บัญชามังกรเดือด - บทที่ 768 น้องหยุน
บัญชามังกรเดือด บทที่ 768 น้องหยุน
กู้หมิงกลับมายังสำนักงานใหญ่ของมังกรซ่อนรูป รายงานสถานการณ์ของตระกูลฉิน
หลังจากได้รับฟัง ฉินเทียนแสดงรอยยิ้มพึงพอใจ อันที่จริงใครก็รู้ เรื่องที่ต้องการจะจับกุมฉินเปียวนั้นไม่สามารถเป็นไปได้
ส่งคนไปขัดขวางและสังหารสมาชิกของมังกรซ่อนรูป อีกทั้งยังวางระเบิดและลอบวางเพลิงค่ายใหญ่ ใครไม่รู้บ้างว่าเป็นฝีมือของฉินเปียว เหตุการณ์ก่อนระเบิด ฉินเปียวเองก็ปรากฏตัวออกมาและพูดประกาศ
แต่อย่างไรก็ตามต้องบอกว่าความคิดของฉินเปียวนั้นละเอียดรอบคอบมาก หลักฐานที่ตรงที่สุดคือคำพูดนั้น เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่สวมหน้ากาก
ยิ่งกว่านั้น หลังจากการประกาศเสร็จสิ้น แม้แต่หน้าจอขนาดใหญ่ก็ถูกทำลาย ไม่มีหลักฐานที่แท้จริงเหลืออยู่
แต่ทว่าการเดินทางของกู้หมิงที่ไปเยี่ยมเยียนตระกูลฉิน ขณะเดียวกันก็เป็นการรักษาเกียรติของมังกรซ่อนรูป เขาได้รับค่าชดเชยมาหนึ่งร้อยล้านหยวน
แม้แต่ตระกูลฉินก็ยังเป็นฝ่ายจ่ายค่าชดเชย ในอนาคตชาวซีเป่ยจะกล้าดูแคลนการมีอยู่ของมังกรซ่อนรูปได้อย่างไร?
นี่คือความสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แม้ว่านายหญิงใหญ่จะไม่ยอมรับว่านี่คือการจ่ายค่าชดเชย แต่กลับกล่าวว่าเป็นการบริจาคให้ด้วยศีลธรรม แต่ทุกคนนั้นรู้อยู่แก่ใจว่านั่นคือข้อตกลง
ใช้เงินหนึ่งร้อยล้านเพื่อให้เวลาฉินเปียวชนะในหนึ่งเดือน
อันที่จริง นี่ไม่เท่ากับว่าเป็นการให้ชัยชนะแก่มังกรซ่อนรูปและฉินเทียนเป็นเวลาหนึ่งเดือนหรอกหรือ
ในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ ทั้งสองฝ่ายสามารถปรับกองกำลังพลและจัดกำลังพลใหม่ได้
แม้ว่าฉินเทียนจะเกลียดคุณย่าคนนี้มาก แต่เขาต้องยอมรับ คำพูดที่เธอกล่าวออกมานั้นทุกหยดน้ำลายเป็นเสมือนตะปู
ในเมื่อหล่อนกล่าวมาว่าในระยะเวลาหนึ่งเดือน เช่นนั้นจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น
หลังจากที่ผ่านพ้นหนึ่งเดือนนี้ไป ทุกคนต่างรู้ดี การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันนั้นจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น การเผชิญหน้ากันก็กำลังจะมาถึง
ฉินเทียนรู้สึกว่าในขณะที่เป็นเวลาว่าง เขาควรจะกลับไป ประการแรกเพื่อไปหาซูซู ประการที่สองเขาต้องรวมกองกำลังของเขาเพื่อรับมือกับการตอบโต้ที่บ้าคลั่งของตระกูล
ทำลายซีเตี้ยน เขายืมพลังอำนาจของมังกรซ่อนรูป แง่หนึ่งเป็นการระบายความโกรธแค้นแทนมังกรซ่อนรูป ในอีกแง่หนึ่งนั้นคือเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
แต่หลังจากนี้ เขาไม่ต้องการใช้อำนาจทางการใดๆอีกต่อไปแล้ว การเผชิญหน้ากับครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
ตรงหน้าฮั่นจงนั้นไม่มีเรื่องอะไรแล้ว คฤหาสน์หูซื่อและสำนักงานใหญ่ของมังกรซ่อนรูปอยู่ภายใต้การปรับปรุงอย่างเต็มรูปแบบ
ยังมีเวลามากกว่า20วัน งานแต่งระหว่างเถียโถวและหานหลิงจะถูกจัดขึ้น นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฉินเทียนรู้สึกโชคดี
มีระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ สามารถจัดงานแต่งระหว่างเถียโถวและหานหลิงได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย
