บัญชามังกรเดือด - บทที่ 769 รักกัน
บัญชามังกรเดือด บทที่ 769 รักกัน
เมื่อได้ยินคำว่า ‘พี่เหลิ่งเฟิง’ เหลิ่งเฟิงชะงักงัน ใบหน้าซีดเผือด
เขาคำนับอย่างรวดเร็วและพูดเสียงดัง “ศิษย์น้องได้พบกับราชินีงูแล้ว!”
“ได้มารับราชินีงู นับได้ว่าเป็นเกียรติของศิษย์น้อง!”
“ราชินีงู เชิญทางนี้!”
แม้แต่ฉินเทียนเองก็คาดไม่ถึง เหลิ่งเฟิงเด็กไร้ยางอายคนนี้ มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะมีชีวิตรอด
วินาทีก่อนยังคงเป็นน้องหยุน วินาทีถัดมาเรียกตนเองว่าศิษย์น้องอย่างไร้ยางอาย
ดูเหมือนว่าเงาของราชินีงูที่มีต่อเฉินเอ้อร์กั่วนั้นจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องทุกคนที่อยู่ภายใต้บัญชาของราชาหมา
เหลิ่งหยุนหัวเราะเล็กน้อยและเอ่ย “อย่ากลัว พี่สาวจะไม่ทำร้ายคุณ”
“พี่เทียน พวกเราไปกันเถอะ”
ขณะที่กล่าว เธอหันไปควงแขนของฉินเทียนอย่างเป็นธรรมชาติ
ฉินเทียนเห็นความแปลกประหลาดในดวงตาของเหลิ่งเฟิง สายตาของคนมากมายรอบตัวเขาก็จ้องมองมาอย่างแปลกประหลาด
ทำอย่างไรได้ แม้ว่าเหลิ่งหยุนจะสวมชุดธรรมดาและเรียบง่าย แต่ทว่าด้วยใบหน้าและรูปร่าง รวมถึงออร่าของเธอ ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ย่อมกลายเป็นจุดสนใจ
ภายในสายตาของผู้ชายหลายคนนั้นมีความปรารถที่ไม่อาจซ่อนเร้นไว้ได้
เพียงแต่ว่า เมื่อเห็นว่าคนอย่างฉินเทียนและเหลิ่งเฟิงอยู่ข้างกาย พวกเขานั้นไม่กล้าเข้ามาพูดคุยด้วย
ฉินเทียนกระแอมอย่างอึดอัด รีบก้าวเท้าไปยังลาดจอดรถของสนามบิน
ระหว่างทาง เมื่อคิดว่าเร็วๆนี้จะได้กลับบ้าน ได้พบภรรยาที่ไม่ได้เจอกันมาเนิ่นนาน เขาไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ได้
เขาถามถึงสถานการณ์ของซูซูอีกครั้ง อาทิเช่นหล่อนอารมณ์ดีทุกวันหรือไม่ กินเยอะหรือเปล่า
เหลิ่งเฟิงขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเอ่ยด้วยความลำบากใจ “พี่เทียน พี่ก็รู้ ผมนั้นเป็นคนหยาบกระด้าง รายละเอียดบางอย่างผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ”
“จากที่ผมคอยสำรวจ พี่สะใภ้นั้นดูเป็นปกติดี ทุกวันเธอมักจะอยู่ภายในอุทยานมังกร กินอิ่มนอนหลับ ไม่มีเรื่องอะไรมารบกวนใจเธอเลย”
“ทางด้านบริษัท หลิวชิงและเพื่อนของเธอนั้นคอยจัดการ บางครั้งก็มาที่อุทยานบ้าง มาพูดคุยกับพี่สะใภ้คลายความเบื่อหน่าย”
“ช่วงก่อนหน้านี้ ดาราดังอย่างหลิวหรูยู่ก็มาพักที่นั่นอยู่สองสามวัน”
ฉินเทียนสูดลมหายใจเข้าและเอ่ย “เช่นนั้นก็ดี”
“แล้วเรื่องอาหารล่ะ? การกินอาหารของเธอเป็นอย่างไรบ้าง กินเยอะไหม?”
