บัญชามังกรเดือด - บทที่ 753 จัดการฝ่ายผู้นำ
บัญชามังกรเดือด บทที่ 753 จัดการฝ่ายผู้นำ
เมื่อได้ยินเหลิ่งหยุนเอ่ย ทำฉินเทียนนั้นได้เอาพละกำลังของวิหารเทพนั้นย้ายกลับไปที่อาณาจักร เพื่อปิดล้อมรอบตระกูลฉินเอาไว้ สีหน้าของฉินชวนนั้นเคร่งขรึมลง
ตอนนี้ เขานั้นได้ใจเย็นลงแล้ว
ลังเล ก่อนที่จะเอ่ยออกมา “แส้มังกร กระทำเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสม”
“ที่วิหารเทพนั้น ได้นับว่าเป็นพละกำลังของด้านนอก หากอยากที่จะโยกย้ายเองนั้น แล้วนำกำลังพลจำนวนมากเข้าไปในอาณาจักร เกรงว่าจะโดนตระกูลฉินจับเอาได้สะก่อน”
“เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขานั้นจะได้เจอกับการรุกรานจากศัตรูภายนอก และรบกวนสถานที่ของพวกเขา แล้วขอกำลังจากมังกรซ่อนรูป ผมเกรงว่า มังกรซ่อนรูปนั้นจะไม่มีเหตุผลมาปฏิเสธ”
“ขอให้ท่านพิจารณาก่อน!”
ฉินเทียนเอ่ยยิ้มอย่างเย็นชา“ที่เจ้าเอ่ย ข้านั้นทราบดีอยู่แล้ว วางใจเถอะน่า ไม่จำเป็นจะต้องไปแตะวิหารเทพ ข้านั้นก็มีวิธีอยู่แล้ว!”
ฉินชวนนั้นรีบคุกเข่าลงในทันที ก่อนที่เอ่ยเสียงดัง “ขอบคุณที่ท่านแส้มังกรนั้นยกโทษให้ครับ!”
“ฉินเปียวนั้นได้ลักลอบฆ่าสมาชิกของมังกรซ่อนรูป อีกทั้งยังได้ทำการเผาค่ายของมังกรซ่อนรูป อีกทั้งยังหยิ่งผยองจองหอง มังกรซ่อนรูปตะวันตกที่ได้หลบซ่อนตัวอยู่นั้น จะให้มานั่งเฉยๆไม่จัดการได้อย่างไร!”
“ขอให้ท่านออกคำสั่งเถอะ!
“ฉินชวนกับทั้งมังกรซ่อนรูปตะวันตกนั้น ยินยอมที่จะทำตามคำสั่งของแส้มังกร จะต้องไปตกน้ำลุยไฟ ก็จะสู้ตายจนไม่ถอยน!”
พวกเขานั้นเดิมพันกับตนเอง ว่าทั้งชีวิตและต่อไปนี้ของมังกรซ่อนรูปตะวันตก จะสู้ชนต่อสู้กับตระกูลฉิน
ทุกอย่างที่ได้ทำเช่นนี้ ด้านหนึ่ง นั้นก็เพื่อนการล้างแค้น อีกด้านหนึ่งนั้น ก็เพื่อที่จะช่วยเหลือฉินเทียน
เฟ่ยเทียนอิงเอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น “แส้มังกร ขอให้ท่านออกคำสั่งมาเถอะครับ!”
“ผมนั้นจะพาคนไปฆ่าต่อสู้ถึงเมืองฉิน ตระกูลฉินนั้นจะต้องส่งฉินเปียวออกมาจะโดยดี หากไม่ส่งมาล่ะก็ ข้านั้นก็จะไปจับมาให้ได้”
ทุกคนนั้นต่างก็ตื่นเต้นรอให้ฉินเทียนนั้นออกคำสั่ง
ฉินเทียนเอ่ยอย่างเย็นชา “เหตุผลเลยก็คือ จะมาแบบไม่มีของขวัญเลยก็คงไม่ได้”
“ฉินเปียวเขานั้นไม่ได้ส่งของขวัญให้ข้าแล้วไม่ใช่หรอ?งั้นข้านั้นก็ควรจะส่งกลับสักครั้งสิ”
“พวกเจ้ามากับข้าเถอะ!”