นี่เป็นอีกหนึ่งความปรารถนาของฉินเทียน
เขารับปากกับทุกคนไว้ ก่อนวันแต่งงานเขาจะต้องกลับไปอย่างแน่นอน จัดแจงเรื่องบางอย่างอีกหน่อย เขาก็จะกลับไปยังทางใต้
เหลิ่งหยุนต้องการติดตามไปด้วย ตามความคิดของฉินเทียน อันที่จริงเขาต้องการให้หล่อนกลับไปยังญี่ปุ่น รับผิดชอบดูแลทีมงูของหล่อน เรื่องครอบครัวของฉินเทียน ฉินเทียนไม่ต้องการให้หล่อนเข้ามาข้องเกี่ยว
แต่เหลิ่งหยุนเองก็มีเหตุผลของหล่อนเช่นกัน หล่อนเองก็ต้องการเข้าร่วมงานแต่งด้วย อีกทั้งฮั่นจงก็คือบ้านเกิดของหล่อน ถ้าหากเป็นไปได้ ไม่แน่ว่าหล่อนอาจจะกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนของตน
เมื่อถึงเวลานั้นก็จะพาทีมงูกลับมาด้วย
ฉินเทียนคัดค้านทันใด
ทีมงูยังคงเป็นพละกำลังของวิหารเทพ เป็นทีมนักฆ่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก การย้ายกลับคืนประเทศนั้นเกรงว่าคงไม่สะดวกนัก
เหตุผลที่สองของเหลิ่งหยุน เธอเองก็เป็นน้องสาวคนเล็ก เธอก็ต้องไปเยี่ยมเยียนพี่สะใภ้ของเธอ
สิ่งนี้ทำให้ฉินเทียนไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำได้เพียงแค่พาเธอไปด้วย ขึ้นเครื่องและตรงไปยังหลงเจียงกับเขา
สนามบินหลงเจียง เหลิ่งเฟิงมารับพวกเขา
ไม่พบเจอกันเนิ่นนาน เมื่อเห็นฉินเทียน ดวงตาของชายคนนั้นแดงก่ำ หลังจากทำความเคารพ เขาก็เข้ามากอดฉินเทียน
มองไปยังภาพฉากที่คุ้นเคย บรรยากาศดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกลิ่นที่คุ้นเคย ฉินเทียนเองก็เผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยนที่ห่างหายไปเนิ่นนาน
“ที่บ้านสบายดีกันหรือไม่?”
“ฉันว่านายทำตามใจตัวเองมากเกินไปหรือไม่? ช่วงนี้อย่างน้อยก็หนักขึ้นสักหนึ่งกิโลครึ่ง”
เหลิ่งเฟิงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “พี่เทียน พี่มีตาทิพย์งั้นเหรอ?”
“ไม่มากไป ไม่น้อยไป หนึ่งกิโลครึ่งพอดีเป๊ะ”
“ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องราวสงบดีหรอกหรือ เหล่าพี่น้องต่างก็ว่างและไม่มีเรื่องอะไรทำ เหลยเป้าไม่ทำอะไรก็มักจะชวนฉันไปดื่ม…”
ฉินเทียนยิ้มและก่นด่า “ฉันทำงานหนักนอกบ้าน แต่ทุกวันพวกนายกลับเอาแต่ดื่มสังสรรค์”
“ดูเหมือนว่าฉันจะทำให้พวกนายว่างจนเกินไปแล้วสินะ”
เหลิ่งเฟิงยิ้ม สายตาขอเขาจ้องมองเหลิ่งหยุนที่อยู่ด้านข้าง อดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลาย เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่เทียน หญิงงามคนนี้คือ?”
เมื่อเห็นสายตามันวาวของเหลิ่งเฟิง ฉินเทียนเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ทำไม นายชอบเหรอ?”
“ให้หล่อนเป็นแฟนนายเอาไหม? เมื่อพูดถึง นายกับหล่อนก็ดูจะดวงสมพงษ์กันนะ?”
“จริงเหรอ?” ดวงตาของเหลิ่งเฟิงเป็นประกาย แต่ทว่าเขากลืนน้ำลายและพูดอย่างเขินอาย “พี่เทียน พี่เองก็รู้ ฉันน่ะมีหลินเซวี่ยแล้ว”
“ชายอกสามศอกควรยึดมั่นในรักเดียว ผมจะหักหลังหลินเซวี่ยได้อย่างไร”
“แต่ทว่าหญิงงามเช่นนี้ ได้เป็นเพื่อนสนิทกันก็นับว่าไม่เลว”
ฉินเทียนพูดไม่ออกชั่วขณะหนึ่ง ชายคนนี้ติดตามเฉินเอ้อร์กั่ว มีคุณสมบัติที่จะพัฒนาไปสู่เจ้าแห่งท้องทะเล
“เธอชื่อเหลิ่งหยุน นายว่านายกับเธอนั้นดวงสมพงษ์กันมากใช่หรือไม่?”
เหลิ่งหยุน?
