บัญชามังกรเดือด - บทที่ 873 จากไป
บัญชามังกรเดือด บทที่ 873 จากไป
มีคำกล่าวไว้ว่า ความห่วงใยนำไปสู่ความโกลาหล
บนหน้าผากของฉินเทียน แม้แต่เม็ดเหงื่อก็ไหลซึมออกมา
เขาหลับตาและปรับลมหายใจอย่างเงียบ ๆ และใช้เวลานาน ถึงได้ทำให้อารมณ์สงบลงได้ จนกลายเป็นหัวใจที่สงบนิ่งดังสายน้ำ
ตามผลของการตรวจสอบก็วินิจฉัยได้ว่า น่าจะเกิดจากการที่ซูซูสูญเสียเลือดลม ดังนั้นสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำตอนนี้ก็คือ การกระตุ้นผ่านเข็ม เพื่อทำให้เลือดของซูซูไหลเวียนดีและเสริมกำลัง
ลูกตุ้มนาฬิกาบนผนัง เข็มชั่วโมงได้ชี้ไปที่สิบนาฬิกา
สิบโมงในเวลากลางคืน จัดอยู่ในช่วงเวลาสามทุ่มถึงห้าทุ่ม
ตามที่หยางยู่หลันเคยพูดมาก่อนหน้านี้ ว่าวันเกิดของซูซู ก็เป็นยามนี้เช่นกัน
ช่วงเวลาสามทุ่มถึงห้าทุ่ม เป็นยามดึกที่คนเงียบสงบ และเป็นเวลาแห่งสมาธิ
การฝังเข็มในช่วงสามทุ่มถึงห้าทุ่มนี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูพลัง
ฉินเทียนนำเอาเสื้อผ้าและของใช้ประจำวันบนร่างกายของซูซูออกไปอย่างระมัดระวัง มือบิดเข็มบางๆ ฝังเข็มตรงจุดศูนย์กลางลม และเริ่มลงมือจากเส้นลมปราณของตับก่อน
ต่อไปก็จุดต้าตุน จุดท่ายชง จุดสิงเจียน จุดจงเฟิงจุดลมปราณเป็นต้นตามลำดับ จากนั้นก็กลับไปที่จุดจิ่ง จุดฝูทู และจุดชฺวีเจ๋อ…สุดท้ายก็มาถึงจุดยฺวี่ถาง จุดชี่ห่าย และจุดโถวชง…
หลังจากฝังเข็มตามลำดับ ก็ใช้เวลาไปถึงครึ่งชั่วโมงเต็ม และฉินเทียนก็เหงื่อออกเต็มใบหน้าไปหมด
โชคยังดีที่เข็มที่อบอุ่นฝังตรงจุดจิ่ง ทำให้ลมปราณเริ่มไหลเวียน ถึงแม้ว่าซูซูจะยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่ทว่าหน้าของเธอเริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาบ้างแล้ว
ร่างกายขยับขยุกขยิกเล็กน้อย และเสียงครางต่ำๆก็ออกมาจากปากของเธอ
นี่คือเค้าลางของการฟื้นฟู
ตามสถานการณ์เช่นนี้ ซูซูมีปัญหาแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
ในที่สุดฉินเทียนก็ถอนหายใจออกมา แล้วนั่งลงตรงข้างเตียง และรู้สึกว่าทั้งร่างกายเริ่มจะเหนื่อยล้าเล็กน้อย จนสีหน้าของเขาบูดบึ้ง
เหตุใดซูซูถึงได้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ได้กันนะ?
หรือว่า จะเป็นเพราะตอนที่เธอเป็นอัมพาตจนต้องนั่งรถเข็นเมื่อห้าปีก่อน ทำให้ชี่ต้นทุนแต่กำเนิดเสียหายมาก จนเป็นเหตุผลให้ตั้งครรภ์ขึ้นมาในสภาพร่างกายที่อ่อนแออย่างนั้นหรือ?
ฉินเทียนยอมรับว่า บางทีอาจจะเป็นเพราะปัจจัยนี้ แต่ทว่า ก็ไม่ควรถึงกับร้ายแรงเช่นนี้ได้!
