บัญชามังกรเดือด - บทที่ 960 เขาอยู่ที่ไหน
บัญชามังกรเดือด บทที่ 960 เขาอยู่ที่ไหน?
“ไอ้สารเลว นายคิดจะทำอะไร!”
“นายกำลังทำให้ฉันเจ็บนะ ปล่อย!”
หวังตัวยวี่พลันร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้าของเธอพลันซีดเผือดและเผยสีหน้ากระวนกระวายออกมา ก่อนที่จะพยายามหลบหนีไปจากที่นี่
เดิมที นี่ไม่ใช่บุคลิกของคุณหนูหวังเลยแม้แต่น้อย ในยามนี้ เธอไม่ใช่หญิงสาวผู้สง่างามอีกต่อไป แต่เป็นหญิงสาวขี้อายที่รอการแต่งงาน
เธอไม่เคยใจอ่อนมาก่อน
ผู้ใดจะคิดกันเล่าว่า การที่ตนเองแสดงความรักอย่างกล้าหาญเช่นนี้ แต่กลับแสดงออกมาผิดคนคนในใจของนางนั้น หาใช่คนเดียวกันกับบุคคลตรงหน้าไม่
เขาล่ะ?
เขาอยู่ที่ไหน?
เขาเป็นใคร?
ในขณะเดียวกัน หัวใจของหวังตัวยวี่พลันตกอยู่ในความตื่นตระหนกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งยังรู้สึกละอายใจไปในเวลาเดียวกัน เสมือนกับนางกำลังถูกถอดเสื้อผ้าออกมาต่อหน้าทุกคนมากมาย
ดังนั้น เซี่ยหมิงในยามนี้จึงคล้ายกับหมาป่าบ้าที่กำลังโกรธเกรี้ยว
หวังตัวยวี่จึงตกอยู่ในความลุกลี้ลุกลนและทำอะไรไม่ถูกเหมือนขึ้นมา
“ไอ้สารเลว แกทำอะไรน่ะ? ปล่อยคุณหนูใหญ่เดี๋ยวนี้!”
“เชื่อหรือไม่ สตรีเช่นข้าจะทุบตีคุณให้เขาไปอยู่ในตะแกรงเอง!”
เมื่อเห็นว่าหวังตัวยวี่ตกอยู่ในอันตรายนั้น หู่เหนียงที่เป็นหนึ่งในกองกำลังหลักของกองทัพอิสตรี รีบพุ่งตัวออกไปในทันที พลางใช้ปืนเล็งไปที่เซี่ยหมิง
“ใครกล้ายิงก็ลองดู!”
พลันเกิดลมกระโชกสายหนึ่งออกมา พร้อมกับเจ้านกแร้งที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเซี่ยหมิงเสมือนกับผีที่ติดตามตัวนัยน์ตาราวกับภูตผีจับจ้องไปที่หู่เหนียง
“ หากเจ้ากล้าทำร้ายนายน้อยของเรา ข้าสัญญาเลยว่า ตงไห่ทั้งหมดจะถูกใช้เป็นที่ฝังร่างอย่างแน่นอน!”
เสียงอันเยือกเย็นพลันดังกึ่งก้องไปทั่วห้องโถง หู่เหนียงผู้เป็นเสมือนไฟที่รุกโชตช่วงและกล้าหาญอยู่เสมอนั้น เมื่อถูกเจ้านกแร้งจับจ้องมองเช่นนี้ จู่ ๆ หู่เหนียงพลันรู้สึกว่าตัวเองได้เข้าไปในห้องเก็บน้ำแข็งที่เย็นยะเยือกถึงกระดูกในทันที
ครู่หนึ่ง เสมือนกับว่าไกปืนของนางดูเหมือนจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมามากมายเสียจน หู่เหนียงไม่มีความกล้าแม้แต่จะเหนี่ยวไกออกไปอีก
“อย่าหุนหันพลันแล่นไป!” หวังเหมี่ยนพลันลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะเอ่ยห้ามออกมาอย่างเสียงดัง
เขารู้ว่าตัวตนของเซี่ยหมิงนั้นสำคัญมาก หากเขาเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาที่นี่ละก็ แดนเหนือคงไม่เอาพวกเขาไว้แน่
แม้ว่าคำพูดของเจ้านกแร้ง จะดูบ้า ๆ บอ ๆ บางทีอาจจะไม่เป็นจริงเสมอไป หากทางเหนือกล้าเข้ามามีอำนาจเต็มที่แล้วนั้น เป็นไปได้ว่าสมาชิกทั้งหมดของตงไห่คงจะถูกฝังร่วมกันกับพวกเขา
“หู่เหนียงถอยไป ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง”
“ถ้าไม่มีคำสั่งของฉันใครก็ตามที่กล้าเหนี่ยวยิงไกปืนด้วยตัวเองละก็ จะถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานี!”
