บัญชามังกรเดือด - บทที่ 880 ชายตัวชุบทอง
บัญชามังกรเดือด บทที่ 880 ชายตัวชุบทอง
เดิมทีชายสวมชุดลินินคนนั้นมีท่าทางเหมือนร่องลอยไปตามลม จู่ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง และกล่าวด้วยน้ำเสียทุ้มต่ำว่า “ข้าน้อยขอคารวะท่านราชาเทพ!”
“ตามคำสั่งของท่านยาย ข้ามาเพื่อรายงานตัว!”
ราชาเทพ?
เหลิ่งเฟิงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบร้อนหันไป ก็เห็นฉินเทียนที่สีหน้าเรียบเฉยกำลังเดินเข้ามา
“พี่เทียน——”
ผู้ชายกลุ่มนั้น ต่างก็มีสีหน้าที่ตื่นตระหนก เมื่อเห็นท่าทางของฉินเทียน พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองได้ทำผิดพลาดอีกครั้ง
ฉินเทียนส่งเสียงฮึดฮัด แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ยังเป็นหมาป่าเดียวดายอยู่ไหม? ไก่เพียงตัวเดียวทำให้พวกนายทั้งกลุ่มพ่ายแพ้อย่างราบคาบเลยหรือ! ”
“มันน่าขายหน้าไหม!”
เหลิ่งเฟิงโมโหหน้าดำหน้าแดงขึ้นมาทันที
“หากสามารถยิงได้ เขาคงเป็นคนตายไปนานแล้ว”เจ้าหกน้อยกระซิบอย่างคาดการอย่างไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรนัก
ฉินเทียนรีบจ้องไปทันที
เจ้าหกน้อยตื่นตระหนกไปจนถึงวิญญาณ แล้วรีบกล่าวว่า “ผมผิดไปแล้วครับพี่เทียน!”
เหลิ่งเฟิงกลืนน้ำลายเข้าไปอึกหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ที่จริงแล้วผมรู้สึกว่าเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย จึงได้สั่งห้ามยิงไว้”
“เพียงแต่พี่เทียนโปรดวางใจ เรื่องแบบนี้ จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
ฉินเทียนก็รู้ว่า เหมือนกลอุบายยุทธภพชนิดนี้ของฉวนซาน มันทำให้พวกของเหลิ่งเฟิงยากที่จะป้องกันจริงๆ และเหลิ่งเฟิงก็ทำถูกแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในระหว่างเหตุผลและตัวตน คนที่มีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง แต่ก็อาจยิงตามต้องการไม่ได้
ปืน มีเพียงแค่ตอนที่ไม่มีทางเลือกแล้วเท่านั้น และมันก็เป็นอาวุธสุดท้ายของพวกเขา
เขารู้สึกว่าตัวเองก็ค่อนข้างรุนแรงและเข้มงวดเกินไปหน่อย อาจจะเป็นเพราะเรื่องของซูซู ทำให้อารมณ์ไม่ค่อยดี
เขาพูดด้วยสีหน้าที่อ่อนลง “รู้แล้ว”
“เป็นคนกันเอง พวกนายลงไปกันเถอะ”
“ครับ!”
เหลิ่งเฟิงมองไปที่ชายสวมชุดผ้าลินิและไก่ตัวผู้ตัวใหญ่ที่ชื่อว่าอาจงในอ้อมกอดของเขาเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็โบกมือ และเหล่าพี่น้องที่เหลือก็กระจายตัวออกไป
ชายสวมชุดลินินก็คือฉวนซาน เป็นศิษย์ลำดัยที่สามของสำนักระกา
อดีตเคยอยู่ในฮั่นจง เป็นทาสสัตว์ร้ายทั้งสามแห่งองค์กรคำสาปสวรรค์ของฉินเปียว สมาชิกทุกคนได้รับผลกระทบอย่างหนัก และรวมตัวกันอยู่ที่โณงพยาบาลเพื่อพักฟื้น
ไม่คาดคิดเลยว่า ฉินเปียวด้วยการสนับสนุนของลุงหยางชัง จะสามารถกำจัดขุนพลนรกระดับสูงทั้งสาม และไปลอบสังหารก่อนได้
แต่ทว่าขุนพลนรกระดับสูงทั้งสาม ได้ฆ่าคนนอกห้องผู้ป่วยไป หลังจากสังหารสมาชิกในทีมขอมังกรซ่อนรูปด้วยวิธีการที่โหดร้ายแล้ว ตอนที่ตาเห็น ก็คือกำลังจะบุกเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ถ้าเกิดพวกเขาพุ่งเข้าไป ผลที่ตามมาคือหายนะ เนื่องจากองค์กรคำสาปสวรรค์ในเวลานั้น แทบจะสูญเสียประสิทธิภาพการต่อสู้ไปแล้ว
ในช่วงเวลาวิกฤต เนื่องจากฉินเทียนได้รีบการรายงานของฉวนซาน จึงได้มาถึงทันเวลา และหลีกเลี่ยงโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ได้
ดังนั้นสำหรับฉวนซานคนนี้ เขาก็ยังซาบซึ้งใจอยู่เล็กน้อย
ไม่คาดคิดเลยว่าคนที่ยายระกาส่งมาช่วยเหลือตัวเองนะเน จะยังเป็นเขาจริง ๆ
“ด้วยทักษะของคุณ เมื่ออยู่ที่สำนักไก่คงจพไม่ได้เป็นเพียงแค่ศิษย์ลำดับสามหรอกใช่ไหม?”
