บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 1174 จากไปอย่างพ่ายแพ้และอัปยศ
บทที่ 1174 จากไปอย่างพ่ายแพ้และอัปยศ
บทที่ 1174 จากไปอย่างพ่ายแพ้และอัปยศ
เป็นไปอย่างที่ชื่อบอก ‘โถงผู้คุมกฎ’ มีไว้เพื่อจัดการบังคับใช้กฎแล้วบทลงโทษภายในสำนักศึกษาแห่งนี้
ที่แตกต่างมีเพียงว่า โถงผู้คุมกฎในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋านั้นมีสมาชิกเป็นศิษย์ภายในสำนักศึกษาเอง มีหัวหน้าศิษย์ผู้คุมกฎเป็นผู้นำ
นอกจากนั้นแล้ว เรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโถงผู้คุมกฎ รองอาจารย์ใหญ่สายนอกจั่วชิวฮงจะเป็นผู้จัดการโดยตรง สำหรับศิษย์สายนอกทั้งหลาย โถงผู้คุมกฎนับว่ามีอำนาจมากทีเดียว
เพราะศิษย์ที่อยู่ในโถงผู้คุมกฎล้วนเป็นศิษย์สายนอกฝีมือโดดเด่น ส่วนมากมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตเซียนทองคำ
ยกตัวอย่างเช่น จั่วชิวจวินนั้นไม่ใช่เพียงเซียนทองคำ แต่ยังเป็นผู้มีความสามารถที่ได้รับอันดับที่สองบนเทียบอันดับทองคำมวลสวรรค์อีกด้วย!
อีกทั้งจั่วชิวจวินยังเป็นหัวหน้าศิษย์ผู้คุมกฎ มีอำนาจสั่งการคนในโถงผู้คุมกฎได้ จึงนับว่าเขาเป็นศิษย์สายนอกที่มีอำนาจในมือไม่น้อย
เมื่อทุกคนเห็นว่า จั่วชิวจวินเดินนำคนมาจากโถงผู้คุมกฎ บรรยากาศจึงเงียบสงบลงทันใด การเผชิญหน้าเมื่อครู่ก็สงบลงเช่นกัน
ศิษย์ใหม่ทั้งหลายมองคนจากโถงผู้คุมกฎด้วยความสงสัยใคร่รู้ ส่วนสายตาของพวกศิษย์อาวุโสนั้นเป็นไปด้วยความหวาดกลัว เหมือนคนของโถงผู้คุมกฎจะเป็นพวกโหดร้ายที่ฆ่าคนได้ตาไม่กะพริบ
“จั่วชิวจวินเป็นญาติผู้พี่ของจั่วชิวอิน เป็นคนจิตใจเหี้ยมโหด หากถูกเขาเล็งเป้าหมายไว้ แม้จะเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย อีกฝ่ายก็จะถูกลงโทษหนักหน่วง” มู่อวี่ชงพลันส่งกระแสปราณมาที่เฉินซี “แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด หรือแกร่งกว่าจั่วชิวจวิน เขาก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้”
เฉินซีจดจำเรื่องนี้เอาไว้ในใจ จากนั้นเอ่ยกับมู่อวี่ชงผ่านกระแสปราณ “ขอบคุณพี่มู่ที่ชี้แนะ”
มู่อวี่ชงยิ้มให้ “เจ้าเป็นสหายของหลิงหลง ดังนั้นพวกเราล้วนเป็นสหายกัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอก”
ชายหนุ่มพยักหน้า จากนั้นมองเซวียนหยวนอวิ่นที่ยืนด้านข้างแล้วคิดในใจ มู่อวี่ชงมีน้ำใจต่อข้าเพราะมู่หลิงหลง เช่นนั้นเซวียนหยวนอวิ่นเล่า? หรือจะเป็นเพราะอาซิ่ว?
“ที่ต่อสู้กันก่อนหน้านี้เป็นใคร? โปรดก้าวขึ้นมา” พร้อมกันนั้น จั่วชิวจวินก็กวาดตามองรอบกาย สุดท้ายสายตาก็มองไปยังอ๋าวเทียนซิงและเฉินซี สีหน้าสงบนิ่งเผยกลิ่นอายโหดเหี้ยม
ฟุบ!
