บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 1190 ความเร่าร้อนที่แผดเผา
บทที่ 1190 ความเร่าร้อนที่แผดเผา
บทที่ 1190 ความเร่าร้อนที่แผดเผา
ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัด มีเพียงเสียงอันไพเราะและเงียบสงบ แฝงร่องรอยของความเกียจคร้านเท่านั้นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ
สีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสต่างซับซ้อน มันเป็นการแสดงออกที่เต็มไปด้วยความตกใจ ผสมผสานกับความประหลาดใจ ความตื่นเต้น ความปิติยินดีและความรู้สึกอื่น ๆ สายตาจ้องมองหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำค่อย ๆ แฝงไปด้วยความร้อนแรง
เสียงนั้นมาจากหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำจริง ๆ!
“นี่ไม่ได้หมายความว่า… วิญญาณสมบัติของหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำกำลังจะปรากฏตัวต่อหน้าพวกเราอีกครั้งหรอกหรือ?”
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แม้ว่าเสิ่นฮ่าวเทียนจะสงบนิ่ง แต่หัวใจก็สั่นไหวไม่แพ้กัน
ในบรรดาผู้คนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่สงบที่สุด หรืออาจกล่าวได้ว่า ตอนที่ซ่อมแซมหม้อกลั่นโอสถ เขารู้อย่างชัดเจนแล้วว่า วิญญาณสมบัติของหม้อใบนั้นอยู่ที่นั่นเสมอ
เหตุผลเรียบง่ายมาก ประการแรก มาจากความเข้าใจเกี่ยวกับแผนผังค่ายกลยันต์อักขระภายในหม้อกลั่น ประการที่สอง เป็นเพราะทราบอย่างชัดเจนว่าแผนผังค่ายกลยันต์อักขระภายในหม้อกลั่นมีความเกี่ยวข้องกับชะตากรรมแห่งเต๋าสวรรค์ เพราะถ้าไม่มีวิญญาณสมบัติคอยปกป้องอยู่ ชะตากรรมที่สะสมมานับพันนับหมื่นปีภายในหม้อกลั่นก็คงไหลออกมา และหายไปนานแล้ว
ดังนั้นเมื่อเฉินซีได้ยินหม้อกลั่นกล่าว ชายหนุ่มก็ยืนขึ้นทันทีและหยิบบงกชครามบรรพกาลเขียวขจีออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเดินไปยืนอยู่หน้าหม้อกลั่น แล้วยกมือทั้งสองขึ้นเพื่อยื่นให้
ฟิ่ว!
ลำแสงศักดิ์สิทธิ์อันพร่ามัวและไร้ตัวตนพลันพุ่งออกมาจากภายในหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ ลำแสงนั้นตวัดบงกชครามบรรพกาลเข้าไปในหม้อกลั่น
เมื่อเห็นฉากนี้ ผู้อาวุโสทุกคนในห้องโถงก็ยิ่งแน่ใจว่าวิญญาณสมบัติแห่งหม้อกลั่นโอสถได้ปรากฏตัวแล้ว!
โดยเฉพาะผู้อาวุโสจากฝ่ายสงวนโอสถ ไม่อาจยับยั้งความตื่นเต้นในใจได้อีกต่อไป พวกเขาลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าตื่นเต้นที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนอย่างไร้ขอบเขต
นี่คือสุดยอดสมบัติของฝ่ายสงวนโอสถ หม้อกลั่นโอสถระดับสูงสุดที่จักรพรรดิเต๋าในยุคบรรพกาลได้หลอมสร้างด้วยตัวเอง! หากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน พวกเขาจะต้องเรียกหม้อกลั่นโอสถว่า ‘บรรพบุรุษ’!
ปัง!
