บัญชามังกรเดือด - บทที่ 906 ต้องห้าม
บัญชามังกรเดือด บทที่ 906 ต้องห้าม
“มึงพูดจริงเหรอ?”
ได้ฟังสิ่งที่ฉวนซานพูด เกาชาวก็ดีใจมาก แต่ก็ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “มึงด่าว่ากูโง่ใช่ไหม? ได้ เดี๋ยวถ้ายืนยันได้ว่านี่เป็นทางเข้าสุสาน งั้นกูก็คือไอ้โง่”
“ถ้าหากไม่ใช่ ฮึ กูจะให้มึงได้เป็นศพคนโง่”
“–ชิวอู่”
“ครับ!” ชายร่างผอมข้างๆส่งเสียงตอบรับเสียงดัง
ที่หลังของเขาแบกกระเป๋าระเบิดใบใหญ่
เกาชาวพูดเสียงขรึมว่า “มึงเคยเป็นผู้มีฝีมือด้านระเบิดในสนามรบ ในกลุ่มทหารรับจ้างต่างประเทศเคยทำงานสำเร็จมาได้อย่างสวยงามหลายครั้งใช่ไหม?”
“ตอนนี้ขอมอบโพรงนี้ให้มึง”
“ระวังหน่อย ถึงแม้ว่ากูจะไม่ขาดระเบิด แต่ก็อย่าใช้เยอะเกินไป ถ้าระเบิดเขาถล่มหมด เราจะซวยกันหมด!”
ชิวอู่แสยะปากพูดว่า “เรื่องเล็กน้อยครับคุณชายเกา คอยดูได้เลยครับ”
เขาหัวเราะฮี่ๆเดินไปที่ปากโพรง แกะกล่องหลังเป้ที่แบกมา ฉินเทียนมองอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา อดที่จะลอบพยักหน้าไม่ได้
ชายคนนี้เป็นผู้มีฝีมือด้านระเบิดจริงๆจำนวน ตำแหน่งของระเบิด หรือการออกแบบการวางเชือก ล้วนทำได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่ผิดพลาดเลยสักนิดเดียว
ต้องรู้ว่าการทำลายด้วยระเบิด โดยเฉพาะการระเบิดที่กำหนดจุด ล้วนมีเงื่อนไขที่สูงมาก
ผู้มีฝีมือด้านระเบิดที่แท้จริงจะต้องชี้ได้ว่าจะระเบิดจากตรงไหนถึงตรงไหน สามารถควบคุมอาณาเขตการระเบิดได้อย่างแม่นยำถูกต้อง จะต้องส่งผลต่อนอกอาณาเขตให้ได้ต่ำที่สุด
ดูเหมือนว่าเกาชาวคนนี้จะรวบรวมเหล่าคนมีความสามารถได้กลุ่มหนึ่ง
“เร็ว พวกเราออกจากหุบเขา!”
หลังจากจุดไฟเชือกนำทาง หลังจากชิวอู่ตะโกนเสียงดังก็วิ่งนำออกไปข้างนอก
ทุกคนก็วิ่งออกมาจากหุบเขาราวกับพายุ ทุกคนยืนอยู่บนที่สูงมองมายังด้านล่าง หลังจากผ่านไปประมาณหลายสิบวินาที พอเสียงปังดัง เสียงระเบิดก็ดังขึ้น
ควันลอยคละคลุ้งชั่วขณะ เศษผงกระเด็น แม้ว่าจะกำหนดจุดระเบิด แต่ทำให้คนรู้สึกว่าทั้งภูเขากำลังสั่นสะเทือน
เสียงระเบิดดังออกมาทำเอานกและสัตว์ป่าใกล้ๆต่างหนีด้วยความตกใจ
ฝุ่นควันยังไม่ทันจางเกาชาวก็พูดอย่างรอไม่ไหวว่า “เร็ว!”
“รีบลงไปดู!”
ฝูงชนกรูกันลงไปที่ปากทางที่ระเบิดอีกครั้งราวกับฝูงผึ้ง เห็นเพียงว่าหลังจากที่ฝุ่นควันจางไป ปากถ้ำใหญ่ที่คาดการณ์เอาไว้ก็ไม่ได้ปรากฏขึ้น
ดินที่ระเบิดออกไปข้างสองเมตร ข้างในยังคงเป็นภูเขาที่แน่นหนา
“ควรจะเป็นทางเข้าสุสานไม่ใช่เหรอ?”