ทุกคนมองไปทางอ๋าวเทียนซิงเป็นตาเดียวกัน จากนั้นอ๋าวเทียนซิงก็ไหวไหล่ไม่ใส่ใจ ก้าวไปข้างหน้าแล้วป้องมือกล่าว “พี่จั่วชิว ก่อนหน้านี้ข้าแค่ประมือกับศิษย์ใหม่ แน่นอนว่าผิดกฎของสำนักศึกษา หักแต้มดาราจากตราดาราม่วงข้าไปได้เลย”
พูดแล้วก็โยนตราดาราม่วงไปให้คนข้างกายจั่วชิวจวินง่าย ๆ ก่อนจะยืนกอดอกคลี่ยิ้มมุมปากมองเฉินซี
จั่วชิวจวินมุ่นคิ้วมองอ๋าวเทียนซิง จากนั้นมองเฉินซี “ก่อนหน้านี้เจ้าสู้อยู่กับอ๋าวเทียนซิงหรือ?”
ร่างสูงใหญ่พยักหน้า “ขอรับ”
“ในเมื่อเจ้ายอมรับ เช่นนั้นก็มากับข้า” จั่วชิวจวินโบกมือ จากนั้นศิษย์ภายในโถงผู้คุมกฎข้างกายก็เดินเข้าหาเฉินซีเหมือนกำลังจะจับนักโทษ
“เดี๋ยวก่อน!” มู่อวี่ชงเอ่ยพร้อมมุ่นคิ้ว “เรื่องมันเกิดขึ้นเพราะอ๋าวเทียนซิง เฉินซีเป็นเหยื่อ เหตุใดจึงปล่อยตัวคนผิดอย่างอ๋าวเทียนซิงไปได้ง่าย ๆ แต่กลับต้องนำตัวสหายข้าไปด้วย?”
ศิษย์ใหม่หลายคนเห็นด้วยทันที
“หรือว่าโถงผู้คุมกฎสมรู้ร่วมคิดกับอ๋าวเทียนซิง คิดจงใจกดดันพวกเราศิษย์ใหม่อย่างนั้นหรือ?”
“หึ! ข้าเองก็เห็นกันเช่นนั้น ตอนนี้ทุกคนรู้ดีว่าเฉินซีไม่ถูกกับตระกูลจั่วชิว จึงใช้วิธีชั่วช้าเช่นนี้มากดดันสหายเต๋า ช่างเป็นผู้มีความสามารถเสียจริง”
“ไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องดำมืดเช่นนี้เกิดขึ้นภายในสำนักศึกษาจักรพรรดิเต่าอันมีเกียรติเช่นนี้!”
ศิษย์ใหม่ทั้งหลายเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเพื่อความชอบธรรม พากันประณามการกระทำของจั่วชิวจวินกันเสียงดัง
จั่วชิวจวินหน้าคว่ำ สายตาน่ากลัวดั่งสายฟ้าฟาดกวาดมองศิษย์ใหม่ทั้งหลายแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “พวกเจ้ามีสิทธิ์ตัดสินการทำงานของโถงผู้คุมกฎด้วยหรือ?”
ชายหนุ่มหยุดเล็กน้อยแล้วว่าต่อ “ข้าเพียงจะพาเฉินซีไปถามคำถามสักหน่อย และหากเขาไม่ผิดข้าย่อมปล่อยเขาไป หากพวกเจ้ายังคิดราดน้ำมันใส่กองเพลิงอีก ข้าจะพาไปลงโทษเสียให้หมด!”
พูดจบ ศิษย์ใหม่หลายคนก็เงียบไปดั่งจักจั่นหน้าหนาว
ในระหว่างนี้ เฉินซีมองเหตุการณ์อยู่ด้านข้างอย่างเยือกเย็น สังเกตเห็นว่าจั่วชิวอิน อ๋าวอู๋หมิง อ๋าวเทียนซิง เจี้ยงฉางไฮ่ และคนอื่น ๆ ดูจะยินดีกับความโชคร้ายของเขาอย่างออกนอกหน้า
ดูท่าคนพวกนี้จะร่วมมือกันเพื่อรับมือกับข้า… เฉินซีหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในใจ เหตุใดเขาจึงจับสังเกตไม่ได้ว่าเรื่องในวันนี้มันทั้งแปลกประหลาดและกะทันหันเกินไป เริ่มแรกอ๋าวเทียนซิงมาหาเรื่อง พอสถานการณ์ไม่ดีจั่วชิวจวินก็ปรากฏตัว ใช้สิทธิ์ของโถงผู้คุมกฎนำตัวเขาไป เหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกันเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นแผนที่วางเอาไว้นานแล้วเพื่อจัดการตน
“หากไม่มีข้อคัดค้านใดแล้ว เจ้าก็มากับเราเสีย” จั่วชิวจวินเอ่ยเสียงสงบ ดูจากท่าทางแล้ว คนที่ไม่รู้ก็คงคิดว่าคนผู้นี้เพียงทำตามหน้าที่ แต่หลายคนในที่นี้ไม่ได้คิดเช่นนั้น