“ขอรับ ท่านโหว” ภายใต้การจ้องมองอย่างสง่างามของหวังเหมี่ยนนั้นหู่เหนียงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องล่าถอยกลับ
ดูเหมือนว่าเธอเป็นเพียงหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณหนูใหญ่หวังตัวยวี่เท่านั้น หากเปรียบเทียบตนเองกับหวังเหมี่ยนที่เป็นถึงท่านจินยีโหวแล้ว ช่องว่างระหว่างเธอกับเขายังมากเกินไป
หวังเหมี่ยนพลันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นมองไปที่เซี่ยหมิง ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “คุณชายเซี่ย พวกเรามาพูดคุยกันดี ๆ เถิด ในตอนนี้ คุณควรจะปล่อยคุณหนูของเรา”
เซี่ยหมิงพลันส่งเสียงฮึดฮัดออกมา ก่อนจะเหวี่ยงตัวของหวังตัวยวี่ออกไปไกล ๆจนทำให้หวังตัวยวี่เกือบจะล้มหน้าคะมำลง
“ ในใต้หล้า หาได้มีผู้ใดกล้ามาล้อเล่นและทำให้ฉันขายหน้าได้ไม่ถ้าวันนี้คุณตงไห่ไม่มีคำอธิบายให้กับฉันละก็ ก็อย่าหาว่าฉันเกรงใจแล้วกัน ”
จนถึงตอนนี้ เซี่ยหมิงก็ได้ฉีกภาพลักษณ์ของสุภาพบุรุษอย่างออกไปแล้ว ใบหน้าของเขาพลันฉายแววโหดเหี้ยม ออกมาราวกับอสูรร้ายก็ไม่ปาน
“เสี่ยวยวี่ มานั่งลงเถิด”
“เกิดอะไรขึ้น ? ไม่ต้องกลัว หนูค่อยๆ พูดออกมา” หวังเจี่ยนขอให้หวังตัวยวี่นั่งลงที่เดิม
ใบหน้าของหวังตัวยวี่พลันค่อย ๆ แดงก่ำออกมา เธออายที่จะเล่าว่า ตอนที่เธอออกไปได้ครึ่งทางนั้นและพบกับคนที่เธอชอบในทันที พลางคิดไปเองว่าคนที่เธอชอบก็คือเซี่ยหมิงที่มาขอแต่งงาน
หวังตัวยวี่ได้แต่ก้มศีรษะลง พลางกัดฟันพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “อย่าถามเลยค่ะ”
“ยังไงก็ตาม ฉันแค่ไม่อยากแต่งงาน”
ผู้ชมพลันตกอยู่ในความโกลาหลไปทันที
พวกเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า เหตุการณ์จะพลิกไปมาได้ขนาดนี้ เช่นนั้นจุดจบในตอนท้ายจะเป็นเช่นไรเล่า
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมคุณหนูหวังถึงกลับคำสัญญาล่ะ?”
