บัญชามังกรเดือด - บทที่ 968 อย่าได้ตำหนิกันเลย
บัญชามังกรเดือด บทที่ 968 อย่าได้ตำหนิกันเลย
“คุณหนู!”
ท่ามกลางเสียงร้องตื่นตระหนก หู่เหนียงที่สายตาและร่างกายว่องไวรีบเข้ามาประคับประคองหวังตัวยวี่
“เร็ว พาคุณหนูใหญ่กลับห้อง!”
“ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในทะเล เธอเคยได้รับความตื่นตระหนก ตอนนี้อาการกำเริบแล้ว!”
ท่ามกลางความโกลาหล เธออุ้มหวังตัวยวี่ไว้และก้าวเท้ายาวเดินออกไปด้านนอก
คนที่เหลือต่างก็ต้องการเข้าไปดู เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ทุกคนตื่นตระหนกและไม่กล้าเคลื่อนไหวและกระทำการใด
หัวใจของฉินเทียนรู้สึกเจ็บปวดมาก เขารู้ เรื่องนี้สำหรับหวังตัวยวี่ เธอรู้สึกเจ็บปวดเกินจะรับไหว
แต่ทว่าเขาจำเป็นต้องทำแบบนี้
การพรากจากกันครั้งสุดท้าย หวังตัวยวี่ที่อยู่ภายในอ้อมแขนของหู่เหนียง เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า
เพียงแค่สบตาเธอก็ราวกับว่าเวลาถูกยืดไปอีกหมื่นปี
ฉินเทียนรู้สึกว่าตลอดทั้งชีวิตนี้ของตนเอง เขาไม่สามารถลืมสายตาคู่นี้ไปได้เลย
หลังจากความตื่นตระหนก ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง ต่างก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป
ราชาเปี้ยนเองก็ร้อนรน ดวงตาของเขาแดงก่ำ ยกก้อนหินขึ้นและพูดเสียงดัง “ฉันไม่สน!”
“หากเป้าหมายของฉันไม่สำเร็จ ฉันจะทำลายมัน!”
“ฉินเทียน คอยดูภรรยาและลูกของนายเป็นศพเสียเถอะ!”
ฉินเทียนจ้องมองราชาเปี้ยน น้ำเสียงเยือกเย็น “เห็ดหลินจือเลือดอยู่ คุณยังมีโอกาสรอดชีวิต”
“เห็ดหลินจือเลือดหายไป ฉันจะฆ่าล้างโคตรตระกูลของคุณ คุณแต่งงานกับหญิงสาว มีลูกตอนแก่ คงจะต้องภูมิใจมากอย่างแน่นอนเลยใช่ไหม?”
“ฉันจะทำให้พวกเขาตายต่อหน้าต่อตาคุณ ฉันรับรองว่าจะเป็นวิธีการที่โหดเหี้ยมทารุณที่สุด จากนั้นฉันค่อยฆ่าคุณ”
ราชาเปี้ยนร่างกายสั่นระริก
ดวงตาของฉินเทียน เปรียบเสมือนมีดสังหารวิญญาณ ทิ่มแทงไขกระดูกของเขา ขณะนี้ เขารู้สึกว่าเลือดภายในร่างกายของเขานั้นแข็งตัว
เขาไม่รู้สึกคลางแคลงใจแม้แต่น้อย ฉินเทียนนั้นพูดจริงและทำจริง
เมื่อนึกถึงภรรยาและอนุที่งามหยดย้อยของเขา รวมถึงการเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจของลูกชายสุดที่รักที่เขาตั้งความคาดหวังไว้สูงในวัยสิบขวบ หัวใจของเขาสั่นสะท้านพลางหยิบเห็ดหลินจือเลือดออกมา
“ราชาเปี้ยนไม่ต้องกลัว!”
เซี่ยหมิงตะโกนเสียงดังลั่น “ถ้าเขากล้าที่จะทำร้ายคนในครอบครัวของคุณ พวกเราทางเหนือจะจัดการเหยียบย่ำทางใต้ และล้างแค้นให้กับคุณเอง!”
“ฉินเทียน นายกล้านำทั้งตอนใต้มาลงเดิมพันไหม?”
นัยน์ตาของฉินเทียนเย็นยะเยือกทันใด ลมหายใจพุ่งออกมาจากด้านบนของศีรษะ รวมตัวกันเป็นดาบยักษ์ล่องหนอยู่เหนือศีรษะของเซี่ยหมิง
น้ำเสียงเยือกเย็นราวกับภูเขาหิมะพันปี “นายบังอาจ!”
“ถ้าหากนายกล้าทำลายต้นไม้หรือใบหญ้าที่ทางใต้เพียงแค่นิดเดียว ฉันจะทำลายทางเหนือให้พินาศ!”