ไฟนั้นไหม้ได้ถูกควบคุมเอาไว้ได้แล้ว ถึงแม้จะเสียหายไปเยอะ แต่ว่าที่ฐานรากของค่ายใหญ่นั้น ยังนับว่าไม่ได้ถูกทำลายทั้งหมด
หลังจากนี้จากการซ่อมแซมแล้ว ยังพอที่จะสามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
ในรอบนี้ นอกจากได้สูญเสียทางการเงินไปครั้งใหญ่ แต่ไม่ได้มีการสูญเสียสมาชิก คิดแล้วว่าฉินเปียวนั้นอยากแค่จะข่มขู่ฉินเทียนเฉยๆ ไม่ได้จงใจที่จะมาฆ่าคนจำนวนมากนี้
ดังนั้นตำแหน่งที่ติดตั้งระเบิดนั้น ได้หลีกเลี่ยงจากกลุ่มคน
หรือไม่ ถ้าหากกลุ่มคนนั้นโดนระเบิดแล้ว แน่นอนว่าจะต้องเกิดการตายและบาดเจ็บเอาไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อคิดแล้วฉินเปียวนั้นก็ทราบดีว่า ไม่สามารถที่จะเล่นแรงเยอะจนเกินไป ไม่อย่างงั้น เกรงว่าจะยากที่จะไปอธิบาย
ในห้องลับนั้น นอกจากฉินเทียน จะมีเพียงเหลิ่งหยุน จูจู เฟ่ยเทียนอิงและฉินชวน สามารถเอ่ยได้เลยว่า ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นแก่นหลักทั้งหมด
ฉินเทียนเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ในตอนที่พวกเรานั้นเข้าไปที่ภูเขานั้น ได้แบ่งแยกยี่สิบกว่ากลุ่ม และแยกไปกว่ายี่สิบกว่าเส้นทาง”
“แต่ว่าฝั่งตรงข้ามนั้นสามารถที่จะ ลงมือและพยายามฆ่าทุกกลุ่มได้”
“หลังจากที่พวกเราเดินทางออกไปที่ สำนักใหญ่ได้มีคนคอยคุ้มกันกว่าสี่ร้อยกว่าคน แต่ว่าฝั่งตรงข้ามนั้น ต่างก็สามารถที่จะวางระเบิดได้อย่างเงียบๆ ในหลายสถานที่ โดยที่พวกเรานั้นไม่ทันรู้ตัวเลยด้วยซ้ำ”
“อีกทั้งยังสามารถที่จะบังคับระยะเวลาการระเบิดได้อย่างแม่นยำอีกด้วย”
“นี่สามารถอธิบายได้อย่างไร?”
“อธิบายว่ายังไงกัน?”เฟ่ยเทียนอิงนั้นที่ยังคงสับสนอยู่
ฉินเทียนกัดฟันแล้วเอ่ย“อธิบายได้ว่า ในกลุ่มของพวกเรานั้น มีคนของตระกูลฉินอยู่ยังไงล่ะ”
เขานั้นถอนหายใจแล้วเอ่ย“เดิมทีข้านั้นคิดว่า พวกเราและตระกูลฉินนั้นจะสามารถที่จะไม่ล้ำเข้ามาซึ่งกันและกัน พวกเราไม่ไปยั่วยุพวกเขา พวกเขาก็จะไม่มาหาเรื่องพวกเรา ”
“คิดไม่ถึงเลยว่า ในตอนนี้นั้น พวกเราเผ่ามังกรซ่อนรูปนั้นจะโดนตระกูลฉินนั้นมองเห็นรู้จนทะลุปรุโปร่งไปตั้งนานแล้ว”
“ไม่รู้ว่าได้มีกี่คนแล้วที่เป็นกบฏ และกลายเป็นสายลับให้กับพวกเขาแล้ว”
“แย่แล้ว!”เฟ่ยเทียนอิงนั้นได้ปรากฏสีหน้าที่ยากจะเชื่อ ก่อนที่จะเอ่ยด้วยความโกรธ “พวกเขานั้นกล้าที่จะทรยศ ข้านั้นจะไปฆ่าพวกเขาเอง!”
ฉินชวนเอ่ยอย่างจนปัญญา “อาจารย์ คุณจะฆ่าใคร?”
“คนตั้งมากมาย พวกเราจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครคือกบฏ?”
เฟ่ยเทียนอิงตอนนี้ถึงปรากฏสีหน้าสุดงงงวย และเอ่ยไม่ออก
“แส้มังกร ท่านนั้นได้มีความคิดดีๆแล้วใช่ไหมครับ?”