“ใช่แล้วพี่เทียน หรือว่าหลังจากที่พี่ถูกเธอพาตัวไปนั้น ระหว่างพวกพี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ” เบื้องหลังฝูงชน ไป๋หลิงอดไม่ได้ที่จะถามด้วยเสียงต่ำออกมา
จนถึงตอนนี้ ในที่สุดฉินเทียนก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างออกมาได้ เมื่อนึกถึงหวังตัวยวี่ที่บอกว่าเธอเต็มใจ ก่อนที่แยกจากราชาจั่วเจียนนั้น…
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเธอคิดว่าเขาเป็นเซี่ยหมิง?
คนที่เธออยากแต่งงานด้วยคือตัวเขางั้นเหรอ?
มัน …จะตลกเกินไปไหม!
ทันใดนั้น หัวใจของฉินเทียนพลันเกิดอาการเต้นรัวไปในทันที เขากลัวว่าจะถูกหวังตัวยวี่จดจำเอาไว้ได้ เขาจึงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หวังเจี่ยนพลันขึ้นยืนพลางพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “คุณชายเซี่ย เกรงว่าคุณหนูใหญ่จะจดจำผิดคนไป ได้โปรดให้อภัยต่อความไม่รู้ของเธอด้วยครับ ”
“เหตุการณ์ก่อนหน้านี้สามารถพูดได้ว่าเป็นความเข้าใจผิดไปเท่านั้น หากคุณชายเซี่ยรู้สึกพวกคุณได้รับการรังแก เช่นนั้นผมจะขอโทษคุณในนามของคนตงไห่เอง”
“มีคำกล่าวว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน ความรู้สึกนึกคิดของคนเราย่อมมิอาจบังคับได้ ผมขอเชิญคุณออกไปทำการหาคู่ครองที่อื่นด้วยเถิด ”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ผู้คนในกลุ่มตงไห่ต่างพากันส่งเสียงตะโกนโห่ร้องเสียงดังออกมาในทันที
“นั่นสิ!”
“คุณหนูใหญ่ของพวกเราไม่ชอบใจนาย ยังคิดที่จะบังคับจิตใจคุณหนูของพวกเราอีกเหรอ ? อย่าลืมสิ ที่นี่คือตงไห่!”
“ออกไป!”
“กลับไปทางเหนือซะ!”
ครู่หนึ่งฝูงชนที่พากันกรุ่นโกรธพลันร้องตะโกนออกมา
ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้เซี่ยหมิงหาได้มีท่าทีรีบร้อนไม่ กลับกันเขาพลันแสดงรอยยิ้มที่พึงพอใจออกมา
สุดท้าย เขาก็ฉีกหน้าตัวเองและไม่คิดเสแสร้งอีกต่อไป
ต่อไป พวกเขาจะได้ใช้แผนการอื่นมาจัดการเสียที
“เฒ่าแร้ง ฉันเหมือนได้ยินว่ามีคนด่าว่าฉัน”
“บอกหน่อยสิ ว่าฉันควรทำยังไง?” เซี่ยหมิงพลันพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เจ้านกแร้งพลันกล่าวออกมาด้วยความเย้ยหยันว่า “ถ้ากล้าดุด่านายน้อย มันผู้นั้นสมควรโดนตัดลิ้น ” ขณะที่เขาพูดจบร่างกายของเจ้านกแร้งก็เคลื่อนไหวราวกับนกอินทรีกระโดดออกจากกรง และพุ่งเข้าหาฝูงชนด้วยความรวดเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้
ผู้คุ้มกันของตงไห่พลันรู้สึกถึงลมแรง ๆ ที่พัดปะทะใบหน้าของพวกเขาในทันที ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ปฏิกิริยากลับมาทันนั้น
เจ้านกแร้งพลันเล็งไปที่หนึ่งในนั้นแล้ว และพุ่งตัวเข้าราวกับสายลม ก่อนจะคว้าคอเสื้อคนผู้นั้นไว้
“อ๊าก!”