สำหรับก่อนหน้านี้ เขาเคยดูแลรักษาอย่างระมัดระวัง บวกกับที่เขาสอนวิธีการทำจิตใจให้สงบเพื่อบำรุงลมปาราณให้กับซูซู ซึ่งตอนนี้ซูซูก็ได้ฟื้นฟูจนเกือบจะหายเหมือนคนปกติทั่วไปแล้ว
มิฉะนั้นละก็ หากเป็นกลุ่มอาการพร่องของชี่ต้นทุนแต่กำเนิด ก็ไม่อาจที่จะตั้งครรภ์ได้เช่นกัน
เขาสามารถรู้สึกได้ว่า เมื่อครู่นี้เข็มผีตู้ชีของเขา เป็นเพียงแค่บรรเทาอาการของซูซูเพียงชั่วคราวเท่านั้น หรือกล่าวนัยหนึ่งคือเป็นการรักษาที่ปลายเหตุไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ
ดูท่าแล้วว่า พรุ่งนี้คงจะต้องไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจร่างกายทั้งหมดสักครั้งแล้ว
หรือมาลองดูว่าขาดธาตุอาหารเสริมอะไรหรือไม่
มันเป็นหมวดหมู่ของโรค ที่เขาสามารถรักษาได้ แม้จะสามารถพูดได้ว่า ฝีมือการฝังเข็มกุ่ยเหมินสิบสามเข็ม ไม่มีโรคที่รักษาไม่ได้
แต่ในขณะนี้สภาพร่างกายของซูซูในขณะนี้ ไม่ได้เป็นโรคอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นการบกพร่องทางเลือดลมธรรมดาเท่านั้น
นอกจากปรับการบำรุงร่างกาย ก็ไม่มีวิธีทางอื่นที่ดีไปกว่านี้แล้ว
และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จในชั่วข้ามคืน
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ฉินเทียนก็โล่งใจไม่ได้อีกแล้ว รู้สึกราวกับว่าหัวใจถูกหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งทับเอาไว้อยู่
เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่อยู่บนเตียง แขนขาที่เรียวบาง แต่ด้วยท้องที่ใหญ่โตนิดหน่อย ราวกับว่าภายในท้องเป็นแวมไพร์ และเธอกำลังให้อาหารด้วยชีวิตของเธอ
และฉินเทียนก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันที
รังเกียจชีวิตที่มาโดยไม่ได้คาดคิดนี้ หากว่าเป็นไปได้ เขาไม่อยาก……
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?”
“ฉันมาอยู่ที่เตียงได้อย่างไร?”
ซูซูลืมตาขึ้นมาอย่างเอ้อระเหย ภายในดวงตากลมโตมีเบ้าตาล่างอยู่เล็กน้อย และรู้สึกงุนงงและสับสนเล็กน้อย
ฉินเทียนรีบไปจับมือของเธอเอาไว้ แล้วกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลว่า “เมื่อครู่นี้คุณหมดสติไป”
“ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
ซูซูขมวดคิ้ว แล้วกำลังนึกอย่างจริงจังครู่หนึ่ง แล้วยิ้มอย่างขมขื่นว่า “ในเวลานั้นฉันรู้สึกว่าการแสดงของหลิวหรูยู่นั้นดีมาก เลยคิดว่าจะร้องเชียร์ให้เธอเสียหน่อย”
“ใครจะไปรู้ว่าทันทีที่อ้าปาก ก็เกิดภาวะขาดออกซิเจนกะทันหัน หลังจากนั้นก็หน้ามืดไป แล้วก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลย”
เมื่อเห็นที่หน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของฉินเทียน เธอก็กล่าวอย่างปลอบโยนว่า “ไม่เป็นไร อาจจะเป็นเพราะออกแรงอย่างฉับพลันมากเกินไปหน่อย”
“แขกทั้งหลายไปกันหมดแล้วหรือยัง? ไม่ได้ ฉันเป็นถึงนายหญิง จะต้องไปขอโทษพวกเขาสักหน่อยแล้ว”
“ไม่สุภาพเกินไปแล้ว”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เธอก็พยายามจะลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
“อย่าขยับ!”ฉินเทียนรีบร้อนขวางเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างจริงจังว่า “คุณพักผ่อนไปเถอะ ส่วนทางด้านของแขกไว้เป็นหน้าที่ผมเอง”
“เด็กดี เชื่อฟังเข้าใจไหม?”
ซูซูยิ้มแล้วพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มซีดเซียวเล็กน้อย
ฉินเทียนกล่าวปลอบโยนอีกสองสามประโยค แล้วหันตัวเดินออกมาจากวิลล่า
ทางด้านนอก ทุกคนต่างก็ยังคงรออยู่ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น แต่ทว่าในสายตาของทุกคน ต่างก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?”
เมื่อมองเห็นฉินเทียน พวกเขาก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที แล้วแย่งกันถามวุ่นวายไปหมด
ฉินเทียนโบกมือไปมา แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ซูซูเธอมีร่างกายที่อ่อนแอ ทำให้ทุกคนหัวเราะเยาะเอาเสียแล้ว”
“ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว”
“จริงสิ หรือว่าพวกคุณจะลืมไปแล้ว ว่าฉันนอกจากจะเป็นผู้นำสหพันธ์ของพวกคุณแล้ว ฉันยังเป็นหมอเทวดาคนหนึ่งอีกด้วยน่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อานกั๋วก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาเสียยกใหญ่ไม่ได้ “นี่มันความจริง!”
“ทุกคน เกรงว่าพวกคุณคงจะยังไม่รู้ใช่หรือไม่? ชายชราอย่างฉันที่มองดูแล้วใกล้จะจากโลกนี้ไปในไม่ช้า แต่ด้วยความช่วยเหลืออย่างใจกว้างของท่านผู้นำสหพันธ์ ได้ยื้อชีวิตมาจากเงื้อมมือของพญายม แล้วให้ฉันได้อายุยืนไปอีกสามสิบปี!”
