บัญชามังกรเดือด - บทที่ 869 หมั้นหมายแต่เด็ก
บัญชามังกรเดือด บทที่ 869 หมั้นหมายแต่เด็ก
“ฉันรู้ค่ะ ว่าพ่อสามีไม่ใช่คนใจร้าย คุณพ่อจะต้องมีเหตุผลของตัวเองอย่างแน่นอน ”
“พ่อของหนูเสียชีวิตก่อนวัยอันควร หนูเลยต้องอยู่แม่มาโดยตลอด ตั้งแต่หนูได้แต่งงานกับลูกชายของคุณ และเป็นลูกสะใภ้ของคุณแล้วนั้น ต่อไปนี้หนูก็จะเรียกคุณว่าคุณพ่อ”
“คุณพ่อคะ คุณให้เวลากับฉินเทียนหน่อยนะคะ”
“สิ่งที่เขาต้องเจอรวมถึงความเจ็บปวดที่เขาเคยได้รับ จำเป็นต้องใช้เวลาพักฟื้น”
“ฉันเชื่อว่า วันหนึ่งคุณพ่อและลูกชายของคุณพ่อจะปรับความเข้าใจกันได้ค่ะ”
ซูซูเป็นคนใจกว้างเธอไม่เคยถ่อมตัวหรือทำตัวเอาแต่ใจ ทั้งยังประพฤติตัวอย่างเหมาะสม
ฉินฉีพลางเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึกประทับใจว่า “คุณเป็นเด็กดี”
“น่าเสียดาย ถ้าแม่ของเทียนเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่—”
เขาอยากจะบอกว่า ถ้าแม่ของเทียนเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่เธอคงจะมีความสุขมากขนาดไหนกัน ที่เห็นเทียนเอ๋อร์ของเธอได้พบกับผู้หญิงที่ดีเหมือนกับภรรยาของเขาแบบนี้
หลังจากพูดจบ ฉินฉีพลันนึกบางอย่างได้ขึ้นมา พลางเอ่ยถามออกมาด้วยความเป็นห่วงว่าและเอ็นดูว่า “ฉันสบายดี”
“คุณกับเทียนเอ๋อร์ก็ดุและสุขภาพด้วย”
“โดยเฉพาะคุณ–”
ในตอนที่ฉินฉีกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆ เขาพลันเห็นดวงตาของซูซูที่แดงก่ำ ก่อนใบหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนไป
“ซูซู เมื่อเร็ว ๆ นี้หนูรู้สึกไม่สบายใช่หรือไม่?”
“ฉันหมายถึงเด็กในท้องของเธอ”
“คุณ–”
“พอแล้ว!” เป็นฉินเทียนที่อดทนไม่ได้อีกต่อไป พลางเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นสนใจมันหรอก!”
“ซูซูและลูกในท้องของเธอสบายดี!”
“ไปกันเถอะ!”
ฉินเทียนวิ่งมาดึงมือของซูซูแล้วจากไปในทันที
“เทียนเอ๋อร์ ฟังฉัน—” ฉินฉีไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทว่าใหน้าพลันเผยสีหน้าจริงจังออกมา จนทำให้ฉินเทียนถึงกับตกใจไปเล็กน้อย
ในตอนที่ฉินฉีกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดนั้น
จู่ ๆ ก็พลันมีเสียงร้องโหยหวนมาจากระยะไกล
“ฉินฉี เอาลูกชายฉันคืนมา!”
“คุณควรคืนเปียวเอ๋อร์มาให้ฉัน!”
“ฉันไม่มีวันเลิกกับคุณแน่!”
“ฉินเทียน ฉันจะฆ่าแก!”
“ไอ้สารเลวนี่ฉันไม่มีวันเอาแกไว้แน่!”