เหลิ่งเฟิงยิ้มและเอ่ย “เรื่องนี้ พี่ไม่ต้องกังวลเลย”
“ป้าหยางจ้างแม่ครัวฝีมือดีมาทำอาหาร ทำอาหารตามใจพี่สะใภ้ทุกวันและอาหารนั้นไม่ซ้ำจำเจเลย”
ขณะกล่าว เขากระแอมสองครั้ง “อันที่จริงไม่ใช่แค่ฉัน เหล่าพี่น้องภายในอุทยานต่างก็น้ำหนักเพิ่มขึ้นกันทุกคน”
“ช่วยไม่ได้ แม่ครัวที่ป้าหยางนั้นจ้างมา ทักษะการทำอาหารนั้นเยี่ยมยอด อาหารที่พี่สะใภ้ทานไม่หมด จะทิ้งก็เสียดาย เช่นนั้นอาหารทั้งหมดนั้นเลยมอบให้กับพวกฉัน…”
ฉินเทียนยิ้มพลางก่นด่า “ภรรยาของฉันตั้งท้อง พวกนายก็เลยได้อาศัยบารมี กินให้ท้องกลมกันไปเลย”
แต่หลังจากได้ยินเช่นนี้ เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้น
ใครจะรู้ เหลิ่งเฟิงเกาศีรษะ เอ่ยด้วยท่าทีลำบากใจเล็กน้อย “แต่ทว่ามีคราหนึ่งหลินเซวี่ยบอกกับฉันด้วยท่าทีหนักอกหนักใจ หล่อนกล่าวว่าอันที่จริงแล้วพี่สะใภ้ทำงานหนักมากในทุกวัน”
“เธอกินอาหารเต็มที่ แต่ทว่าก็ยิ่งผอมลงเรื่อยๆ สภาพจิตใจไม่ดีนัก ทุกวันเอาแต่ง่วงซึม”
“เวลาที่ไม่มีใครอยู่ หล่อนมักจะนั่งอยู่ริมหน้าต่างเพียงลำพัง ทอดสายตามองไปไกล ท่าทีหดหู่และไม่มีความสุข”
“ปกติแล้วท่าทางที่หล่อนแสดงออกมานั้นดูเป็นปกติและมีความสุขมาก เพียงเพราะไม่ต้องการให้พี่เทียนเป็นกังวลก็เท่านั้น”
“เพราะพี่สะใภ้รู้ ถ้าหากหล่อนแสดงออกมาและเมื่อพวกเราเห็น พวกเราจะต้องนำมารายงานต่อพี่เทียนอย่างแน่นอน”
“เป็นไปได้อย่างไร?” ฉินเทียนขมวดคิ้ว ฉับพลันสายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
เหลิ่งหยุนอดไม่ได้ที่จะกล่าว “คงไม่ใช่ภาวะซึมเศร้าขณะตั้งครรภ์หรอกใช่ไหม?”
ฉินเทียนถอนหายใจและกล่าวโทษตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่ซูซูตั้งครรภ์และก่อนหน้านี้เธอเองก็ไม่ได้เตรียมใจเอาไว้
หลังจากที่เธอตั้งครรภ์ เขาก็เอาแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องภายนนอก เวลาที่เขาอยู่กับเธอนั้นก็น้อยมาก
เธออยู่ภายในอุทยานมังกร แม้ว่าจะมีคนอยู่ด้วยมากมาย แต่ทว่าเมื่อตกกลางคืนล่ะ?
หญิงมีครรภ์อยู่คนเดียวภายในห้องโล่งและกว้าง ผ่านพ้นค่ำคืนที่แสนยาวนานไปได้อย่างไร?
“เร็ว ขับให้เร็วกว่านี้อีกหน่อย!” เขาอดไม่ได้ที่จะเร่ง
“ครับ!” เหลิ่งเฟิงเหยียบคันเร่งในทันใด ความเร็วนั้นเพิ่มถึงกำลังสูงสุด
รถคันดังกล่าวมุ่งหน้าไปยังอุทยานมังกร
จากระยะไกล เมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยนั่งอยู่บนชิงช้า วินาทีนั้นฉินเทียนไม่อาจสงบลงได้
“ซูซู!”
เขารีบลงจากรถและตรงเข้าไปหาเธอด้วยความตื่นเต้น
เนื่องจากการกลับมาอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้ฉินเทียนเองก็คาดไม่ถึงเลยว่าต่งซวงจุนนั้นจะขอเวลาหนึ่งเดือน อีกอย่างเพื่อที่จะเซอร์ไพรส์ซูซู
ดังนั้นการตัดสินใจกลับมาในครานี้จึงไม่ได้บอกกล่าวซูซู
เมื่อได้ยินเสียงนี้และเห็นร่างที่คุ้นเคยวิ่งมาหาเธอ ร่างกายของซูซูสั่นสะท้ายและลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้น
“ที่รัก!” เธอร้องเรียกและลืมกินแอปเปิลที่อยู่ภายในมือ
ฉินเทียนพุ่งเข้ามาราวกับลมกระโชก เขาเหยียดมือออกมาและโอบอุ้มซูซู
“ระวังลูกด้วย!” ซูซูรีบกล่าว
ฉินเทียนหัวเราะเสียงดังลั่น เปลี่ยนจากการโอบอุ้มเป็นการอุ้มเธอไว้ในท่าเจ้าหญิง
เขาอุ้มซูซูไว้ภายในอ้อมแขน รู้สึกถึงร่างกายที่เบาบางและบอบบาง เมื่อมองไปที่ผู้หญิงที่เขารัก เขาอดไม่ได้ที่จะพูดอย่างเป็นทุกข์ “ทำไมคุณผอมแบบนี้?”
“ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
แม้ว่าครรภ์ของซูซูนั้นจะโตขึ้นเล็กน้อย แต่ทว่าใบหน้าอันงดงามของเธอนั้นซูบลงเล็กน้อย
เบ้าตาของเธอนั้นยุบลงไปเล็กน้อย ดวงตากลมโตของเธอนั้นเมื่อมองดูแล้วไร้ซึ่งความสดใสร่าเริง
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของฉินเทียน ใบหน้าของซูซูแดงระเรื่อและยิ้มพลางเอ่ย “ไม่ใช่เพราะลูกชายของคุณหรอกหรือ!”
“เด็กคนนี้กินเก่งมาก เขาดูดสารอาหารของฉันไปหมดเลย!”
ฉินเทียนลูบท้องที่ป่องของมาเล็กน้อยอย่างเบามือ ขมวดคิ้วพลางเอาย “ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่เก็บไว้แล้ว”
ซูซูหัวเราะเล็กน้อยและเอ่ย “ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้น คุณก็จริงจังไปได้”
“คุณวางใจเถอะ ทุกสามวันได้ทำการตรวจร่างกาย อาการของฉันและลูกอยู่ในเกณฑ์ปกติ”
ฉินเทียนเป็นกังวล เขาวางซูซูลงบนชิงช้าด้วยความระมัดระวัง เขาคุกเข่าลงตรงหน้า ตรวจชีพจรของเธออยู่เนิ่นนาน เมื่อพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติเช่นนั้นเขาถึงวางใจลงเล็กน้อย
เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ซูซูนั้นเป็นอัมพาตและนั่งอยู่บนรถเข็นมาเป็นเวลานาน เลือดลมภายในร่างกายได้รับความเสียหายอย่างหนัก หลังจากที่ฟื้นตัวได้ไม่นานก็เกิดตั้งครรภ์อย่างกะทันหัน
สำหรับการวิเคราะห์ ท้ายที่สุดแล้วอาจจะเป็นเพราะเธอนั้นอ่อนแอเกินไป
เขาตัดสินใจที่จะควบคุมอาหารที่เป็นยาให้แก่ซูซู หลังจากที่ปรับใช้แล้วอาจจะชดเชยในส่วนที่ขาดหายไปกลับคืนมาได้
“แล้วทำไมจู่ๆคุณถึงกลับมาได้ล่ะ?”
“การไปในครั้งนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีหรือไม่?” ซูซูเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เธอในอดีตนั้นเมื่อมองผิวเผินเธอดูเป็นหญิงสาวที่สุขุมและมีความคิดเป็นผู้ใหญ่ ความจริงแล้วบุคลิกของเธอค่อนข้างเอาแต่ใจและละเอียดอ่อน หลังจากที่ตั้งครรภ์ สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของการเป็นแม่ ตัวเธอนั้นอ่อนโยนขึ้นมาก
ฉินเทียนจับมือเธอและกระซิบเรื่องน่าสนใจบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางไปซีเป่ย
จากระยะไกล เหลิ่งหยุนและเหลิ่งเฟิงนั้นยืนอยู่ด้านข้างรถ จ้องมองภาพเหตุการณ์นี้ภายใต้ความเงียบงัน
สายตาของเหลิ่งหยุนนั้นลึกล้ำ ไม่รู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไร พูดตามจริง ฉินเทียนในความประทับใจของหล่อน เขาเป็นผู้สือบทอดของวิหารพญายม อีกทั้งเป็นผู้นำของวิหารเทพ เป็นบุคคลที่จิตใจที่เร่าร้อนฮึกเหิมอยู่เสมอ องอาจผึ่งผายและสง่างาม
เมื่อสักครู่นี้ฉินเทียนวิ่งไปหาผู้หญิงคนหนึ่งราวกับว่าเป็นเด็กอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เธอรู้สึกตกใจอย่างมาก
ขณะนี้เห็นฉินเทียนกำลังคุกเข่าลงตรงหน้าผู้หญิง จับมือของหญิงสาวคนนั้นและเอ่ยคำพูดบางอย่าง สามารถเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนและสดใสบนใบหน้าของเขาได้อย่างเลือนลาง
เหลิ่งหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถอนหายใจอย่างสบายๆและเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “ราวกับว่าพวกเขานั้นรักกันมาก”
“ก็ใช่!” ราวกับว่าเหลิ่งเฟิงนั้นภูมิใจมาก เขาเอ่ยอย่างตื่นเต้น “พี่เทียนและพี่สะใภ้เทียนนั้นเป็นคู่รักที่สวรรค์สรรสร้าง”
“เมื่อมองผิวเผินพี่สะใภ้เทียนดูเย็นชาเล็กน้อย แต่อันที่จริงแล้วหล่อนใจดีมาก หล่อนไม่เคยถือตัวต่อเหล่าพี่น้องของพวกเราเลย อีกทั้งยังดูแลเป็นอย่างดี!”
“ราชินีงู คุณเป็นอะไรไป?”
“คุณไม่รู้สึกว่าผู้ชายอย่างพี่เทียนจะสามารถมีครอบครัวที่มีความสุขได้เหรอ อันที่จริงแล้วนี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ว่าพวกเราทุกคนนั้นควรดีใจกับเขาหรอกหรือ?”