หม้อกลั่นโอสถสั่นและเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต ผังอักขระยันต์ต่าง ๆ ทะยอยโผล่ออกมาจากตัวหม้อกลั่นโอสถ สะท้อนฉากอันยิ่งใหญ่อย่าง พระอาทิตย์ พระจันทร์ ทิวทัศน์ พืชพรรณ สรรพสัตว์ และฉากต่าง ๆ เป็นต้น
“โสมโลหิตเส้นชีพจรหยก รากเซียนเกล็ดม่วง น้ำค้างวิญญาณหมึกพิสุทธิ์เปลือกจักจั่นทองคำหกปีก…”
เสียงอันเงียบสงบเผยร่องรอยของความเกียจคร้าน พลันลอยละล่องไปทั่วห้องโถงอีกครั้ง และดูเหมือนกำลังกล่าวกับตัวเองอยู่
อย่างไรก็ตาม เมื่อมันลอดผ่านหูของเหล่าปรมาจารย์ในเต๋าแห่งโอสถอย่างเสิ่นฮ่าวเทียนและโม่หลิงไห่ มันทำให้ร่างกายของทั้งสองสั่นสะท้าน ก่อนจะหยิบกล่องหยกออกมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทุก ๆ กล่องล้วนเก็บรักษาวัตถุดิบไว้มากมาย ซึ่งแต่ละอันก็เป็นวัตถุดิบเซียนที่วิญญาณสมบัติของหม้อกลั่นโอสถเอ่ยถึง
และพวกมันมีมากถึง 127 ชนิด!
จำนวนนี้ทำให้เสิ่นฮ่าวเทียนและคนอื่น ๆ ตกตะลึง เพราะเท่าที่พวกเขารู้ การกลั่นโอสถทิพย์เก้าชีพจรจะต้องใช้วัตถุดิบเซียนทั้งหมด 136 ชนิด
แต่วิญญาณสมบัติกลับขอเพียง 127 ชนิดเท่านั้น จึงเห็นได้ชัดว่ามันน้อยลงกว่าเก้าชนิด!
หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำทำผิดพลาดหรือไม่?
ย่อมไม่ใช่อย่างแน่นอน!
ในฐานะที่เป็นหม้อกลั่นโอสถที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งเคยกลั่นโอสถและสมุนไพรมานับไม่ถ้วน มันจึงมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นบรรพบุรุษของโลกแห่งการกลั่นโอสถ เช่นนั้นมันจะผิดพลาดได้อย่างไร?
เป็นพวกเขาต่างหากที่คิดผิด!
เสิ่นฮ่าวเทียนและโม่หลิงไห่ชำเลืองมองกันและกันอย่างรวดเร็ว ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เห็นความตกตะลึงในดวงตาของอีกฝ่าย เพราะการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในสูตรของโอสถ ย่อมหมายความว่าสรรพคุณของโอสถจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
โอสถทิพย์เก้าชีพจรคุณภาพใดที่หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำสามารถกลั่นได้ด้วยการทำเช่นนี้?
ในขณะนี้ ผู้อาวุโสทุกคนจากฝ่ายสงวนโอสถต่างมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง พวกเขาจดจ่ออยู่กับหม้อกลั่นโอสถ และพยายามรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างภายในนั้นอย่างระมัดระวัง
พวกเขาไม่อาจรักษากิริยาของปรมาจารย์ในเต๋าแห่งโอสถได้อีกต่อไป ยามนี้ไม่ต่างจากศิษย์กลุ่มหนึ่งที่ว่านอนสอนง่าย ซึ่งกำลังรับฟังผู้อาวุโสที่ตนนับถือ อธิบายความลึกล้ำของเต๋าแห่งโอสถ ทุกคนต่างใจจดใจจ่อ และรับฟังอย่างตั้งใจ
“ทุกสิ่งในโลกล้วนมีจิตวิญญาณ เช่นเดียวกับโอสถทิพย์ แล้วจิตวิญญาณมาจากที่ใด? ย่อมมาจากเต๋า! ทว่าเต๋านั่นไร้รูปร่าง และด้วยการอธิบายเพียงอย่างเดียว โอสถจึงกำเนิดจากการทำความเข้าใจความลับของสวรรค์”