“เดี๋ยวก่อน! พวกเราทุกคนเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กันทั้งหมด เฉินซีไม่ใช่คนผิด หากเจ้าคิดนำเขาไป ก็ให้เอาข้าไปด้วย ข้าจะได้ไปเป็นพยานดีหรือไม่?” เป็นตอนนั้นเองที่จี้เซวียนปิงก้าวขึ้นมาในแบบที่ทุกคนไม่ทันคาดคิด กระทั่งเฉินซียังชะงักไปเพราะไม่คิดว่าจี้เซวียนปิงจะช่วยพูดให้เช่นนี้
จั่วชิวจวินได้ยินแล้วก็นิ่งไป จากนั้นมุ่นคิ้วขึ้นมา
จี้เซวียนปิงเป็นคนที่มีฐานะในตระกูลจี้ไม่ใช่น้อย การที่จู่ ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวเช่นนี้ทำให้จั่วชิวจวินยังรู้สึกว่ารับมือยากอยู่บ้าง
“ใช่แล้ว พวกเราเป็นพยานให้เฉินซีได้เช่นกัน!” พร้อมกันนั้น เซวียนหยวนอวิ่น มู่อวี่ชง และศิษย์ใหม่อีกหลายคนก็ก้าวขึ้นมา
จั่วชิวอิน อ๋าวอู๋หมิง อ๋าวเทียนซิง และคนอื่น ๆ เห็นเช่นนี้ก็สีหน้าแข็งค้าง ได้แต่รู้สึกโกรธแค้นอยู่ในใจ จี้เซวียนปิงเข้ามายุ่งเกี่ยว สถานการณ์ถึงได้พลิกกลับเช่นนี้
จั่วชิวจวินเห็นดังนั้นจึงมีสีหน้ามืดมน “เช่นนั้นพวกเจ้าทุกคนคิดท้าทายกฎของสำนักศึกษาหรือ?”
“เราเพียงแต่พูดความจริง” จี้เซวียนปิงเอ่ยเสียงเรียบ “อีกอย่าง เจ้าก็คือเจ้า ไม่ใช่กฎของสำนัก ฉะนั้นอย่าคิดยัดข้อหาให้พวกเราตามใจชอบ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นศิษย์ใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรังแกได้ตามใจ!”
นับเป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมายิ่ง ทำให้ทั้งศิษย์อาวุโสและศิษย์ใหม่ตกตะลึงกันถ้วนหน้า ไม่คิดเลยว่าจี้เซวียนปิงจะกล้าหาญและสนับสนุนเฉินซีอย่างเปิดเผยเช่นนี้
จั่วชิวจวินเงียบไปนาน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง “ดีมาก ศิษย์ใหม่ทุกคนในปีนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ ในเมื่อพวกเจ้าเป็นพยานเห็นเหตุการณ์กันทุกคน เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะเชื่อพวกเจ้าและไม่ตามเรื่องต่อ”
พูดจบชายหนุ่มก็หันหลังแล้วหายวับไป
คนจากโถงผู้คุมกฎมองหน้ากันแล้วก็เดินจากไปเช่นกัน
ศิษย์ใหม่ทั้งหลายเห็นดังนั้นก็พากันโห่ร้อง เหมือนต่อสู้ชนะศึกมาอย่างไรอย่างนั้น
แต่ศิษย์อาวุโสกลับส่ายหน้า ศิษย์ใหม่พวกนี้ไร้ความเกรงกลัวเพราะยังไม่รู้อะไร กล้าไปล่วงเกินโถงผู้คุมกฎทั้งที่เพิ่งเข้ามาเช่นนี้ ต่อไปจะเลี่ยงคราวเคราะห์ได้หรือ?
ในหมู่คนตอนนี้ มีเพียงอ๋าวเทียนซิง จั่วชิวอิน อ๋าวอู๋หมิง และพวกที่มีสีหน้าไม่น่ามอง พวกเขาเหลือบมองเฉินซีด้วยสายตาทะมึน ได้แต่เก็บความรู้สึกโกรธเคือง ประหลาดใจ และนึกไม่ถึงไว้ภายใน
ไม่คิดเลยว่าเฉินซีจะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้อื่นมากมายเช่นนี้ ตอนแรกก็เป็นเซวียนหยวนอวิ่น มู่อวี่ชง และคนอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วย จากนั้นแม้แต่จี้เซวียนปิงก็เป็นฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วยก่อน!