“ไอ้หนู ตอนนี้จะว่ายังไง?” เกาชาวกัดฟันมองฉวนซานตาแดงก่ำ
ฉวนซานเข้ามาดู ใช้มือลูบชายขอบ แล้วพูดเยาะ “ไอ้พวกโง่!”
“เมื่อกี้ฉันบอกไปแล้วว่าหลังจากที่พวกเขาฝังพระชายางูแล้วก็ต้องเอาหินมาปิดทางสุสานไว้”
“หินที่อุดเหล่านี้ได้รวมกลายเป็นภูเขาในเวลาหลายร้อยพันปี”
“ดังนั้นตอนนี้พวกเราต้องขุดเอาหินแกนกลางออกมาเหมือนกับขุดอุโมงค์”
“พวกเขาไม่มีทางอุดทางเข้าสุสานจนมิดหมด พวกเราต้องขุดให้ลึกพอก็จะสามารถทะลวงไปได้”
เกาชาวกัดฟันพูดว่า “กูจะเชื่อมึงได้ยังไง?”
ฉวนซานพูดเยาะว่า “หลักฐานสองอย่าง อย่างแรก”
เขายื่นมือเขี่ยหินก้อนหนึ่งออกจากขอบที่โดนระเบิด ดูไปเหมือนก้อนหิน แต่เมื่อใช้มือบี้ดูกลับกลายเป็นผุยผง
“นี่ไม่ใช่หิน แต่เป็นบล็อกดิน”
“ถ้าหากฉันเดาไม่ผิด นี่เป็นบล็อกดินที่ผนึกรอบๆหลังจากที่พวกเขาใช้ก้อนหินมาอุดทางสุสาน”
“ข้อสอง–”
ฉวนซานชี้ไปที่ตรงกลางของตำแหน่งที่ถูกระเบิด พูดว่า “เห็นไหม ที่นี่มีปากทางโพรง นี่คงจะเป็นรังงู”
“บ่งบอกว่าเข้าไปข้างในอีกจะต้องมีพื้นที่ว่าง”
ได้ฟังเช่นนั้นเจ้าปลาหมึกยักษ์ก็เข้ามาสังเกตมองด้านหน้าตัดที่โดนระเบิดอย่างละเอียด พูดว่า “เป็นเช่นนั้นจริงครับคุณชาย”
“หินตรงกลางนี้ใส่เข้าไปทีหลัง เพียงแต่ว่าเวลาผ่านไปนานก็หลอมรวมกันเป็นเนื้อภูเขา”
“ดูขอบตรงนี้สิครับ ยังมีร่องรอยอยู่เลย”
ทุกคนล้อมเข้ามา หลังจากดูเสร็จก็เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของฉวนซาน ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะชูนิ้วโป้งให้ฉวนซาน พูดว่า “น้องชาย ครั้งนี้ต้องขอบคุณนายมาก”
“แน่นอน แต่ละอาชีพก็มีทางของตัวเอง”
ฉวนซานรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญ รีบพูดว่า “พี่เทียนชมเกินไปแล้ว ตัวข้าก็ไม่กล้าจะอวดตนหรอก”
“รอเดี๋ยวได้เข้าไปในสุสาน–”
ระหว่างที่เขาพูด จู่ๆก็เห็นเกาชาวออกคำสั่งให้ชิวอู่ติดตั้งระเบิดอีกครั้งเพื่อระเบิดเขาต่อ สมองเขาสั่งการทันทีจึงรีบพูดว่า “พวกแกจะทำอะไร? หยุดนะ!”
“รีบหยุด!”
คุณชายเกาพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย โชคดีที่มีนายที่สามารถหาทางเข้าหลุมศพได้”
“ตอนนี้กำลังระเบิดต่อ ฉันเชื่อว่าอีกไม่นานจะสามารถเข้าไปได้แล้ว”
“ต่อจากนี้มอบให้ฉัน นายไม่ต้องยุ่งแล้ว”
ฉวนซานพูดอย่างจริงจัง “พวกคุณกำลังรนหาที่ตาย!”
