่วนหวังเหล่าหู่ จู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบตรงบริเวณลำคอ เขาตกใจจนเกร็งไปทั้งตัว และตะโกนตามสัญชาตญาณว่า “อย่าขยับ!”
“ไม่ต้องลงมืออะไรทั้งนั้น!”
ฉินเทียนยิ้มเยาะ “ลูกชายของคุณคนนั้นมันไม่ได้เรื่อง ที่ราชาเถียสิบสามฆ่าเขา มันก็สมควรแล้ว”
“เลี้ยงลูกไม่ดี เป็นความผิดของพ่อ เหตุผลข้อนี้ มันก็เป็นความรับผิดชอบร่วมของคุณด้วย”
“อย่างไรก็ตาม คุณนำคนมาถึงที่นี่ แต่สามารถควบคุมเขาไว้ไม่ให้บุกรุกเข้ามาทำลายคฤหาสน์แห่งนี้ นั้นแสดงว่ายังพอมีมโนธรรมสำนึกอยู่ ในใจยังมีตระกูลหูหลงเหลืออยู่บ้าง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจะให้โอกาสคุณอีกสักครั้ง”
“ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่นี่เมื่อสามปีก่อน ฉันรู้แล้วว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง และฉันยังรู้อีกว่า คุณคือผู้สมรู้ร่วมคิด!”
“ตอนนี้ การชี้ตัวผู้บงการ คือโอกาสในการไถ่โทษของคุณ!”
จากท่าทีของหวังเหล่าหู่ ฉินเทียนคาดเดาว่า เรื่องเพลิงไหม้เมื่อสามปีก่อน หวังเหล่าหู่ ต้องเป็นผู้มีส่วนร่วมด้วยอย่างแน่นอน แต่อาจจะเกี่ยวข้องไม่มากนัก
แม้กระทั่งตัวตนของผู้บงการ เขาเองก็ล้วนแต่คาดเดาเอาทั้งสิ้น
ดังนั้นจะว่าไป ที่ทำเป็นควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้วนั้น จริงๆ ก็แค่หลอกหวังเหล่าหู่เท่านั้นแหละ
“คุณว่าอะไรนะ?”
“คุณรู้ได้ยังไง?”
คาดไม่ถึงว่า เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว หวังเหล่าหู่ก็สั่นเทาไปทั้งตัว ต่อมาก็มีท่าทีเศร้าสลด ในแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเสียใจและความละอายใจ
ในใจของฉินเทียนเริ่มรู้สึกดีใจ!
เขารู้ว่าตัวเองทำถูกแล้ว ขอแค่ง้างปากหวังเหล่าหู่ได้สำเร็จ ไม่แน่ว่าเรื่องทั้งหมดอาจจะคลี่คลายลงก็ได้
“ไม่ต้องสนใจว่าฉันรู้ได้ยังไง ตอนนี้ จงพูดในสิ่งที่คุณรู้ออกมา”
“นี่คือโอกาสที่ฉันให้คุณได้ไถ่โทษ”
“รีบพูดมาว่า หยางต้าวพวกเขาใส่ร้าย ตระกูลหูยังไงกันแน่?”
ฉินเทียนกล่าวอย่างรีบร้อน
เมื่อได้ยินฉินเทียนเอ่ยถึงชื่อ “หยางต้าว” แล้ว หวังเหล่าหู่ยิ่งไม่ต้องสงสัยต่อเลยว่า ฉินเทียนรู้เหตุการณ์เบื้องหลังทั้งหมดแล้วจริงๆ
ตอนนี้ รอแค่ให้เขาเป็นพยานเท่านั้น
“จริงๆ แล้วฉัน___”
เขานิ่งเงียบไปชั่วขณะ และก็เริ่มยอมเปิดปาก
เวลานี้ ซื่อต้าจินกังภายใต้การดูแลของเขา รวมทั้งบรรดาลูกน้องเหล่านั้น ล้วนแต่โดนดึงดูดเข้าแล้ว ทุกคนต่างประหลาดใจกันมาก ว่าจริงๆ แล้วเหตุเพลิงไหม้ใน ตระกูลหู ครั้งนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เพราะว่าหลายคนในที่นี้ ก็เคยเป็นคนของตระกูลหูมาก่อน ต่อมาพอ ตระกูลหูล่มสลายลง ถึงได้มาหลบภัยกับหวังเหล่าหู่กัน
จะว่าไป พวกเขาก็ยังคงมีความรู้สึกเก่าๆ ต่อตระกูลหูอยู่บ้างเหมือนกัน
“คุณรู้อะไรบ้างหล่ะ?”