เป็นเพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้จึงทำให้แผนการต้องล้มเหลวไป
…
ไม่นานทุกคนก็พากันแยกย้าย เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ศิษย์ใหม่เข้าใจแล้วว่าสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าไม่ใช่สวรรค์แต่อย่างใด
ก็อย่างที่ว่าไว้ เมื่อมีคนก็ต้องมีสังคม
หลังจากเฉินซีขอบคุณมู่อวี่ชงและคนอื่น ๆ แล้ว ชายหนุ่มก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าจี้เซวียนปิงแล้วป้องมือกล่าว “ขอบคุณพี่จี้ที่กล่าวอย่างยุติธรรม”
จี้เซวียนปิงหัวเราะ “ไม่เป็นไร พวกเราล้วนเป็นศิษย์ใหม่ ก็สมควรจะช่วยเหลือกัน อีกทั้งหากข้าไม่ทำ คนอื่นก็ทำอยู่ดี”
น้ำเสียงอบอุ่นจริงใจ เมื่อรวมกับท่วงท่าสูงส่งงดงาม ก็เหมือนกับลมเย็นพัดผ่าน ไม่ได้ให้ความรู้สึกหยิ่งผยองหรือกดผู้อื่นให้ต่ำกว่าแต่อย่างใด
ต่อจากนั้นจี้เซวียนปิงก็อยู่พูดคุยกับเฉินซีอีกสักพัก ก่อนจะหันหลังจากไป
“จี้เซวียนปิงพูดอะไรบ้างหรือ? หรือคิดจะดึงเจ้าเข้าพวกไปใช้ประโยชน์?” เหลียงเริ่นกับกู่เยวหมิงเดินเข้ามาหาสหายเมื่อเห็นจี้เซวียนปิงจากไปแล้ว และถามเฉินซีเสียงเบา
“ก็คงคิดจะเอาเฉินซีเข้าพวกน่ะสิ แต่การกระทำของจี้เซวียนปิงในวันนี้มีเบื้องลึกเบื้องหลังอื่น ซึ่งก็คือการสร้างความเชื่อใจและชื่อเสียงของตนในหมู่ศิษย์ใหม่” เฉินซียังไม่ทันตอบ มู่อวี่ชงก็กล่าวขึ้นยิ้ม ๆ “ถึงจะล่วงเกินตระกูลจั่วชิวและภพมังกรด้วยการทำเช่นนี้ แต่ก็ได้รับแรงสนับสนุนจากเหล่าศิษย์ใหม่เป็นสิ่งตอบแทน เป็นข้าก็จะทำเช่นเดียวกับเขา”
ชายหนุ่มได้ยินแล้วยิ้ม “แต่ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายจี้เซวียนปิงก็ช่วยข้าไว้ ต่อไปต้องตอบแทนบุญคุณเขา”
“จากที่ข้าเข้าใจ จี้เซวียนปิงค่อนข้างเป็นคนจิตใจดีและมีความยุติธรรม มีท่าทีของผู้เป็นจักรพรรดิ หากไม่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตัวหรือความเสื่อมทรามใด ๆ ผูกมิตรกับเขาไว้ก็ไม่เสียหาย” พร้อมกันนั้น เซวียนหยวนอวิ่นก็เดินเข้ามาเช่นกัน ชายผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วหนา นัยน์ตายกเฉียง มีท่าทีหนักแน่นดั่งภูผา เฉินซีไม่เคยรู้จักคนผู้นี้มาก่อน แต่เขากลับช่วยเหลือตนไว้หลายครั้งด้วยกัน
เฉินซีจดจำทั้งหมดนี้ไว้ เมื่อเขาเห็นเซวียนหยวนอวิ่นเดินเข้ามา จึงเอ่ยพร้อมรอยยิ้มทันที “ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้ด้วย พี่เซวียนหยวน”
เซวียนหยวนอวิ่นหัวเราะพร้อมไหวไหล่ให้ “ไม่จำเป็นหรอก เพราะทั้งหมดนี้เป็นองค์หญิงน้อยของตระกูลสั่งมา ข้าก็แค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น”
องค์หญิงน้อยหรือ?
มู่อวี่ชงดูท่าจะสนใจ เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “คงจะไม่ใช่เจ้าตัวประหลาดของตระกูลเจ้าที่ได้รับสืบทอดกระบี่เซวียนหยวนใช่หรือไม่?”
เซวียนหยวนอวิ่นกำลังจะพยักหน้า แต่จังหวะนั้นก็มีน้ำเสียงใสกระจ่างดั่งระฆังเอ่ยมาทันควัน “เจ้าตัวประหลาดหรือ? กำลังพูดถึงข้าอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ทุกคนก็อยู่ไม่สุข เจ้าของร่างสง่างามและมีชีวิตชีวาก็มาถึงอย่างรวดเร็ว