บัญชามังกรเดือด - บทที่ 952 ต้อนรับ
บัญชามังกรเดือด บทที่ 952 ต้อนรับ
“คุณหมายถึงคุณชายเซี่ยแห่งตอนเหนืออย่างงั้นหรือ? ตกลงตกลง!”
“ราชาเปี้ยน ได้โปรดวางใจ ฉันจะรีบรายงานทันที!”
เกาเหมิ่งตื่นเต้นไม่หยุด รีบหันหัวเรือกลับ เพิ่มกำลังแรงม้า เปิดทางนำกำลังพลมุ่งหน้าเดินทางสู่เกาะหวัง
เมื่อครู่ถูกหู่เหนียงคนของหวังตัวยวี่ ขัดขวางโดยเรือรบเกาเหมิ่งยังรู้สึกคับแค้นใจอยู่ แต่ต่อมาหลังจากที่หู่เหนียงได้รับโทรศัพท์จากสายที่โทรเข้ามาแล้ว เธอก็ปล่อยพวกเขาไป
จะพูดยังไงดีหล่ะ คุณหนูใหญ่ต้องตาบอดแน่ๆ ที่ให้ผู้ชายพวกนั้นผ่านการทดสอบ
เกาเหมิ่งไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาเพียงต้องการไปให้ถึงเกาะเปี้ยนโดยเร็วที่สุด เพื่อไปต้อนรับแขกผู้มีเกียรติของตอนเหนือผู้นั้น แต่นึกไม่ถึงเลยว่า เรือสำราญของแขกผู้มีเกียรติทางตอนเหนือ จะแล่นไปอีกทางและไปถึงเกาะเปี้ยนก่อนพวกเขาไปก้าวหนึ่ง แถมยังรับราชาเปี้ยนไปแล้วอีกด้วย
ตอนนี้ ให้ตนเปิดทางเป็นแนวหน้านำกำลังพลอีกเกาเหมิ่งรู้สึกว่า นี่คือภารกิจอันทรงเกียรติเป็นที่สุด
ภายในห้องโดยสาร จินถังถามด้วยความเป็นกังวลว่า “ศิษย์น้องเล็ก เมื่อกี้เธอเห็นชัดแล้วใช่ไหม? ชายที่อยู่ตรงข้ามคนนั้น คือถงอาน ที่ถูกพวกเราซ้อมเมื่อวานจริงๆ หรือ?”
สีหน้าของไป๋หลิงดูเจื่อนๆ เขากัดฟันและพูดว่า “ฉันดูไม่ผิดหรอก เป็นเขาจริงๆ!”
“คิดไม่ถึงเลยว่า เด็กคนนั้นจะมาที่นี่จริงๆ จริงสิ แล้วพวกเขามาทำอะไรที่นี่กันหน่ะ?”
“ซวยแล้ว เขาอยู่กับราชาเปี้ยนด้วยหนิ คงไม่ใช่ว่าจะมาจัดการพวกเราหรอกนะ?”
“แย่แล้ว แย่แล้ว!” ฉวนซานกระทืบเท้า และพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “พวกเธอลืมแล้วหรือ? เมื่อวานไอ้สารเลวถงอาน คนนั้นบอกว่า เขากับคุณชายของพวกเขามาที่นี่ เพื่อมาขอแต่งงาน”
“หรือว่า จะไปขอแต่งงานที่เกาะตงไห่?”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วพวกเราจะทำยังไงดีหล่ะทีนี้!”
“แถมยังไม่รู้ว่าลูกพี่ถูกหญิงสารเลวคนนั้นพาตัวไปอีก ตอนนี้เป็นยังไงบ้างนะ!”
พวกเขาทั้งสามเห็นถงอาน เป็นครั้งแรกในระยะไกลๆ เพื่อเป็นการเลี่ยงปัญหา เลยรีบหลบออกมาทันที ตอนนี้ พวกเขาต่างหน้านิ่วคิ้วขมวดกันไปหมด ไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี
“ไม่สนหล่ะ!”
“ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ มันต้องเป็นเรื่องดีไม่ใช่เรื่องร้ายแน่นอน ในเมื่อพวกเราหนีไปไหนไม่ได้ ถ้างั้นพวกเราก็ไปเกาะหวังพร้อมกับพวกเขาเลยแล้วกัน ไม่ว่ายังไงก็ตาม หาลูกพี่ให้เจอก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน!”
ทั้งสามคนตัดสินใจแน่วแน่ และบอกกับเกาเหมิ่งว่าพวกเขาขอเสื้อผ้าสามชุด เพื่อใช้เป็นเครื่องแบบ พรางตัวติดตาม นายพลเกาไปชั่วคราวก่อน
ตอนที่ นายพลเกามานั้น เขาพาคนมาด้วยหลายสิบคน พวกเขาสามคนพรางตัวเข้าไป คงไม่ถูกจับได้ง่ายๆ นักหรอก
เกาเหมิ่งใจจดใจจ่อกับการช่วยราชาเปี้ยนทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้สำเร็จ จนเขาไม่มีกะจิตกะใจจะคิดเรื่องอื่นตั้งนานแล้ว
เขายืนบัญชาการอยู่บนหัวเรือด้วยตัวเอง เมื่อเห็นเส้นสีดำเส้นหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้า เขาพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “ใกล้จะถึงเกาะหวังแล้ว เร็วเข้า เพิ่มความเร็วเข้าไปอีก!”
ในฐานะฐานปฏิบัติการหลักขององค์กรตงไห่ ส่วนที่สำคัญที่แท้จริงคือเกาะหวังไม่เพียงแค่มีขนาดใหญ่เท่านั้น แม้กระทั่งท่าเรือยังสร้างขึ้นอย่างกว้างขวางอย่างไร้ที่เปรียบอีกด้วย
มองออกไปยังทางอันไกลโพ้น มีเรือสำราญสุดหรูจอดเข้าท่าอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบลำ
เรือนายพลกำลังเข้าไปใกล้ ตรงท่าเรืออีกฝั่งหนึ่ง ก็มีเรือจู่โจมสามลำ กำลังแล่นทวนคลื่นและลม เคลื่อนพลเข้ามา
“ผู้ที่มาคือใคร? และมาเพื่อเรื่องอะไร?”
“มีนัดไว้หรือเปล่า?”
“ถ้าไม่ได้นัดไว้ ก็ถอนสมอและกลับไปซะ!”
“ไม่เช่นนั้น จะจมเรือของพวกเธอซะ!”
เรือจู่โจมลำที่อยู่ตรงกลาง มีชายฉกรรจ์หน้าดำคนหนึ่งยืนอยู่
สองคนที่อยู่ด้านหลังเขา รวมถึงคนที่อยู่บนเรือจู่โจมทั้งซ้ายและขวา บนไหล่ของทุกคนล้วนแต่แบกปืนครกไว้คนละหนึ่งกระบอก
ปืนครกทั้งหกกระบอกนั้น ล้วนแต่หันปากกระบอกเล็งไปที่เรือนายพล
ในสถานการณ์เช่นนี้ ทำเอาคนบน เรือนายพลต่างพากันตกใจกลัว เพราะที่ผ่านมาแม้ว่าที่นี่จะมีการควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่เคยเกิดเหตุอุกอาจแบบนี้มาก่อน
“น้องจินซานนั่นเอง ทำไมหรือ วันนี้ทีมของพวกเธอเข้าเวรอย่างนั้นหรือ?”