“ความล้ำลึกของการการกลั่นโอสถนั้นเน้นที่หัวใจ เพื่อแบกรับแก่นแท้ของจิตวิญญาณจำนวนมหาศาล และหลอมกลั่นด้วยวิธีการมากมาย”
“การฝึกฝนในวิถีของการกลั่นโอสถ ก็เป็นเช่นเดียวกับการบ่มเพาะเต๋า และเต๋าก็เป็นหัวใจเช่นกัน
หม้อกลั่นโอสถเปล่งประกาย ท่วงทำนองแห่งเต๋าดังก้องกังวาน เสียงที่ไพเราะและเงียบสงบพลันล่องลอยอยู่ในอากาศ อีกทั้งเปี่ยมด้วนกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้เหล่าผู้อาวุโสหลงใหลและเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงนี้
บางครั้งประหลาดใจ บางครั้งขมวดคิ้ว บางครั้งแย้มยิ้ม และบางครั้งเต้นรำด้วยความยินดีปรีดา
ซึ่งเป็นดั่งคำกล่าวที่ว่า เต๋ามีความลึกล้ำอยู่มากมาย และไม่มีความเข้าใจใดที่เหมือนกัน แต่เมื่อมันลอดผ่านหูของผู้คนที่แตกต่างกัน สัจธรรมที่พวกเขาเข้าใจก็จะแตกต่างกันไป
หม้อสมบัติเก้าลึกล้ำกำลังกลั่นโอสถและชี้แนะในเวลาเดียวกัน ซึ่งในขณะนี้ ทั้งห้องโถงดูเหมือนจะกลายเป็นสถานที่บรรยาย อย่างไรก็ตาม ศิษย์ที่กำลังรับฟังกลับเป็นเสิ่นฮ่าวเทียนและเหล่าผู้อาวุโส
ส่วนเซวียนหยวนพัวจวินและคนอื่น ๆ เพียงยืนอยู่ด้านข้าง พวกเขาไม่มีความสำเร็จในเต๋าแห่งโอสถมากนัก แต่เมื่อได้ยินหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำอธิบายถึงสัจธรรมอันลึกล้ำของเต๋าแห่งโอสถ พวกเขาก็มีความเข้าใจไม่มากก็น้อย
หลังจากฝึกฝนจนมาถึงระดับการบ่มเพาะปัจจุบัน คน ๆ หนึ่งจะสามารถได้รับความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาทั้งหมด และรู้แจ้งผ่านการสังเกตจากส่วนหนึ่ง แม้ว่าสัจธรรมอันลึกล้ำของเต๋าแห่งโอสถจะคลุมเครืออย่างยิ่ง แต่มันก็เป็นหนึ่งในสามพันมหาเต๋าในท้ายที่สุด และทั้งหมดก็จะบรรลุเป้าหมายเดียวกัน แม้ใช้วิธีการที่แตกต่าง
ในบรรดาผู้คนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงเฉินซีเท่านั้นที่ดูเบื่อหน่ายมากที่สุด
เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ด้วยการบ่มเพาะของตน ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถเข้าใจสัจธรรมที่ลึกซึ้งนี้ได้อย่างแท้จริง จากการฟังหม้อกลั่นโอสถชี้แนะ แม้สิ่งนี้จะไม่ทำให้เขารู้สึกเสียใจ แต่ก็อดอิจฉาไม่ได้อยู่ดี
โอสถก็มีเต๋าแห่งโอสถ
ตัวเขาก็มีเต๋าของตนเองเช่นกัน
เป็นดั่งที่กล่าวกันว่า ในมหาเต๋าทั้งสามพันชนิด แต่ละชนิดก็ล้วนมีวิถีของตนเอง
เฉินซีกังวลเกี่ยวกับโอสถทิพย์เก้าชีพจรที่ได้รับการกลั่นโดยหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำ ว่าจะมีผลลัพท์ที่น่าอัศจรรย์และน่าตกตะลึงแบบใด
เขาตั้งตารอมันอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว
…
หลังจากผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เสียงที่เล็ดลอดออกมาจากหม้อกลั่นโอสถก็หายไป ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัดอีกครั้ง
ปัง!
หลังจากนั้น เสียงครึกโครมก็ดังจากภายในหม้อกลั่นโอสถ
ฟิ่ว!