เป็นหยางหลิวที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิงวิ่งพุ่งตรงเข้ามาราวกับผู้หญิงบ้า
เธอที่ทำงานหนักมาหลายปี เดิมทีเธอคิดว่าฉินเปียวจะสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลได้นั้น และเธอที่เป็นมารดาก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเสียที
ไม่คิดเลยว่า ราชาซีเตียนจะต้องมาจบชีวิตลง ทั้งยังหักแขนข้างหนึ่งของเธออีกด้วย
ต่อมาบ้านเดิมของเธอก็ถูกทำลาย ซึ่งเป็นการทำลายการสนับสนุนของเธอโดยตรง
จากนั้น หลังจากการต่อสู้ระหว่างฉินเทียนและฉินเปียวนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ไม่มีใครล่วงรู้ อีกทั้งยายแม่มดก็มาเสียชีวิตอย่างน่าอนาถไปอีก
การโจมตีต่อเนื่องเช่นนี้ แต่ยังทำลายเกราะป้องกันของเธออีกด้วย
แต่สิ่งที่น่าสมเพชยิ่งกว่าก็คือแม้แต่สามีของเธอก็ทิ้งเธอไป
ภายใต้ความเศร้าโศกเช่นนี้ หยางหลิวที่เสียสติไปแล้วพลันวิ่งขึ้นมาที่ภูเขาเพื่อสะสางบัญชีกับฉินฉีและฉินเทียน
เมื่อฉินเทียนเห็นรูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนี้แล้วนั้น เขาก็มีอารมณ์ที่ซับซ้อนเช่นกัน เขารู้ดีว่า เขาที่เคยได้รับอันตรายมามากมายนั้น เช่นการโกหกหลอกลวง คำเล่าลือที่ว่าฉินเปียวป่วยระยะสุดท้ายและต้องการไขกระดูกเพื่อรักษาเขา
ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้หญิงคนนี้
และก็เป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ ถึงทำให้แม่ผู้ให้กำเนิดของเขาต้องมามีจุดจบเช่นนั้น และสุดท้ายเธอก็ตายจากเขาไปอย่างอ้างว้างบนเตียงคนป่วย
เป็นเวลาหลายปีที่เขาเฝ้าเกลียดผู้หญิงคนนี้มานานแสนนาน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกถึงคำขอที่ฉินเปียวฝากซูซูมาขอร้องเขานั้น ว่าให้ปลดปล่อยมารดาของเขา
ฉินเทียนรู้ดีว่าฉินเปียวช่วยซูซู เพียงเพราะต้องการจะใช้แลกเปลี่ยนกับชีวิตแม่ของตัวเอง
ในยามนี้เมื่อเห็นผู้หญิงตรงหน้าต้องมามีจุดจบลงเช่นนี้นั้น ความเกลียดชังที่อยู่ภายในใจของเขาเสมือนกับถูกลมพัดหายไปในทันที
ดวงตาของฉินฉีพลันเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจมากมายเขาเพียงแย้มยิ้มให้กับฉินเทียน “ปล่อยเธอให้ฉันเถอะ พวกคุณลงไปก่อนเลย”
“จำที่พ่อพูดเอาไว้ให้ดี ลูกต้องสนใจสถานการณ์ของซูซูเสมอ”
“ฉันจะบอกคุณเกี่ยวกับส่วนที่เหลือในภายหลัง”
ขณะที่เขาพูดจบ ก็หันกลับไปพบหยางหลิวและกอดหญิงสาวที่มีอาการจิตเภทคลุ้มคลั่งไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างแน่น พร้อมกับปล่อยให้เธอข่วนและต่อสู้อยู่เช่นนั้น
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังสูงส่งของฉินฉีแล้ว เขาดูอ้างว้างและโดดเดี่ยวยิ่งนัก พร้อมกับมีความเศร้าแปลกๆ เกิดขึ้นภายในใจของฉินเทียนขึ้นมา
ผู้ชายคนนี้คือพ่อของเขา ไม่ว่าเขาจะปฏิเสธอย่างไร แต่ในแง่ของสายเลือดกันแล้วมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
“ไป!”
ฉินเทียนพลันรู้สึกเป็นกังวลว่า หากเขาอยู่ที่นี่ต่อจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เขาจึงรีบดึงมือซูซูและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากออกจากเขตแดนของเมืองฉินเฉิงมาแล้วนั้นในที่สุด ฉินเทียนก็รู้สึกโล่งใจออกมา แต่นอกจากความผ่อนคลายแล้วนั้น ภายในใจของเขาพลันรู้สึก ราวกับสูญเสียอะไรไปบางอย่าง?
เมืองโบราณที่เป็นถิ่นให้กำเนิดเขา นับแต่นี้เป็นต้นไป เขาจะไม่กลับมาหามันอีกในอนาคตจริง ๆ หรือ?
ซูซูที่เข้าใจอารมณ์ของฉินเทียนเป็นอย่างดีนั้น จึงเข้าไปกอดเขาเสมือนกับลูกแมว
ฉินเทียนนึกถึงปฏิกิริยาและคำพูดของฉินฉีในตอนที่ต้องจากกัน พลางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามซูซูด้วยความเป็นห่วง “คุณสบายดีไหม”
“ทำไมคุณถึงร่างกายผอมลงขนาดนี้ ปกติคุณกินอะไรไม่ค่อยลงเหรอ?”
ซูซูแย้มยิ้มออกมา “ไม่เป็นไรค่ะ”
“นี่เป็นท้องแรก ย่อมต้องรู้สึกลำบากและทรมานเป็นปกติอยู่แล้ว”
“ปกติฉันกินเยอะมากกว่าวัวเสียอีกนะ ”
ฉินเทียนพลันพยักหน้าลงและไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกได้ว่าร่างกายทั้งหมดของซูซูดูอ่อนแอมาก แต่เขาก็คิดว่าเหตุผลที่ซูซูกล่าวออกมาน่าจะเกี่ยวข้องกันมากกว่า นั่นก็คือนี่เป็นอาการตั้งท้องครั้งแรกเท่านั้น
รวมไปถึงเขาที่ไม่ได้อยู่ดูแลเธอเป็นเวลานานอีกด้วย
ฉินเทียนจึงรู้สึกได้ว่า ซูซูจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า หลังจากที่พวกเขากลับไปถึงอุทายานมังกรแล้ว ฉินเทียนจะลงมือทำกับข้าวและคอยดูแลเธอเอง
หลังจากผ่านการเดินป่ามาหลายชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงเมืองฮั่นจงอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ ทั้งฉินชวน หูเฟยและคนอื่น ต่างพากันรวบรวมกำลังพลของมังกรซ่อนรูปมาคอยตรึงกำลังอยู่ที่นอกเมืองฉินเฉิง
เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะตามมา ในตอนที่ฉินเทียนพาซูซูไปที่ภูเขานั้น ฉินเทียนก็ได้ออกคำสั่งให้ถอนกำลังออกมาแล้ว
ในขณะนี้ ทุกคนกำลังมารวมตัวกันอีกครั้งในฮั่นจง เพื่อร่วมฉลองที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติสงครามมาได้
การต่อสู้ครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นผู้ได้รับชัยชนะทั้งหมด!