เขากล่าวถามอย่างสุภาพอ่อนโยน
“เรียนท่านราชาเทพ——”
ฉวนซานรีบกล่าวด้วยความเคารพว่า “เนื่องจากในเวลานั้นพ่อแม่ของข้าน้อยได้สับสนและทำผิดพลาด และถูกขับไล่ออกจากสำนักระกา ตามเหตุผลแล้ว สำนักไก่ไม่มีสถานที่ที่จะให้ผมได้ยืนอีกต่อไปแล้ว ”
“คุณยายเป็นคนเมตตากรุณา ทำลายกฎเกณฑ์และอนุญาตเหลือไว้ให้ฉัน”
“สามารถมอบตัวตนระดับสามให้แก่ผมได้ ลูกศิษย์คนนี้รู้สึกซาบซึ้งอย่างหาที่สุดไม่ได้!”
ฉินเทียนพยักหน้า สำหรับเรื่องที่พ่อแม่ของฉวนซานทำผืดเรื่องอะไร และถูกขับไล่ด้วยวิธีไหน สื่งเหล่านี้ต่างก็เป็นเรื่องของสำนักระกา เขาไม่อยากที่จะไปเข้าใจอะไรให้มากมาย
เขาเขื่อว่า ยายระกาสามารถจัดการกับมันได้ด้วยตัวเอง
สำหรับฉวนซานที่อยู่ตรงหน้า เขาน่าชื่นชมเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะเคยพบเพียงแค่สองครั้ง แต่บุคคลนี้ไม่ว่าฝีมือและอุปนิสัย เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในทั้งหมดเลยทีเดียว
เหตุผลที่ยายระกายกเว้นแล้วเหลือเขาไว้ คาดว่าคงเพราะความสงสารสินะ
ไม่ว่าจะเป็นยายระกาหรือราชาวานร พวกเขาจะไม่มีวันส่งใครก็ได้มาอยู่ข้างฉินเทียนโดยไม่ได้ตั้งใจ
เพราะหากกล่าวถึง ฉินเทียนก็ยังคงเป็นเจ้านายของพวกเขา
ดังนั้นคนที่พวกเขาส่งมา ก็จะต้องเป็นคนที่เขาให้ความสำคัญมาก และหลังจากได้สัมผัสและขัดเกลากับหัวหน้าอย่างฉินเทียนแล้ว ต่างก็สามารถที่จะทำเรื่องสำคัญได้แล้ว
งานอยู่ข้างการของเจ้านาย เรียกได้ว่าเป็นการชุบทองที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ สำนักระกาและสำนักวานร ถึงแม้ว่าเขาจะคือฝ่าบาทราชาเทพของสาขาทั้งสอง แต่ทว่าฉินเทียนไม่ได้ทำการติดต่อพวกเขามากเท่าไรนัก
นอกจากยายระกากับราชาวานรที่เคยเจอมาแล้วหลายครั้ง คนในสำนักคนอื่น เขาต่างก็ไม่เคยพบเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ฉินเทียนก็ได้แต่รอคอยว่า คนที่สำนักวานรส่งมาจะเป็นคนอย่างไร
ฉวนซานเพียงแต่มาช่วยเหลือเท่านั้น แต่กำลังหลักในครั้งนี้ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเห็ดหลินจือเลือด ทำให้เขาได้เขาใจหลายคนมากยิ่งขึ้น
การล่าสมบัติ ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาถนัดเช่นกัน
แม้ว่าฉินเทียนจะร้อนใจ แต่ก็รู้ว่า คนของสำนักวานร วันนี้คงจะมาไม่ถึง พวกเขาที่อาศัยอยู่ภูเขาที่รกร้างว่างเปล่าห่างไกลแบบนี้ ก็ไม่ได้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยอะไร
การออกไปครั้งหนึ่ง เป็นเพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
เมื่อคิกถึงตรงนี้ ใจก็ร้อนดุจดังไฟไหม้เลยจริงๆ
“คุณยายมอบหมายงานให้คุณหรือยัง?”