เม็ดยาที่อาบไปด้วยแสงแห่งสวรรค์พุ่งออกมาจากภายในราวกับกระแสน้ำ
ทันใดนั้น ทั้งห้องโถงก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรซึมลึกเข้าไปในไขกระดูก และดูเหมือนมันจะสามารถมอมเมาจิตวิญญาณได้
โอสถเหล่านี้มีลักษณะเป็นผลึกและโปร่งแสง มีขนาดเท่าผลลำไยที่มีจุดชีพจรเก้าจุด แต่ละจุดก็ดูเหมือนกำลังหล่อเลี้ยงชีวิต มันดูดกลืนประกายแสงแห่งสวรรค์เข้าไป แล้วแผ่กลิ่นยาอันเข้มข้นและสดชื่นออกมา
ทันทีที่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มันก็เริ่มโผบินไปมาตั้งใจจะออกจากห้องโถง ราวกับมีสติปัญญา!
“กลับมา!” เมื่อเห็นสิ่งนี้ อาจารย์ใหญ่ของฝ่ายสงวนโอสถ เสิ่นฮ่าวเทียนมีสีหน้าเย็นชา เขาดึงขวดหยกออกมา แล้วสร้างผนึกลึกล้ำด้วยมือของตน ปิดผนึกเม็ดยาทั้งหมดลงในขวดหยกอย่างรวดเร็ว
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ เสิ่นฮ่าวเทียนก็ถือขวดยาด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะโค้งคำนับไปทางหม้อกลั่นโอสถ “ขอบคุณผู้อาวุโส สำหรับความเมตตาของท่าน!”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ จากฝ่ายสงวนโอสถโค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน และนับตั้งแต่นั้น การแสดงออกของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชมจากใจจริง
“วัฏจักรแห่งกรรมล้วนมีเหตุและผล ในเมื่อพวกเจ้าช่วยข้า ดังนั้นข้าจึงช่วยเหลือพวกเจ้า ไยถึงต้องกล่าวถึงความเมตตา? แต่ถ้าพวกเจ้าอยากจะขอบคุณใครซักคน ก็จงขอบคุณชายหนุ่มคนนั้น” หม้อกลั่นโอสถกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบและไพเราะ แต่แฝงความเกียจคร้านอยู่ในที หลังจากกล่าวคำเหล่านี้จบ มันก็ไม่ส่งเสียงอีก และดูเหมือนห้องโถงจะตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง
กว่าทุกคนจะกลับมารู้สึกตัวก็ใช้เวลานานพอสมควร อีกทั้งยังไม่อาจปกปิดอาการตกใจและความยินดีบนใบหน้าได้
วิญญาณสมบัติของหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำได้ตื่นขึ้น จากนั้นก็ช่วยเฉินซีหลอมกลั่นโอสถทิพย์เก้าชีพจร และอธิบายความลึกล้ำของเต๋าแห่งโอสถในเวลาเดียวกัน เป็นเหตุให้พวกเขาได้รับอานิสงส์มากมาย
ทั้งหมดนี่เป็นเหมือนวาสนาที่ชะตาฟ้าลิขิตเท่านั้น แต่มันดันปรากฏกับพวกตน และทำให้ทุกคนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถอนหายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
แน่นอนว่าเมื่อลองคิดทบทวนดูแล้ว เฉินซีคือคนที่พวกเขาควรจะขอบคุณอย่างแท้จริง!
เพราะหากไม่มีคนผู้นี้ พวกเขาจะซ่อมแซมหม้อกลั่นโอสถได้อย่างไร?
พวกเขาจะได้รับชะตากรรมของเต๋าแห่งสวรรค์ได้อย่างไร?
พวกเขาจะเห็นวิญญาณสมบัติของหม้อกลั่นโอสถและได้รับการชี้แนะในเต๋าแห่งโอสถได้อย่างไร?