ถูกกดขี่โดยรังสีอำมหิตของฉินเทียน เซี่ยหมิงร่างกายสั่นเทา เสียงก๊อกดังขึ้น กระดูกขาข้างหนึ่งหักในทันใด
“คุณชาย!” ใบหน้าของถงอานซีดเผือด รีบเข้าไปประคองเซี่ยหมิง
มีคนมากมายยังไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น มีเพียงแค่หวังเจี่ยน หวังเหมี่ยน และยอดฝีมือเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มองออก
จากระยะไกลเช่นนี้ ฉินเทียนใช้ลมหายใจของเขาบดขยี้กระดูกขาข้างหนึ่งของเซี่ยหมิง นี่คือพลังวิชาแบบใดกัน?
ปรมาจารย์!
คาดไม่ถึงเลย ฉินเทียนยังหนุ่มยังแน่น แต่ทว่ากลับอยู่ในระดับขึ้นปรมาจารย์แล้ว!
เมื่อนึกถึงการเดินทางไปยังทางใต้ เขาเกือบมีปัญหากับฉินเทียน ร่างกายของหวังเหมี่ยนนั้นมีเหงื่อเย็นผุดออกมาอย่างอดไม่ได้
แม้ว่าเซี่ยหมิงจะเสียเปรียบ แต่ทว่า สมแล้วที่เป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งแห่งทางเหนือ แผนการและความกล้าหาญนั้นมีมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
ใบหน้าของเขาซีดเผือด อดทนต่อความเจ็บปวด กัดฟันและเอ่ย “ถือว่านายเก่ง!”
“หากวันนี้นายกล้าฆ่าฉัน รอดูได้เลยว่าผลลัพธ์ที่ตามมานั้นจะเป็นอย่างไร!”
ฉินเทียนกัดฟันและนิ่งเงียบ เขารู้ หากไม่ถึงวินาทีสุดท้าย เขาไม่สามารถสังหารเซี่ยหมิงได้
ตราบใดที่เซี่ยหมิงไม่ตาย เขาและทางเหนือ ยังพอมีช่องทางของการเปลี่ยนแปลง แต่หากเซี่ยหมิงตาย เช่นนั้นแล้วทางเหนือและทางใต้ก็จะอยู่ภายในสถานการณ์แห่งความอาฆาตแค้นอย่างไม่จบไม่สิ้น
เมื่อถึงเวลานั้น บ้านเมืองและประชาชนจะต้องได้รับความเสียหายมากมายเท่าไร เขานั้นไม่กล้าคิดเลยแม้แต่น้อย
เขาไม่กลัวความตาย แต่เขาจะปล่อยให้ผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นตายเพราะความประมาทของเขาไม่ได้
ชายหนุ่มทั้งสองคน คนหนึ่งเป็นตัวแทนของทางเหนือ อีกคนหนึ่งเป็นตัวแทนของทางใต้ เมื่อทั้งสองประจันหน้ากัน ไม่มีใครยอมก้มศีรษะให้ใคร
บรรยากาศดูจริงจังและเต็มไปด้วยไอสังหาร
เห็ดหลินจือเลือดสำหรับฉินเทียน เขาจะต้องคว้ามาให้ได้ แต่ทว่าเห็ดหลินจือเลือดอยู่ในกำมือของราชาเปี้ยน สถานการณ์ปัจจุบันราวกับว่าเขานั้นมาถึงเส้นทางตัน
จนกระทั่งหู่เหนียงปรากฏตัวอีกครั้ง เส้นทางตันนั้นพลันพังทลายลง
“หู่เหนียง พี่ฉันไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หวังหลีเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล
สีหน้าของหู่เหนียงนั้นมืดมนมาก เพิกเฉยต่อหวังหลี จ้องมองฉินเทียนด้วยสายตาเย็นชา
จากสายตาของเธอ สำหรับฉินเทียนสามารถมองเห็นความเกลียดชังที่หาที่เปรียบมิได้
ฉินเทียนสับสนงุนงง เหมือนว่าเขานั้นไม่ได้ทำให้เธอขุ่นเคืองใช่ไหม?
เขารู้ ความเกลียดชังนี้น่าจะเกิดจากหวังตัวยวี่ แต่ทว่าก็ไม่สามารถอธิบายได้ นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางตันเช่นกัน
“หู่เหนียง คุณหนูเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณมาทำอะไร ทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนคุณหนู?” หวังเจี่ยนเอ่ยถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ในที่สุดท่าทางของหู่เหนียงนั้นดีขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเธอแดงก่ำและกัดฟันเอ่ย “คุณหนูตอบตกลง”
อือ?