“ผมจะบอกให้ว่าข้างในสุสานนี้มันกลวงตรงกลาง คุณระเบิดข้างนอกไม่หยุด จะทำให้สั่นสะเทือนถึงตัวภูเขา มีโอกาสสูงที่จะทำให้ทั้งสุสานถล่มลงมา”
“ถึงตอนนั้นถ้าทั้งสุสานถูกฝัง พวกเราใครก็อย่าคิดว่าจะได้เข้าไปสักคน”
เกาชาวอึ้งอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “งั้นต้องทำไง?”
ฉวนซานพูดเรียบๆ “ยังไงซะก็ไม่สามารถทำให้เกิดการสั่นสะเทือนมากๆได้ พวกคุณมีคนพร้อมอุปกรณ์ครบตั้งมากมาย จะไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอ?”
เกาชาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกัดฟันพูดว่า “ได้ กูจะฟังมึง!”
“ทุกคนฟัง แบ่งออกเป็น 5 ทีม แล้วขุดให้กู!”
“ขุด 24 ชั่วโมงห้ามหยุดจนกว่าจะเจอทางเข้าสุสาน!”
นี่จะให้พวกเราลำบากแรงขุดหินจริงดิ?
สมาชิกทีม 50 คนมองหน้ากันด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม แต่พวกเขาก็ไม่กล้าค้าน ทำได้เพียงจ้องฉวนซานคนต้นคิดอย่างเคืองแค้น
เจ้าปลาหมึกยักษ์ไม่ยอม พูดอย่างเย็นชาว่า “คนของพวกเราขุดเขา แล้วพวกแกทำอะไร?”
“ทุกคนร่วมมือกัน พวกแกก็ไม่ควรจะอยู่ว่างๆจริงไหม?”
ฉวนซานพูดอย่างเย็นชา “พูดอย่างงี้หมายความว่ายังไง? ไม่รู้จริงๆเหรอว่าพวกเราทำงานฝ่ายเทคนิค?”
“นี่เพิ่งจะแค่เจอทางเข้า แกรู้ไหมว่าทางยาวๆในสุสานจะมีกลไกอีกเท่าไร?”
“ต่อจากนี้ถ้าไม่มีพวกเราพวกแกจะเข้าไปได้ไหม? จะมีชีวิตรอดออกมาได้ไหม?”
“ยังไม่รีบกางเต็นท์อีก พวกเราต้องสะสมแรง!”
“แก–” เจ้าปลาหมึกยักษ์สีหน้าเปลี่ยนกำลังจะลงมือ
เกาชาวพูดอย่างรำคาญว่า “พอแล้วๆ”
“อาจารย์จาง แกพาคนหนึ่งทีมไปกางเต็นท์ เตรียมของกิน จะต้องรักษาความปลอดภัยให้ปรมาจารย์เหล่านี้ให้ดี”
เจ้าปลาหมึกยักษ์จนใจ ทำได้เพียงข่มอารมณ์โกรธพาทีมจำนวน 10 คนไปหาพื้นที่ราบใกล้ๆเพื่อตั้งเต็นท์
เขายังยิงกวางตัวหนึ่งจากป่าใกล้ๆมาด้วยตัวเอง หลังจากล้างถลกหนัง หั่นเป็นชิ้นๆแล้วย่าง
ชายคนนี้แม้จะขึ้นเขามาขุดสุสาน แต่ก็ไม่ได้ปล่อยโอกาสทุกๆครั้งในการเสพสุข
เนื้อกวางหนึ่งชิ้นที่ย่างจนเกรียมนอกข้างในนุ่มส่งกลิ่นหอมเย้ายวนจมูก เขาชูแก้วเหล้าพูดว่า “คุณฉิน กลุ่มของคุณมืออาชีพจริงๆ ครั้งนี้ฉันได้เปิดประสบการณ์ที่เกินคาดแล้ว”
“มา ขอให้พวกเราร่วมงานกันอย่างราบรื่น”
ฉินเทียนมองตรงหินผาที่อยู่ไกลๆ จากการขุดโดยไม่หยุดหลายชั่วโมง ตอนนี้ปรากฏถ้ำลึกประมาณสองสามเมตรที่สามารถทำให้คนเข้าออกได้แล้ว
ถ้ำนี้จะสามารถต่อไปยังสุสานพระชายางูได้จริงหรือ?
ไม่รู้ทำไมเมื่อเห็นถ้ำที่ดำมืดสนิทเขากลับมีความรู้สึกกระวนกระวายราวกับไปโดยใส่เส้นตาย แล้วมันจะปล่อยของต้องห้ามอะไรออกมา