บัญชามังกรเดือด - บทที่ 972 ช่างประจบสอพลอ
บัญชามังกรเดือด บทที่ 972 ช่างประจบสอพลอ
ตั้งแต่แต่งงานกับฉินเทียน ซูซูนั้นเริ่มจากการขับไล่ จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นชื่นชม ในท้ายที่สุดก็ตกหลุมรักชายที่ตรงไปตรงมาและแข็งกระด้างคนนี้
ไม่ว่าเธอจะพบเจอกับปัญหาใด เขานั้นจะคอยอยู่เบื้องหลังและแก้ไขปัญหาให้กับเธอภายใต้ความเงียบงันอยู่เสมอ
เขาแข็งแกร่งและไม่เกรงกลัว องอาจกล้าหาญและฉลาดเฉลียว ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดสามารถสร้างความลำบากให้เขาได้
แต่วันนี้เนื่องจากการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ เขากำลังพูดกับตัวเองอย่างโง่เขลา
“การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์เป็นปฏิกิริยาปกติ ต่อให้คุณจะพูดอย่างไร เจ้าหนูน้อยก็ฟังไม่เข้าใจหรอก เจ้าคนโง่”
ท้ายที่สุดซูซูก็ไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป เธอยิ้มและตบไหล่ของฉินเทียนอย่างแผ่วเบา
“ทำไมจะไม่เข้าใจล่ะ เขาเข้าใจนะ คุณดูสิ ตอนนี้การเคลื่อนไหวของไอ้หนูน่ะน้อยลงตั้งเยอะแล้วไม่ใช่หรือ?”
ฉินเทียนชี้ไปที่ห้องของซูซู ท้ายที่สุดการต่อยท้องและเตะถีบอย่างรุนแรงเมื่อสักครู่นี้ ราวกับว่าเป็นการหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง
แม้แต่ส่วนที่ปูดนูดออกมานั้นก็กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าอย่างไรอย่างนั้น เชื่องช้ามากเป็นพิเศษ
“เขาฟังเข้าใจจริงหรือ?” ซูซูนั้นไม่อยากเชื่อสักเท่าไร
แต่ข้อเท็จจริงก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาเธอ เจ้าหนูน้อยที่ก่อกวนจนเธอต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ราวกับว่าตอนนี้เขานั้นอ่อนโยนมากยิ่งขึ้น
ฉินเทียนยืดลำตัวขึ้นอย่างพึงพอใจ เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “แน่นอนอยู่แล้ว เขาคือลูกชายของผม!”
“อยากกินอะไรหน่อยไหม? ผมจะไปทำมาให้”
อันที่จริงแล้วอุทยานมังกรนั้นได้จ้างเชฟเฉพาะด้านการปรุงอาหารมาด้วย ตั้งโต๊ะอาหารด้วยอาหารต้นตำรับมากมาย
แต่ทว่ายากนักที่ฉินเทียนจะกลับมา เช่นนั้นเขาอยากจะลงมือทำอาหารให้เธอทานด้วยตนเอง
ทักษะการทำอาหารของเขาไม่ได้ยอดเยี่ยม แต่ในทุกครั้งเมื่อซูซูได้ทาน หล่อนก็ยิ้มอย่างเบิกบานใจ
สำหรับเขาแล้วนี่คือความสุขและความมั่นใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
“ยังเช้าอยู่เลย ยังไม่อยากกินอะไร อยากทานโจ๊กลูกเดือยกับไข่ตุ๋นสักถ้วย”
ซูซูเอ่ยถึงอาหารสองชนิดที่ธรรมดา ช่วงนี้เธอเบื่ออาหารทุกประเภท อยากทานอาหารอ่อน
สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ยากเย็นสำหรับฉินเทียน เขาจัดการทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว
ไม่นานนัก โจ๊กลูกเดือยร้อนๆกับไข่ตุ๋นที่หอมอบอวลก็มาวางอยู่ตรงหน้าของซูซู
“อือ หอมจัง”
ซูซูสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กระตุ้นความอยากอาหารของเธอเป็นอย่างมาก
เธอกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบช้อน ฉินเทียนยิ้มและจับมือเธอไว้ “ผมเอง”
ขณะกล่าว เขาก็ตักไข่ตุ๋นขึ้นมาคำหนึ่ง จากนั้นเป่าไล่ความร้อนและยื่นไปยังริมฝีปากของซูซู
“ลองชิมดูว่าเค็มพอหรือเปล่า ระวังร้อนนะ”
ใบหน้าของซูซูแดงระเรื่อ ส่ายศีรษะและอยากจะหยิบช้อนขึ้นมา “ฉันมีมือมีเท้า ไม่ต้องให้คุณป้อนหรอก คนอื่นเห็นเข้าจะดูไม่ดี”
“กลัวอะไรกัน พวกเราเป็นสามีภรรยา การปรนนิบัติคุณนั้นเป็นเรื่องธรรมดา”
ฉินเทียนยิ้ม “อีกอย่าง ผมน่ะยินดีที่จะคอยบริการและรับใช้คุณไปตลอดชีวิต”
ซูซูถูกเขาจ้องมอง ภายในหัวใจรู้สึกหวานฉ่ำ จากนั้นหล่อนก็ทานไข่ตุ๋นที่อยู่ตรงหน้า
รสชาติเค็มหรือไม่นั้นเธอไม่รู้เลย รู้สึกเพียงแค่ว่าบริเวณลำคอของเธอนั้นไม่มีส่วนไหนเลยที่ไม่หวานหอม
“แหม แหม หวานออกสื่อกันเสียตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเธอสองคนนี่พอกันเลยนะ”
“ซูซู อายบ้างไหม ยังต้องให้ฉินเทียนป้อนข้าวป้อนน้ำ ฉันล่ะทนดูไม่ได้เลย!”