เหลิ่งเฟิงรีบยื่นมือใหญ่ของเขาออกมา ยิ้มกว้างและเอ่ย “สาวสวย ผมชื่อเหลิ่งเฟิง ผมกับคุณนั้นมีวาสนาต่อกันจริงๆ”
“มาเป็นเพื่อนกันเถอะ”
เหลิ่งหยุนยื่นมือออกไป จับมือกับเหลิ่งเฟิง ยิ้มพลางกล่าว “งั้นเหรอ? เป็นเรื่องที่ดีมากเลย”
“เหลิ่งเฟิงดูเป็นคนที่มีพรสวรรค์ เมื่อมองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นชายที่มีศักยภาพ”
“ฉันชอบเป็นเพื่อนกับผู้ชายที่มีศักยภาพมากที่สุด”
ด้วยคำชื่นชมที่ออกมาจากปากของสาวงาม อีกทั้งท่าทางของเหลิ่งหยุน ทำให้เหลิ่งเฟิงรู้สึกดีมาก
เขาเอ่ยด้วยความกระตือรือร้น “น้องหยุนนั้นช่างมีสายตาเฉียบแหลม!”
“กำลังของผมเหลิ่งเฟิง ไม่สามารถเทียบได้กับพี่เทียน”
“แต่ทว่าภายในวิหารทำ ผมเองก็มีหน้ามีตาไม่น้อย ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นบอดี้การ์ดของพี่สะใภ้เทียนได้อย่างไร”
“น้องหยุน คุณชอบศิลปะการต่อสู้หรือไม่? เมื่อกลับไปแล้วฉันสามารถสอนคุณได้”
“ถ้าหากไม่ชอบใช้กำลังก็ไม่เป็นไร ผมนั้นเป็นนักแม่นปืนด้วย ผมสามารถสอนคุณยิ่งปืนได้”
เหลิ่งหยุนเม้มริมฝีปากและยิ้ม “ฉันจำได้ว่าเคยมีคนผู้หนึ่งได้พบเห็นฉันในครั้งแรก เขาเองก็พูดเช่นนี้กับฉัน”
“ใช่แล้ว เขาก็เป็นคนในวิหารเทพของพวกคุณ ไม่รู้ว่าคุณรู้จักหรือไม่?”
เหลิ่งเฟิงรีบเอ่ย “ชื่อว่าอะไรหรือ?”
“ไม่ใช่ผมหรอก ภายในวิหารเทพ นอกจากพี่เทียนแล้วผมนั้นไม่เคยยอมรับใคร”
เพื่อปรับปรุงภาพลักษณ์ของเขาในใจของเหลิ่งหยุน เขาเริ่มวางกลอุบาย
เหลิ่งหยุนยิ้มและเอ่ย “เขาชื่อเฉินเอ้อร์กั่ว”
“เฉินเอ้อร์—” เหลิ่งเฟิงอ้าปากค้าง
เหลิ่งหยุนยิ้มพลางกล่าว “ชื่อนี้เมื่อได้ยินแล้วเหมือนเป็นอันธพาล ไม่สามารถเทียบกับพี่เหลิ่งได้เลย”
“พี่เหลิ่งเฟิง เฉินเอ้อร์กั่วผู้นี้จะต้องเป็นลูกน้องที่พ่ายแพ้ของคุณใช่หรือไม่?”
“เอ่อคือ—” เหลิ่งเฟิงเกาศีรษะ เอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำ “พี่กั่วนั้นนับว่าดีมาก”
“เมื่อเทียบกับผม อือ ในทุกด้านผมยังดีกว่านิดหน่อย แต่ทว่า—-”
เมื่อฉินเทียนเห็นว่าเหลิ่งเฟิงตกหลุมพราง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะเขา “ลืมบอกนายไป”
“น้องหยุนของนายยังมีอีกชื่อหนึ่ง เธอชื่อว่าเหลิ่งน่ายจื่อ”
“คนภายนอกชอบเรียกเธอว่าราชินีงู”
“งะงู—-” เหลิ่งเฟิงราวกับถูกฟ้าผ่า จ้องมองเหลิ่งหยุนที่กำลังยิ้มแย้ม ราวกับว่าเขาเห็นงูที่งดงามและมีพิษร้ายกาจที่สุดในโลก
งูแสนสวยตัวนี้ แม้แต่พี่กั่วของพวกเขาก็ไม่กล้ายั่วยุหล่อน
เขาทำอะไรลงไป? เขานั้นพยายามหยอกเย้าราชินีงูแห่งวิหารเทพ!
เดิมทีเมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่น่ารักของเหลิ่งหยุน เขาคิดว่าเป็นผู้ช่วยที่ฉินเทียนพากลับมาด้วยก็เท่านั้น
“พี่เหลิ่งเฟิง ทำไมไม่พูดอะไรแล้วล่ะ?” เหลิ่งหยุนเม้มปากและยิ้ม