“อย่าพึ่งหุนหันพลันแล่นไป นี่ฉันเอง”เกาเหมิ่งจำเป็นต้องเดินขึ้นไปบนดาดฟ้าพร้อมด้วยเสียงหัวเราะ
“ที่แท้ก็นายพลเกานี่เอง”
ชายฉกรรจ์หน้าดำที่พูดเมื่อครู่นี้คือจินซานน้ำเสียงไม่ได้ฟังดูเกรงใจมากขึ้น จริงๆ แล้วนี่คือคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ธงที่โบกสะบัดอยู่บนเรือสำราญลำนั้น มันแสดงตัวตนของผู้มาเยือนอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
“นายพลเกาถ้าฉันจำไม่ผิด วันนี้ไม่ได้มีการประชุมใหญ่อะไรหนิ”
“จะว่าไปเธอเองอยู่ภายใต้การควบคุมของราชาเปี้ยนถึงจะมีเรื่องอะไร เธอควรไปที่เกาะเปี้ยนสิ”
“มาผิดที่หรือเปล่า?”
“กลับไปซะเถอะ”
เกาเหมิ่งโกรธจนสีหน้าเปลี่ยนไป เขาพูดเย้ยหยันว่า “จินซานนี่เห็นว่าเธอเป็นคนของจินยีโหวหรอกนะ ฉันจะยอมให้เธอสักหน่อยก็แล้วกัน”
“แต่ว่า เธออย่าทำตัวดูถูกคนอื่นจนเกินงามแบบนี้ เอาขนไก่มาทำลูกศร หาเหตุผลในการใช้กำลังของผู้มีอำนาจ”
“กูจะพูดยังไง ก็ยังครองตำแหน่งนายพล ฉันมีสิทธิ์และมีคุณสมบัติมากพอที่จะขอพบจินยีโหวโดยตรง”
“หลีกทางไปซะ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เกรงใจนะ!”
จินซานถามเย้ยหยันกลับไปว่า “จริงหรือ? เธอลองไม่เกรงใจให้ฉันดูสักหน่อยเป็นไร?”
เขาพูดเสียงดังขึ้นว่า “วันนี้นายท่านไม่สบาย ไม่พบใครทั้งนั้น!”
ทั้งสองคนคุยคุมเชิงกันอยูอย่างนั้น เกาเหมิ่งรู้สึกโกรธจนหน้าเขียว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ปืนหลายกระบอกที่อยู่ในมือของเขา ไม่สามารถข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามได้เลยสักนิด
ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่แบกอยู่บนไหล่ของอีกฝ่ายนั้นคือปืนครก เมื่อไรที่กระสุนปืนตกลงบนเรือของเขา มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะถูกฝังร่างลงกลางทะเลลึก
ภารกิจของเขาคือการเป็นแนวหน้าคอยเปิดทางให้ราชาเปี้ยนกับแขกทางตอนเหนือ โดยห้ามมีปัญหาอื่นแทรกเข้ามาอย่างเด็ดขาด
หากอีกสักครู่ราชาเปี้ยนกับแขกทางตอนเหนือมาถึง แล้วเขายังจัดการเรื่องนี้ให้จบลงไม่ได้ อีกหน่อยคงไม่ได้รับเกียรติแบบนี้อีกแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เขาทำได้แค่ชักสีหน้าใหม่ ฝืนยิ้มและพูดว่า “จินซานพวกเราเป็นพี่เป็นน้องกัน อย่าพูดจาใช้อารมณ์แบบนี้เลย”
“พูดตามตรง ฉันมาที่นี่เพื่อแจ้งให้ทราบ คุณชายตระกูลเซี่ยแห่งตอนเหนือ สถานะของเขาสูงส่งอย่างมาก เขากับราชาเปี้ยนของพวกเรา จะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า”
“ตระกูลเซี่ยกับตงไห่ของพวกเรา ล้วนแต่เป็นตระกูลใหญ่ที่สูงส่งและล้ำค่า ฝีไม้ลายมือทั้งสองฝ่ายก็สูสีพอๆ กัน ตอนนี้พวกเขาเดินทางมาไกลนับหมื่นลี้โดยไม่กลัวความลำบาก พวกเราไม่ควรเสียมารยาทหรอกจริงไหม?”