ขณะที่ซูซูกำลังทานอาหาร เสียงหยอกเย้าของหยางยู่หลันพลันดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ
หล่อนไม่รู้ว่าฉินเทียนนั้นกลับมาแล้วและตั้งใจมาเพื่อถามซูซูว่าเช้านี้นั้นต้องการทานอะไร
คาดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ผลักประตูเข้ามา จะเห็นฉินเทียนกำลังป้อนอาหารเช้าให้กับซูซูลูกสาวของตน
แม้ว่าปากนั้นจะเอ่ยหยอกเย้า แต่ทว่าภายในหัวใจของหยางยู่หลันนั้นพึงพอใจมาก
เธอรู้สึกว่าเรื่องที่เธอทำได้ถูกต้องมากที่สุดในชีวิตนั่นก็คือการให้ซูซูแต่งงานกับฉินเทียน!
เมื่อโดนหยอกเย้าใบหน้าของซูซูพลันแดงก่ำ เมื่อหันกลับมาและต้องการจะแยกแยะคำพูดสองประโยค จากนั้นก็พบว่าหยางยู่หลันได้เดินจากไปแล้ว
ยากนักที่ฉินเทียนจะได้กลับมา หยางยู่หลันก็ไม่ต้องการที่จะมารบกวนและทำลายเวลาความรักของทั้งสองคน
ขณะนี้ซูซูทำตัวสบายมากยิ่งขึ้น ภายใต้การยืนกรานของฉินเทียน เธอทานอาหารเช้าอย่างเชื่องช้า
กระทั่งเธอทานเสร็จ ฉินเทียนก็กวาดอาหารที่เหลือออกไปเพียงคราเดียว
จากนั้น ก็พาซูซูออกไปด้านนอกห้องนอน
ท้องฟ้าด้านนอกปลอดโปร่งและแจ่มใส ราวกับว่าพระเจ้าสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของคู่รักหนุ่มสาวที่กลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายจากกันไปเนิ่นนาน แดดด้านนอกค่อนข้างแรง
ดอกไม้ใบหญ้าภายในอุทยานมังกรกำลังผลิบาน หลากสีสันและส่งกลิ่นหอม
ด้วยการประคับประคองของฉินเทียน ซูซูก้าวเดินไปยังศาลาที่อยู่ไม่ไกลนักและนั่งลง
เมื่อพวกเขาต่างก็นั่งลงแล้ว จากนั้นเหลิ่งเฟิงก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “พี่เทียน อากาศดีขนาดนี้ ตกปลากันหน่อยไหม? พี่สะใภ้ไม่ได้ทานปลามาหลายวันแล้วนะ”
ฉินเทียนเตะขาออกไป “ฉันว่านายมากกว่าที่อยากกินปลา!”
เหลิ่งเฟิงไม่หลบเลี่ยงอีกทั้งยังยิ้มกว้าง “พี่สะใภ้กินไม่หมด เหล่าพี่น้องก็จะได้ลองอะไรใหม่ๆ”
“นี่ไม่ใช่การปล่อยเวลาให้ล่วงเลยทิ้งไป การตกปลาริมทะเลสาบ ถือเป็นการหล่อเลี้ยงสภาพจิตใจ สิ่งสำคัญคือการทำให้พี่สะใภ้มีความสุขไม่ใช่หรือ?”
ช่างประจบสอพลอ
ซูซูถูกเหลิ่งเฟิงเย้าแหย่ เธอหัวเราะออกมาทันใด “ที่แท้แล้วเหล่าพี่น้องก็อยากกินปลา หรือว่าเชวี่ยเอ๋อร์อยากกินปลากันแน่?”
ช่วงนี้เธอนั้นค้นพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลินเซวี่ยและเหลิ่งเฟิงนั้นอบอุ่นขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้าหมองคล้ำของเหลิ่งเฟิงพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อในทันใด เขาเกาศีรษะด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ “คำพูดของพี่สะใภ้นี่ ฮ่าๆ ใครจะกินนั้นไม่สำคัญหรอก สิ่งสำคัญคือความรักที่พี่เทียนมีต่อคุณต่างหาก”
“ไอ้เด็กคนนี้ ไปหยิบอุปกรณ์มาเลย!”