บอดี้การ์ดที่ถูกจับ พลันถูกอ้าปากกว้างในทันที
สองนิ้วมืออีกข้างของเจ้านกแร้งที่คล้ายกับตะขอนั้น พลันควักลงไปในปากของบอดี้การ์ดคนนั้น
ทันใดนั้น ลิ้นของบอดี้การ์ดพลันถูกกระชากขาดออกมาทั้งเป็น
“อ๊า……”
พร้อมกับเลือดที่โพยพุ่งออกมา บอดี้การ์ดที่ได้รับบาดเจ็บพลันอ้าปากร้องออกมาด้วยความตกใจ
เขาล้มลงกับพื้นและกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ทุกคนที่เห็นภาพตรงหน้าพลันเกิดอาการช็อกไปในทันที!
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนเลยว่า เจ้านกแร้งจะเคลื่อนไหวทันทีที่ที่มันพูดจบ ยิ่งไปกว่านั้น เขาตัดลิ้นออกมาจริง ๆ ด้วย!
นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว!
“คุณชายครับ นี่คือลิ้นของสุนัขตัวนี้”
อีแร้งกลับมาที่ด้านข้างของ เซี่ยหมิงโดยยังคงถือลิ้นอยู่ในมือ เขายิ้มแย้มเหมือนเด็กที่ถือของเล่นชิ้นโปรด
เซี่ยหมิงพลันพยักหน้าลง “เฒ่าแร้งทำงานหนักแล้ว”
เขามองไปที่หวังเจี่ยนและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “ราชาจั่วเจียน คุณเพิ่งพูดอะไรไปนะ? แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวานใช่ไหม?”
“แม้ว่ามันจะสมเหตุสมผล ทว่า มีอีกสิ่งหนึ่งที่คุณไม่รู้”
หวังเจี่ยนพลันกัดฟันและพูดออกมาว่า “อะไรนะ?”
เซี่ยหมิงแย้มยิ้ม. พลางเอ่ยขึ้นมาว่า “แม้ว่าแตงที่ฝืนเด็ดจากต้นจะไม่หวานแต่อย่างน้อยก็สามารถดับกระหายของคุณได้”
เวี่ยหมิงพลันจ้องมองไปที่เรือนร่างของหวังตัวยวี่ด้วยแววตาที่โชตช่วงไปด้วยไฟชั่วร้ายก็ลุกโชนขึ้นในดวงตาของเขา
“คุณหนูคุณจะให้ฉันบังคับหรือคิดสมยอมด้วยตัวเอง?”
หวังตัวยวี่พลันเกิดอาการลนลานและทำอะไรไม่ถูกไปในทันทีทั้งยังรู้สึกหวาดกลัวกับรูปลักษณ์ที่ร้ายกาจของเซี่ยหมิงอีกด้วย เธอเดินถอยกลับไปโดยไม่รู้ตัวว่าตนเองควรจะทำอย่างไร
ผู้คนภายในตงไห่พลันโมโหเดือดดาลออกมา!
โดยเฉพาะหวังเจี่ยน!
เซี่ยหมิงผู้นี้ทำเกินไปแล้วจริง ๆ ไม่เพียงทำร้ายลูกน้องผู้อื่นในที่สาธารณะเท่านั้น ทั้งยังกล้าเอ่ยคำขู่ใส่พวกเขาอีก!
ราชาจั่วเจียนพลันหัวเราะไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางเอ่ยขึ้นมาอย่างเฉียบขาดว่า “ดีมาก!”
“คนสกุลคือเซี่ย ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่านายจะบังคับมันยังไง?”
“คุณคิดว่าในตงไม่มีผู้ใดเลยงั้นหรือ?”
เซี่ยหมิงพลันพูดกลับมาในทันทีว่า “พูดได้ดี!”
“ฉันจะส่งเจ้านกแร้งออกไปก่อน ถ้าหากพวกคนของตงไห่มีใครที่ใช้การได้ละก็ ขอเพียงแค่ทำการชนะเจ้านกแร้งได้เท่านั้น ฉันจะยินยอมร้องขอโทษออกมาแต่โดยดี และสะบัดก้นจากไป ”
“และไม่คิดจะทำสิ่งใดอีก ”
“หากพวกคุณแพ้—”
เขาจ้องมองที่หวังตัวยวี่และเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวว่า “คุณหนูใหญ่ คุณรู้หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร?”