“ไม่เช่นนั้น อาจทำให้คนทั้งโลกหัวเราะเยาะได้ว่า ตงไห่ของพวกเราไม่รู้จักมารยาท”
“เธอยังไม่รีบไปแจ้งจินยีโหวให้มาที่นี่เพื่อรอการต้อนรับอีกหรือ”
จินซานเกิดความลังเล
นัยหนึ่ง เขาไม่ต้อนรับคนพวกนี้จริงๆ คงจะดีกว่านี้ถ้ามีแค่เพียงเกาเหมิ่งกับราชาเปี้ยนแต่ตอนนี้พวกเขาพาคุณชายตระกูลเซี่ยแห่งตอนเหนือมาด้วยนี่สิ
สถานะของคนผู้นั้นสูงส่งมากจริงๆ แหละ
ว่ากันด้วยเหตุผลและความรู้สึก พวกเขาล้วนแต่ควรให้การต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ให้สมเกียรติ
มิเช่นนั้น คนผู้นี้ เสียหน้าไม่ได้
หลังจากคิดทบทวนไปมา เขาเลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก
“ฉันรู้แล้ว ฉันจัดการเอง” บนเกาะ ภายในห้องโถงอันโอ่อ่าตระการตา จินยีโหวและหวังเหมี่ยน หลังจากที่ได้ฟังคำรายงานของจินซานแล้ว เขาพูดเพียงประโยคสั้นๆ และวางสายไป
จากนั้น หวังเหมี่ยนมองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า เขายิ้มและพูดว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าคุณชายตระกูลเซี่ยจะมาขอแต่งงานรวดเร็วทันใจขนาดนี้”
“ตอนนี้ พวกเขาต้องการให้ฉันไปที่ท่าเรือเพื่อทำการต้อนรับด้วยตัวเอง”
“หวังหลี เธอว่าไงดีหล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำถามนั้น ชายหนุ่มท่าทางซื่อๆ ดูพูดน้อยก็ยืนขึ้นทันที พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย และเรียกด้วยความเคารพว่า “คุณลุง”
จากนั้น เขาขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดเบาๆ ว่า “ตระกูลเซี่ยทางตอนเหนือ มีชื่อเสียงพอพอกับตงไห่ของพวกเรา บารมีอำนาจก็พอพอกัน”
“คุณชายสายตรงของพวกเขา ถ้าไม่เกินความคาดหมาย ในอนาคตก็จะเป็นเจ้าบ้านแห่งตระกูลเซี่ย”
“ไม่ว่าเขาจะมาด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม พวกเราควรจัดการต้อนรับขั้นสูงให้สมเกียรติ เพื่อไม่ให้คนทั้งโลกหัวเราะเยาะได้ว่าตงไห่ของพวกเราไม่รู้จักมารยาท”
หวังเหมี่ยนพยักหน้า ยิ้มและถามว่า “ตามความหมายของเธอ ฉันควรไปรอต้อนรับเขาด้วยตัวเองอย่างนั้นหรือ?”
หวังหลี ส่ายหน้า “คุณลุงแม้ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งรักษาการณ์ แต่ตอนนี้ตำแหน่งผู้นำเกาะยังคงว่างอยู่ เช่นนั้นคุณก็คือผู้รับผิดชอบโดยชอบธรรม”
“ยิ่งไปกว่านั้น ว่ากันตามอายุ คุณอาวุโสกว่า ส่วนเซี่ยหมิงเป็นคนรุ่นหลัง”
“คุณไปต้อนรับด้วยตัวเอง เห็นทีว่าจะไม่เหมาะ”
หวังเหมี่ยนขมวดคิ้ว “ถ้างั้นเธอหมายความว่า?”
หวังหลี น้อมตัวและพูดว่า “หากคุณลุงไม่ถือสา หลานจะเป็นตัวแทนคุณลุงไปรอต้อนรับเซี่ยหมิงที่ท่าเรือเองครับ”
“หลานกับเขาล้วนแต่เป็นคนรุ่นเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่ดูไม่เหมาะสม”