ฉินเทียนหัวเราะลั่น จ้องมองเหลิ่งเฟิงที่จากไปด้วยความรวดเร็ว เขายิ้มและถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและหลินเซวี่ยนั้นกำลังพัฒนาไปได้ด้วยดี”
“ชายโสด หญิงโสด ได้แต่งงานกันก็นับว่าเป็นเรื่องดี ใช่แล้ว เมื่อไม่กี่วันก่อนแม่พูดถึงเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง อยากจะพาเสี่ยวเชวี่ยไปทำงานที่บริษัท ทำความรู้จักกับคนอื่นเสียหน่อย”
ขณะซูซูกล่าว เธอขมวดคิ้วด้วยความลำบากใจ “ฉันรู้ความหมายของแม่ ปากของหล่อนนั้นบอกว่าต้องการให้เสี่ยวเชวี่ยได้เห็นโลกกว้าง อันที่จริงแล้วความคิดภายในหัวใจนั้นต้องการให้เธอเปิดใจและได้พบเจอกับอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตของเธอ”
รอยยิ้มของฉินเทียนแข็งทื่อ เขารู้ ปากของซูซูนั้นกล่าวว่าเสี่ยวเชวี่ย แต่ไม่ใช่หลินเซวี่ย แต่เป็นหม่าเสี่ยวเชวี่ย
เธอเป็นลูกสาวบุญธรรมของหยางยู่หลัน เป็นน้องสาวแท้ๆของหม่าหงเทาแห่งมีดม้ง
ตอนนั้นหม่าหงเทาหมกมุ่นอยู่กับทักษะการใช้ดาบ เพิกเฉยและละเลยการดูแลหม่าเสี่ยวเชวี่ย จนกระทั่งหม่าเสี่ยวเชวี่ยถูกเหล่าทายาทตระกูลร่ำรวยรังแกและได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
แม้ว่าหม่าหงเทานั้นจะสังหารไอ้พวกนักเลงนั่นไปแล้วก็ตาม แต่ทว่าบาดแผลความเสียหายที่หม่าเสี่ยวเชวี่ยได้รับนั้นกลับไม่อาจย้อนคืนได้
เด็กหญิงผู้น่าสงสารต้องเป็นโรคปิดกั้นตนเอง หลบซ่อนตัวอยู่กับหม่าหงเทา กลายเป็นคนหวาดระแวงและขี้ขลาด
ต่อมาหม่าหงเทาเต็มใจที่อยู่ภายใต้คำสั่งของฉินเทียน กลายเป็นกัปตันทีมมีดม้ง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และไม่เกรงกลัวต่อความตาย
และด้วยความน่ารักและพฤติกรรมที่ดีมากของหม่าเสี่ยวเชวี่ย หยางยู่หลันรับเลี้ยงหล่อนเป็นลูกสาวบุญธรรม คอยสั่งสอนและเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี
ช่วงนี้หล่อนนั้นดูร่าเริงมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เด็กสาวที่เป็นโรคปิดกั้นตนเองที่ขี้ขลาดและไม่กล้าพูดต่อหน้าคนอื่นอีกแล้ว
“ความคิดของแม่นั้นก็ถูก คนเราไม่ควรจมปลักอยู่กับเรื่องราวภายในอดีต จะต้องกล้าหาญและเริ่มต้นชีวิตใหม่”
“และสายตาของแม่นั้นก็เฉียบแหลมอยู่แล้ว ผมเชื่อว่ามีคนคอยดูแลเธอ เสี่ยวเชวี่ยจะไม่มีทางพบเจอคนที่ไม่หวังดีอย่างแน่นอน”
คำพูดของฉินเทียนทำให้ซูซูต้องกลอกตา “หน้าไม่อาย คุณกำลังชื่นชมแม่ฉันหรือว่ากำลังชื่นชมตัวเอง?”
“ก็ชื่นชมทั้งสองคน อย่างไรเสียผมก็ยอดเยี่ยมในเรื่องนี้อยู่แล้ว คุณเองก็รู้ดีกว่าใคร”
ฉินเทียนกะพริบตาปริบๆพลางจ้องมองซูซู ทำให้เธอหัวเราะคิกคัก
จากระยะไกล หลิวหรูยู่กำลังยืนพิงเสาอยู่บริเวณทางเดิน จ้องมองทั้งสองคนพลอดรักกัน นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความอิจฉา
เธอไม่ได้ริษยาซูซู เพียงแค่เกลียดตัวเองที่รู้จักฉินเทียนช้าไป
ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ถูกกำหนดให้เป็นเพียงผู้ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ ได้แต่หวัง แต่ไม่สามารถใกล้ชิด…
“พี่เทียน ผมมาแล้ว!”
เหลิ่งเฟิงรีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ตกปลาทั้งหมด
ฉินเทียนยิ้มพลางลุกขึ้น จากนั้นประคองซูซู “ไปกันเถอะภรรยา พวกเราไปตกปลากัน”
ซูซูอยากจะพยักหน้า ทว่าภาพตรงหน้ากลับมืดสนิท จากนั้นร่างกายของเธอพลันทรุดตัวลง