“มีความคิดยังไง ขอให้ท่านพูดอธิบายออกมาทีเถอะ”ฉินชวนได้เอ่ยขอร้องอีกครั้ง
ฉินเทียนพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เจ้าพวกทรยศพวกนี้ ไม่ใช่แค่เวลาแป๊บเดียวก็สามารถที่จะขุดออกมาได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไปนะ
“ยักพวกเขาเอาไว้ก่อน ยังไงสะพวกเรานั้นก็เก็บเอาไว้ใช้ประโยชน์ก่อน”
“ฉินชวน เจ้าออกคำสั่งไป เกี่ยวกับความสูญเสียของ สำนักใหญ่ และสมาชิกทุกคนนั้น จะได้รับการหยุดพักเป็นเวลาหนึ่งเดือน รอให้สำนักใหญ่นั้นได้รับการซ่อมแซมเสร็จก่อน แล้วค่อยกลับมาทำงานกัน”
“หนึ่งเดือน ?”ฉินชวนหนึ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย“แส้มังกร หรือว่าท่านคิดว่าหลังจากที่เตรียมพร้อมแล้วหนึ่งเดือนท่านหนึ่งจะไปจัดการเอาความรับผิดชอบกับพวกฝั่งตรงข้าม?”
“เรื่องนี้ยังไม่สายหรอก พวกเรานั้นจะต้องรีบจัดการในขณะที่เรื่องนี้กำลังเดือนคุกรุ่นอยู่นะ!”
ฉินเทียนเอ่ยยิ้มออกมา“ มันเป็นปกติอยู่แล้วล่ะที่จะต้องจัดการกลับ ในตอนที่เรื่องนั้นกำลังร้อนระอุอยู่เช่นนี้ แต่ว่า ไม่ได้ใช้คนของพวกเจ้าซีเป่ยนะ”
“ให้พวกเจ้าทั้งหมดนั้นไปพักผ่อนหยุดกัน เพื่อให้ฝั่งตรงข้ามนั้นชะล่าใจ แล้วให้ปล่อยให่พวกเขานั้นชะล่าใจจนปล่อยวางการเฝ้าระวังลงส่ะ”
“ไม่ต้องใช้คนของซีเป่ย ……”เหลิ่งหยุนขมวดคิ้ว ก่อนจะเอ่ย “พี่เทียน พี่คิดที่จะใช้กำลังขององค์กรคำสาปสวรรค์หรอ?”
องค์กรคำสาปสวรรค์นั้นเป็นต้นแบบของวิหารพญายม หากพละกำลังในวันนี้ กับวิหารพญายมในยุครุ่งโรจน์นั้น ถึงแม้จะจะไม่สามารถเอาไปเปรียบเทียบได้
แต่ว่า ตอนนี้ก็ได้พัฒนาจนไปถึง ห้าพญายมแห่งนรกแล้ว อีกทั้งยังรวมถึงฉานจุ้น ผีหวูฉางและคนอื่นๆของ สำนักใหญ่แล้ว สามารถเอ่ยได้เลยว่า นับว่าได้เป็นพละกำลังที่แข็งแกร่งและน่ากลัวเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าจะดึงเอาห้าพญายมแห่งนรกมา จะว่าไม่สามารถที่จะไปชนกับตระกูลฉินเลยก็ไม่ได้
“ไม่สิ เพื่อให้ปรมาจารย์นั้นมีชื่อเสียงออกไป พวกเรานั้นจะต้องใช้พละกำลังของพวกเราเผ่ามังกรซ่อนรูป
“แต่ว่า เพื่อจะได้ใช้กองกำลังในตอนที่พวกเขาไม่ทันสนใจ ข้านั้นคิดอยากที่จะใช้กองกำลังทหารของสถานที่อื่นก่อน”
เอ่ยแล้ว ฉินเทียนนั้นก็มองไปที่จูจู
จูจูเม้มปากยิ้มเอ่ยออกมา“คุณคิดอยากที่จะใช้คนของทางใต้ของพวกเราหรอ?”
“พอดีเลย ทางใต้นั้น เพิ่งจะไปปรับปรุงเสริมความแข็งแกร่งมา พวกเขานั้นคงจะต้องการโอกาสในการฝึกแสดงอย่างเร่งด่วนแล้วล่ะ”
“เอ่ยแล้ว ว่าแต่หน้าที่ภารกิจมันคือยังไงกัน”
ฉินเทียนเอ่ยเสียงเบา“เจ้านั้นรีบไปออกคำสั่งเลย ให้เตรียมกองกำลังชั้นยอดประมาณสามสิบคน ส่วนที่เหลือนั้นไปนั่งเครื่องบินรบ และรีบไปที่เมืองซินเฉิง”
“ระวังด้วยล่ะ อย่าไปตีหญ้าให้งูตื่น ตั้งนั้นให้รออยู่นอกเมืองเพื่อรอคำสั่งนะ”
“เมืองซินเฉิง?”ฉินชวนนั้นไม่เข้าใจแล้วเอ่ย“แส้มังกร ทำไมจะต้องไปที่เมืองซินเฉิงด้วยล่ะ?”
“ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ฐานทัพหลักของพวกคุณตระกูลฉินหรอกหรอ”
ฉินเทียนยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเอ่ย“เมืองซินเฉิงนั้นไม่ใช่ฐานทัพของตระกูลฉิน แต่ว่าเป็นสถานที่ทรัพยากรของตระกูลฉิน”
“ตามที่ข้านั้นรู้มา ว่าที่เมืองซินเฉิงนั้น ซีเตี้ยนเป็นผู้ดูแลเมือง เขาคือหนึ่งในห้ากษัตริย์ของตระกูลฉิน ถึงแม้จะจัดอยู่ในลำดับสุดท้าย แต่ว่าเขานั้นได้เป็นคนแรกๆที่ต่อต้านย้ายข้างจากแม่ของฉินเปียว”
“ส่วนตระกูลฉินในนั้นนี้นั้น มีพละกำลังมากมาย ถึงแม้จะโดนแม่ของฉินเปียวควบคุม แต่ว่าซีเตี้ยน นับว่าเป็นคนที่สำคัญที่สุด นับว่าเป็นกระดูกแกนสันหลังของพวกเขาเลยล่ะ ”
“ฉินเปียวเขานั้นไม่ได้ส่งของขวัญชิ้นใหญ่ให้ข้าไม่ใช่หรอ?ถ้าอย่างงั้นข้านั้นจะจัดการซีเตี้ยนส่ะ และตัดแกนกระดูกสันหลังของพวกเขาทิ้งส่ะ!”
เข้านั้นได้ฆ่าเพื่อนของข้า งั้นข้าก็จะตัดกระดูกสันหลังของเจ้า!
การล้างแค้นนี้ โหดเหี้ยมเกินกว่าที่จะอธิบายได้!
ดังนั้น ฉินชวนและคนอื่นๆนั้น ในตอนแรกต่างก็ยังตกตะลึงอยู่ เพราะว่าซีเตี้ยน นั้น นับว่าเป็นกษัตริย์หนึ่งในห้าของตระกูลฉิน
จะเอ่ยอว่าอยากจะจัดการก็จัดการงั้นหรอ?
เป็นเวลาอยู่นาน ก่อนที่ ฉินชวนนั้นจะถอนหายใจออกมา “ขอถามแส้มังกร ว่าเตรียมพร้อมที่จะจัดการยังไง?”
“จากที่ข้ารู้ มานะ ที่เมืองซินเฉิงนั้นได้ถูกซีเตี้ยนบริหารพัฒนาเหมือนทำมาจากทองคำเลยล่ะ หากจะใช้พละกำลังคนของมังกรซ่อนรูปทางใต้ เกรงว่า ……”
พวกเขานั้นไม่ได้เอ่ยอธิบาย แต่ว่าความหมายนั้นก็ไม่ได้ชัดเจนมากนั้น ให้สมาชิกสามสิบคนนั้นเข้าไปที่เมืองซินเฉิง งั้นเหมือนการส่งคนไปตายเลยน่ะ
ฉินเทียนเอ่ยยิ้มเยือกเย็น“ถ้าอย่างงั้นก็ต้องลงมือในที่ที่พวกเขาคิดไม่ถึงยังไงล่ะ!”
“ในคืนนี้นั้น ข้ากับหนานจุน(หัวหน้ามังกรซ่อนรูปภาคใต้)นั้นจะนำพาคนอื่นๆไปเอง แล้วก็ไปจัดการฝ่ายผู้นำของพวกเขาก่อนส่ะ ”
“แต่ว่า อยากให้พวกปรมาจารย์นั้นมีชื่อเสียงออกไป งั้นก็ไม่สามารถที่จะลงมือฆ่าคนด้วยความแค้นส่วนตัวน่ะสิ”
“ตามที่ข้ารู้นั้น ซีเตี้ยนนั้นเป็นคนที่เย่อหยิ่งจองหอง วิปริต เอาแต่จะฆ่าคนตลอด ได้มีผู้คนบริสุทธิ์ในเมืองซินเฉิงนั้นได้ตายในน้ำมือของเขานั้นไปไม่น้อยเลยล่ะ”
“เขานั้นยังมีลูกชาย มีนามว่าซีคุน คนนี้นั้นยิ่งไร้สาระศีลธรรม เอาแต่ปล้นคน ข่มขืนผู้หญิง ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”
“ฉินชวน รวบรวมหลักฐานเอาไว้ รวมถึงปกป้องพยานในเรื่องนี้ ข้าให้เจ้านั้นจัดการ สามารถจะทำได้ไหมล่ะ?”