“ทักษะทางการแพทย์ของผู้นำฉิน เกรงว่าทั่วทั้งโลกใบนี้ก็คงไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้”
ผู้คนมากมายที่อยู่ที่นี่ มีคนที่รู้เรื่องที่ฉินเทียนเป็นคนรักษาโรคของอานกั๋ว ถึงแม้จะมีบางส่วนที่ไม่รู้ แต่ก็เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้ ว่าอานกั๋วแห่งหนานเจียง นั้นป่วยเกินเยียวยา และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
ตอนนี้ไม่เพียงแค่รอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหาริย์เท่านั้น และเหล่าแก่นแท้รวมไปถึงจิตวิญญาณต่างก็ดีมากอีกด้วย
ที่แท้ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความดีความชอบของฉินเทียนทั้งนั้นเลยสินะ!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ทุกคนต่างก็เริ่มผ่อนคลายลง รู้สึกว่าหากยังมีฉินเทียนอยู่ จะต้องไม่เกิดเรื่องอย่างแน่นอน
ยู่หลิงหลงกล่าวด้วยความจริงจังว่า “ฉินเทียน ซูซูเธอจะต้องเหนื่อยมากอย่างแน่นอน นายไม่รู้ การตั้งครรภ์สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่ยังอายุน้อยอีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ใด ๆ เลย มันเป็นเรื่องที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก”
“ต่อไปนี้นายไม่ต้องไปไหนอีกแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ คอยอยู่เฝ้าซูซูไว้ให้ดี ให้เธอได้คลอดลูกออกมาได้อย่างราบรื่น”
“พวกเราทุกคนต่างตั้งตารอที่จะได้เลี้ยงฉลองอายุครบหนึ่งเดือนของเด็กน้อยนะ!”
“ใช่แล้ว เลี้ยงฉลองอายุครบหนึ่งเดือน!”ผู้คนต่างก็โห่ร้องกันอย่างมีความสุข
หยางยู่หลันเช็ดน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนหน้านี้ เธอและซูซู เป็นเพียงแค่แม่ลูกคู่หนึ่งที่พึ่งพาอาศัยกัน และต่างก็เป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ความปลอดภัยของพวกเธอ สามารถทําให้คนใหญ่คนโตทั้งเจ็ดเมืองของทางใต้แตกตื่นได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
เมื่อก่อนหน้านี้ แม้แต่จะคิดก็ยังไม่กล้าที่จะคิดเลย
อานกั๋วถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ทุกคนฟังฉัน”
“ที่พวกเรามาในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะมาเยี่ยมท่านผู้นำสหพันธ์และภรรยา และเลี้ยงต้อนรับพวกเขา ในขณะเดียวกันก็เลี้ยงฉลองที่ท่านผู้นำสหพันธ์ฉินกับการเดินทางสู่ตะวันตกเฉียงเหนือ ที่ประสบความสำเร็จไปได้อย่างงดงาม”
“และตอนนี้ เป้าหมายของพวกเราก็ประสบผลสำเร็จแล้ว หากยังอยู่ที่นี่ต่อ ก็รังแต่จะเป็นภาระและสร้างความกดดันให้แก่พวกเขา”
“นายหญิงท่านผู้นำสหพันธ์ก็เป็นลมไปเสียแล้ว ถึงแม้พวกเราจะไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ในฐานะของนายหญิง การอยู่ต้อนรับพวกเรา ก็เป็นเรื่องที่ลำบากมากเกินไป”
“ดังนั้น พวกเราจงทิ้งความห่วงใยเอาไว้ที่นี่ และถึงเวลาที่ควรจะจากไปได้แล้ว”
“ให้พวกเขามีสภาพแวดล้อมที่สะอาดจะดีกว่า ฉันเชื่อว่า ด้วยความสามารถของท่านผู้นำสหพันธ์ ไม่ว่าจะมีอันตรายใหญ่แค่ไหน ต่างก็สามารถพลิกเหตุร้ายให้กลายเป็นความปลอดภัยได้”
“พวกเรามารอคอยข่าวดีกันดีกว่า!”
“ทุกคนว่าดีไหม?”
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก หากพวกเขาอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าจะเป็นห่วง แต่ในความเป็นจริงมันกลับเป็นการเพิ่มภาระให้กับเจ้านายมากกว่า
ทุกคนต่างก็เป็นคนที่มีเหตุผล เช่นนั้นจึงตอบสนองกลับทันทีอยู่แล้ว
ในเมื่อบอกว่าจะไปก็ไป เหมือนกับตอนที่มาอย่างไรอย่างนั้น เพียงไม่นานก็ถูกชำระล้างเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่ามีคนที่อยากจะอยู่ที่นี่ ก็ยังเป็นกังวลรู้สึกว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระ จึงละอายใจที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
สำหรับเรื่องนี้ ฉินเทียนก็ไม่ได้รั้งไว้
เพราะในขณะนี้ ไม่มีเรื่องใดสำคัญไปกว่าเรื่องของซูซู และเขาก็ยังมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอีกด้วย นั่นก็คือ สถานการณ์ของซูซู อาจจะร้ายแรงกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ก็ได้