“คุณมีหลักฐานไหม?” เมื่อเห็นว่าหวังเหล่าหู่ยอมเปิดปาก เถียโถวหูเฟยที่อยู่ข้างๆ ก็ทำหน้าที่เป็นคู่กรณี คว้าคอของหวังเหล่าหู่ และถามด้วยความตื่นเต้น
ครอบครัวของเขาประสบเหตุการณ์สังหารหมู่ เขาโชคดีที่หนีออกมาจากทะเลเพลิงนั้นได้ ทุกวันนี้ต้องกลายเป็นคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ความศรัทธาเดียวที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ นั่นก็คือ การแก้แค้น
แต่เนื่องจากกำลังอำนาจไม่เพียงพอ สามปีมานี้ แม้ว่าเขาจะมีเป้าหมายที่สงสัยอยู่ แต่ก็ไม่สามารถหาหลักฐานมามัดตัวได้เลย
ตอนนี้ เมื่อได้ยินหวังเหล่าหู่กำลังจะบอกความลับออกมา เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรเล่า?
ใครจะไปรู้ว่า เพราะความตื่นเต้นของเขา เลยขัดจังหวะความคิดของหวังเหล่าหู่
เขาตัวสั่นไปครู่หนึ่ง ถึงได้เข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า เขามองไปยังฉินเทียน กัดฟันยิ้มเยาะ “คุณกำลังหลอกฉันอยู่หน่ะสิ!”
“อย่าบอกว่าฉันไม่รู้อะไร ฉันรู้จริงๆ แต่ทำไมต้องบอกคุณด้วยหล่ะ?”
“ดูสิว่าพวกคุณ ยังคิดจะพลิกคดีให้ตระกูลหูจริงๆ อยู่ไหม?”
ฉินเทียนยิ้ม เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะขยับข้อมือเบาๆ และใช้มีดครึ่งด้ามในมือเขาเย้ยไปที่คอของ หวังเหล่าหู่ และกรีดลงไปบนชั้นผิวหนังของเขา
“คุณจะไม่พูดก็ได้นะ”
“แต่ฉันจะเอาเลือดของคุณออกจนหมด คุณคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมหล่ะ?”
หวังเหล่าหู่คาดไม่ถึงว่า ฉินเทียนอายุยังน้อย แต่กล้าลงมืออย่างโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้
สีหน้าของเขางุนงง พูดอย่างคิดไม่ถึงว่า “คุณไม่กลัวจริงๆ หรือ ว่าคนของฉันจะฆ่าคุณ?”
“พ่อหนุ่มน้อย แม้ว่าคุณจะฆ่าฉันได้ แต่คุณก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หรอก!”
ฉินเทียนยิ้มอย่างสดใส “ฉันจะมีชีวิตอยู่ต่อหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องมากังวล เพราะถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ คุณก็ต้องตายอยู่ตรงหน้าฉันอยู่ดี”
หวังเหล่าหู่สั่นเทาไปทั้งตัวอีกครั้ง!
ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ ในที่สุดเขาก็รู้ว่า ฉินเทียนกล้าสังหารเขาได้จริงๆ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เขาก็ยอมสงบลงไปในที่สุด
เขากัดฟันและพูดว่า “จริงๆ ฉันก็รู้แค่บางเรื่อง แต่ถ้าฉันบอกคุณแล้ว คุณจะยอมปล่อยฉันไปไหมหล่ะ?”
“อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ ตราบใดที่คุณปล่อยฉันไป คนของฉันจะสับคุณจนเป็นเนื้อบดเลยทีเดียว!”
ฉินเทียนยิ้มและพูดว่า “ยังคงเป็นประโยคเดิม นี่มันไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะเป็นกังวลในตอนนี้”
“ฉันพูดคำไหนคำนั้น แค่คุณเล่าความจริงออกมา ฉันจะปล่อยคุณทันที”
หวังเหล่าหู่จ้องตาฉินเทียนเป็นเวลานาน จนแน่ใจว่าฉินเทียนไม่ได้ล้อเล่นกับเขาอยู่จริงๆ
โบราณว่าไว้ เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ต้องยอมถอยเพื่อไม่ให้ตนเป็นเบี้ยล่าง เขากัดฟัน เตรียมเผยความลับที่รู้ออกมา
ฉินเทียนกับหูเฟยต่างเงี่ยหูรอฟังข้อมูลสำคัญในครั้งนี้
“เย็นวันนั้น หยางต้าวมาหาฉัน____”
“หยางต้าว เขาไปหาคุณทำไม?” หูเฟยโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัวและถามด้วยความตื่นเต้น
“เขาบอกว่า___”
ขณะที่หวังเหล่าหู่กำลังจะเล่าต่อ ทันใดนั้น เสียงอุทานก็ดังมาจากฝูงชนที่อยู่ด้านหลัง มีคนคนหนึ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนกับเหาะอยู่กลางอากาศยังไงยังนั้น