“ว่าที่มาในครั้งนี้ จะต้องช่วยฉันทำอะไร”ฮินเทียนถามฉวนซาน
ฉวนซานรีบตอบว่า “คุณยายบอกว่า มีความเป็นไปได้ว่าจะไปสุสานโบราณ และให้ข้าเตรียมตัวไว้”
“เมื่อถึงเวลานั้น ก็ให้ร่วมมือกันบอดฝีมือทางสำนักวานร”
ฉินเทียนฝืนยิ้มกล่าว “ราชาวานรกล่าวว่า เห็ดหลินจือเลือดที่ดีที่สุด จะเกิดและเติบโตขึ้นบนซากศพ”
“หากคิดที่จะมีอายุยืนยาว ต้องจำเป็นที่จะต้องเป็นร่างกายที่ถูกเก็บรักษาไว้ยาวนานเช่นกัน ดูแล้วครั้งนี้ พวกเราคงจะต้องไปที่สุสานจริงๆ”
หรือว่าตัวเองจะต้องไปสุสานโบราณจริงๆ อย่างนั้นเหรอ? เมื่อคิดถึงตรงนี้ ภายในใจของฉินเทียนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ฉวนซานลังเลที่จะพูด
“มีคำพูดอะไร คุณรีบพูดมาเถอะ”
“ติดตามฉัน ไม่จำเป็นต้องเหินห่าง”
ฉินเทียนรู้ เนื่องจากอีกด้านหนึ่งมีสถานะสูงเกินไป นอกจากนี้ ฉวนซานยังมีสถานะเป็นคนกระทำผิดระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงระมัดระวังทุกเวลา และค่อนข้างที่จะวางใจไม่ได้
เพื่อที่จะร่วมมือกันอย่างมีความสุขในอนาคต เขาทำได้เพียงแค่ต้องเกลี้ยกล่อมอย่างอดทนเท่านั้น
ฉวนซานกล่าวอย่างถ่อมตนว่า “พูดตามเหตุผล ครั้งนี้ยอดฝีมือของสำนักวานรควรจะเป็นผู้นำ ผมมาเพื่อให้ความร่วมมือ”
“แต่ในเมื่อคุณยายให้ผมมาแล้ว ผมควรจะต้องได้รู้ทุกอย่างที่ตนเองอยากรู้”
“ผมไม่รู้ข้อมูลของเห็ดหลินจือเลือด แต่ถ้าพูดถึงสุสานใหญ่ ช่วงไม่กี่ปีมานี้ สถานที่ที่น่าตื่นเต้นที่สุด ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าสุสานฮุนโหวที่ค้นพบในเมืองเจียงเหอทางตะวันออก”
“ได้ยินมาว่าของที่โผล่ออกมาจากดิน ยากที่จะประมาณการณืได้”
สุสานฮุนโหว?
ทางตะวันออก?
ฉินเทียนอดที่จะใจเต้นไม่ไหว
ขณะที่ฉันกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เจ้าหกน้อยก็วิ่งละร้องตะโตนมาจากระยะไกล เมื่อใกล้มาถึงตรงหน้า ก็ทำความเคารพอย่างรวดเร็ว แล้วหล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “พี่เทียน!”
“ที่ประตูทางเข้ามีชายตัวชุบทอง เขาพูดว่าโชว์ลิงอะไรสักอย่าง เขามีเรื่องเร่งด่วยจะต้องพบพี่เทียน”
ชายตัวชุบทอง?
ฉินเทียนชะงักไปครู่หนึ่ง นึกถึง “โชว์ลิง” เขาก็แทบจะไม่สนใจอะไรมากแล้ว จากนั้นก็รีบกล่าวว่า “เร็วเข้า!”
“รีบให้เขาเข้ามาพบฉัน!”
เพียงไม่นาน ชายร่างกำยำคนหนึ่ง ได้หมาป่าเดียวดายเป็นคนพาเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เจ้าหกน้อยพูดว่า “ชายตัวชุบทอง”อะไรสักอย่าง ที่จริงแล้วกล่าวได้เกินจริงมาก คนผู้นี้เพียงแค่มีใบหน้าที่เป็นสีทองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง
มีดาบวิเศษอยู่ด้านหลัง ดวงตาของเขาเหมือนเสือ
ตั้งตนดูเที่ยงธรรม และซื่อสัตย์สุจริต
เมื่อฉินเทียนเห็นกระเป๋าที่อยู่ด้านหลังใบหนึ่งนั้น ก็กล่าวอย่างยินดีว่า “นายใช่คนของสำนักวานรไหม?”
“มีเห็ดหลินจือเลือดใช่หรือไม่?”
ชายคนนั้นกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ศิษย์สำนักวานรจินถัง!”
“ด้วยคำสังของราชาวานร มารายงานตัวครับ!”
เขาแกะห่อที่อยู่ด้านหลังออก แล้วพูดด้วยความเคารพว่า “สิ่งของเหล่านี้ เป็นยาอายุวัฒนะที่ดีที่สุดที่สำนักวานรค้นพบมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
เขาชี้ไปที่สิ่งที่มีสีแดงเข้มที่อยู่ตรงกลางชิ้นหนึ่ง รูปร่างของชิ้นนั้นเหมือนลูกแพร์ “อันนี้คือเห็ดหลินจือเลือด”
“แต่น่าเสียดาย ที่มีอายุเพียงแปดสิบปีเท่านั้น”
“หวังว่าจะใช้ได้ครับ”