ทุกคนตะลึงงันชั่วขณะ
หวังเหมี่ยนเอ่ยด้วยท่าทางสงสัย “ตกลงอะไร?”
หู่เหนียงหยิบเอกสารสีทองออกมาจากอก นี่ นี่คือเอกสารสัญญาการแต่งงานเมื่อสักครู่
ด้านบนนั้นมีตราประทับของตงไห่ประทับอยู่
“หล่อนตอบตกลงแล้วเหรอ? หล่อนจะแต่งงานกับฉันใช่หรือไม่?” เมื่อเห็นเอกสารที่ประทับตรานั้นเซี่ยหมิงรู้สึกเซอร์ไพร์สและประหลาดใจมาก
หู่เหนียงเพิกเฉยต่อเซี่ยหมิง หล่อนก้าวเท้าตรงไปหน้าราชาเปี้ยนและโยนเอกสารใส่หน้าเขา จากนั้นเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้าเปี้ยนแก่ นี่คือเรื่องราวที่ดีที่คุณทำ!”
“เป้าหมายของคุณสำเร็จแล้ว เห็ดหลินจือเลือดมอบให้ฉัน!”
เธอคว้ากล่องที่บรรจุเห็ดหลินจือเลือดจากกำมือของราชาเปี้ยน หญิงสาวที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์ ในที่สุดเธอก็หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความสะเทือนใจ
เธอเดินผ่านด้านข้างของฉินเทียนพร้อมกับเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา “หล่อนกล่าวว่าสถานที่แห่งนี้มีทั้งถูกและผิด ไม่สามารถอยู่ได้นานนัก คุณรีบจากไปเสียเถอะ”
“คุณวางใจได้ สิ่งของชิ้นนี้เธอจะนำไปให้ด้วยตัวเอง”
เมื่อเอ่ยจบ เธอถือเห็ดหลินจือเลือดไว้และเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ฉินเทียนตกตะลึง!
หวังตัวยวี่ใช้การแต่งงานของตัวหล่อนเอง ความสุขตลอดทั้งชีวิตแลกเปลี่ยนเพื่อเห็ดหลินจือเลือดให้กับเขา
โดยสัญชาตญาณเขาต้องการที่จะหยุดเรื่องราวนี้
แต่ทว่าเมื่อมองไปยังแผ่นหลังของหู่เหนียงที่กำลังจากไป ราวกับว่ามีก้างปลาติดคอ เพียงแค่ประโยคเดียวเขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
ใบหน้าของเขาเศร้าหมอง ขณะนั้นความรู้สึกของเขานั้นมีมากมายและซับซ้อน
เขารู้สึกว่าโลกมนุษย์นั้นคือตาข่าย สิ่งที่ยากต่อการจัดการ ไม่ใช่ดาบของศัตรู แต่ทว่าเป็นอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่หยุดนิ่ง
“พี่เทียน พวกเราไปกันเถอะ” ไป๋หลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ฉินเทียนพยักหน้า เขานิ่งเงียบและเดินออกไปด้านนอก
“คุณฉิน ฉันจะขับเรือให้กับคุณเอง!” เมื่อหูเถิงตั้งสติพลันตะโกนเสียงดังลั่นและวิ่งไล่ตามหลังมา
……
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์หรือเปล่า แม้ว่าดวงอาทิตย์จะส่องสว่าง แต่ทะเลที่ไร้ขอบเขตนั้นกลับมีเกลียวคลื่นสีดำ ราวกับว่าวิญญาณชั่วร้ายนั้นผุดออกมาจากนรกอเวจี
ในเรือขนาดเล็กนั้นมีฉินเทียน ไป๋หลิง ฉวนซานและจินถัง อีกทั้งยังมีลิงหนึ่งตัวและนกอีกหนึ่งตัว ล่องลอยอยู่เหนือทะเลภายใต้ความเงียบงัน
ได้รับอิทธิพลจากผู้คน แม้แต่ลิงขนทองที่เริงร่าก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ
ตัวไก่อาจงนั้นยืนอยู่บนไหล่ของฉวนซาน จิกลงบนเสื้อผ้าของเขาอย่างแน่นหนา ดวงตาคู่นั้นจ้องมองไปที่กระแสน้ำที่เหมือนกับวิญญาณร้าย ตั้งหน้าตั้งตาเตรียมพร้อมและรับมือ
“ฉินเทียน ไม่ถูกต้อง พี่เทียน…”
“คาดไม่ถึงเลยว่าคุณจะทรงพลังขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เป็นน้องเองที่มองผิดพลาดไป เช่นนั้นหากว่าเคยทำอะไรให้คุณขุ่นเคือง คุณอย่าได้ตำหนิกันเลย”
หูเถิงเอ่ยด้วยท่าทางอึดอัดใจ