หูเฟยจัดงานเลี้ยงใหญ่ในคฤหาสน์อีกด้านหนึ่งก็เพื่อร่วมเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของฉินเทียนและอีกด้านหนึ่งเพื่อต้อนรับซูซูกลับบ้าน
น่าเสียดาย เพื่อให้ทีมองค์กรคำสาปสวรรค์รักษาตัวให้ดี ฉินเทียนจึงได้ส่งตัวพวกเขากลับไปที่ทางใต้กันหมดแล้ว
ไม่งั้นคงจะครึกครื้นกันมากกว่านี้แน่
ถึงกระนั้น พวกเขายังคงกินดื่มอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหูเฟยที่ดื่มจนแก้วของเขาหมดไปหลายแก้วแล้ว พร้อมทั้งนัยน์ตาที่ค่อย ๆ เลอะเลือนไปในทันที
“ฉันถามนายแล้วว่าไหวไหม? หากไม่ไหวก็เลิกดื่มเสีย ”
“หานหลิงกำลังตั้งครรภ์อยู่ ถ้านายเมา เธอยังต้องมาคอยดูแลนายตอนเมาอีก” ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อพูดถึงหานหลิงนั้น หูเฟยก็ดึงฉินเทียนไปข้าง ๆ ก่อนพูดอย่างลึกลับออกมาว่า “เอาจริงๆ นายว่าพวกเขาจะเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายกัน?”
ฉินเทียนพลันมองไปที่ซูซูและหานหลิงที่อยู่ไกล ๆ ผู้หญิงสองคนที่กำลังตั้งครรภ์นั้น กำลังจับมือพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันและกัน พวกเธอดูสนิทสนมกันมาก
ฉินเทียนพลันแย้มยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตามความคิดของฉัน แน่นอนว่าฉันชอบผู้หญิงมากกว่า อย่างไรก็ตาม แต่แม่สามีของฉันบอกว่า ตามรูปร่างท้องของซูซูแล้วต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่นอน”
“นายล่ะ?”
“นายชอบผู้ชายหรือผู้หญิง?”
หูเฟยยิ้มกว้างก่อนจะพูดออกมาว่า “ฉันชอบพวกเขาทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ฉันคิดว่าเป็นผู้ชายน่าจะดีกว่า นายรู้ไหมว่าทำไม?”
ฉินเทียนเกิดอาการงงงวยออกมา “ทำไม?”
หูเฟยพลันแย้มยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า ” พวกเราจะได้จับมือกันไง ถ้าของฉันเป็นลูกชายและของนายเป็นลูกสาว ลูกสาวของนายก็จะมาเป็นภรรยาของลูกชายฉันในอนาคตไง!”
ฉินเทียนรู้สึกกังวลเมื่อเขาได้ยินแบบนั้นเมื่อคิดว่าหูเฟยอยากได้ลูกชายเพราะอยากแต่งงานกับลูกสาวของเขานั้น
ฉินเทียนพลันพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่มืดมนว่า “ทำไมลูกสาวของฉันต้องไปเป็นภรรยาของลูกชายนายด้วยเล่า?”
“แน่นอนว่าลูกชายของฉันและลูกสาวของนาย ลูกสาวของนายควรจะมาเป็นภรรยาของลูกชายฉันสิ!”
ใบหน้าของทั้งสองพลันแดงก่ำจากการโต้เถียงกันในทันที
“โอเค โอเค อย่าเถียงกัน เอาอย่างนี้—” หูเฟยที่ดื่มเมาจนลิ้นพันกันเล็กน้อยแล้วนั้น เขายังคงพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า
“ถ้าพวกเขาทั้งหมดเป็นลูกสาว ก็ปล่อยให้พวกเขาเป็นพี่น้องกันถ้าพวกเขาทั้งหมดเป็นลูกชายแน่นอนว่าพวกเขาก็จะเป็นพี่น้องกัน”
“ถ้าหากมีลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวหนึ่งคน พวกเขาก็จะเป็นสามีภรรยากัน แต่งงานกันตั้งแต่เด็กเลย มาเกี่ยวก้อยสัญญากัน ร้อยปีก็เปลี่ยนไม่ได้ ใครเปลี่ยนคนนั้นเป็นลูกหมา!”