หากวาสนาเหล่านี้เป็นเหมือนไข่มุกจำนวนมาก เฉินซีก็เหมือนเชือกที่ร้อยไข่มุกเหล่านั้นเข้าด้วยกัน และเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะได้รับโชคลาภครั้งใหญ่เหากไร้ชสยหนุ่มผู้นี้
ดังนั้นในพริบตาต่อมา สายตาของเหล่าผู้อาวุโสได้มาบรรจบที่เฉินซีอย่างพร้อมเพรียงกัน แววตาเปล่งประกาย รอยยิ้มเป็นมิตรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในตอนนี้ หากเฉินซีร้องขอสิ่งใด ๆ พวกเขาย่อมตกลงโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
แม้แต่เซวียนหยวนพัวจวินและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลเซวียนหยวนก็ยิ้มเช่นกัน ในขณะที่น้ำหนักของเฉินซีในใจของพวกเขาสูงขึ้น การกระทำของชายหนุ่มคนนี้มักไม่อาจคาดเดาได้เลย
แต่ท้ายที่สุด เฉินซีก็จากไปพร้อมกับขวดโอสถทิพย์เก้าชีพจร
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะผู้อาวุโสเหล่านี้ใจร้อนเกินไป หากเขาไม่จากไปในตอนนี้ เกรงว่าตนคงถูกบังคับและได้รับการดูแลเหมือนสมบัติล้ำค่า
ความกระตือรือร้นที่มากเกินไปเช่นนี้ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกถูกครอบงำด้วยความโปรดปรานอย่างฉับพลันเป็นครั้งแรก
…
“จงไปบอกสมาชิกตระกูลเซวียนหยวนของเราในสำนักศึกษาว่า พวกเขาจะต้องปฏิบัติต่อเฉินซีเหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลในอนาคต ไม่สิ พวกเขาควรเคารพเฉินซีมากกว่านี้ด้วยซ้ำ!” หลังจากเฉินซีจากไป เซวียนหยวนพัวจวินและสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูลเซวียนหยวนก็จากไปเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เซวียนหยวนพัวจวินได้ตัดสินใจครั้งสำคัญก่อนจะจากไป
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซวียนหยวนถงไม่คิดว่าผิดปกติแต่อย่างใด และทุกคนก็พยักหน้าสนับสนุน ด้วยอายุที่ยังน้อย เฉินซีไม่เพียงมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น แต่ยังมีความลับซุกซ่อนอยู่มากมาย นอกจากนี้ เฉินซียังได้รับการยอมรับจากหัวเจี้ยนคง และผู้อาวุโสทั้งหมดของฝ่ายสงวนโอสถอีกเช่นกัน
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือคนผู้นี้ได้ช่วยเหลือตระกูลเซวียนหยวนไว้อย่างใหญ่หลวง ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ตระกูลเซวียนหยวนจึงต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจน พร้อมกับแสดงเจตนาที่ดีและสนับสนุนเฉินซีต่อไป
ในห้องโถงกว้างขวาง มีเพียงผู้อาวุโสของฝ่ายสงวนโอสถเท่านั้นที่ยังคงอยู่ เสิ่นฮ่าวเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา “เฉินซีผู้นี้… ไม่ธรรมดาจริง ๆ”
“ก่อนหน้านี้ ข้ายังสงสัยว่าเหตุใดเจ้าสำนักถึงไม่อนุญาตให้อาจราย์คนอื่น ๆ รับคนผู้นี้เป็นศิษย์เอก ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว ท่านเจ้าสำนักไม่เคยละสายตาจากเฉินซี บางทีการที่เขาทำเช่นนี้ อาจเพราะมีแผนสำหรับเฉินซีแล้วก็เป็นได้”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของฝ่ายสงวนโอสถต่างก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเราเป็นหนี้บุญคุณเฉินซีมากนัก เขายังได้รับการยอมรับจากหม้อสมบัติเก้าลึกล้ำด้วย ถ้าเขาต้องการสิ่งใดจากฝ่ายสงวนโอสถในอนาคต เราจะนิ่งเฉยไม่ได้” เสิ่นฮ่าวเทียน มีสีหน้าจริงจังพลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“แน่นอน” คนอื่น ๆ พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เสิ่นฮ่าวเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มด้วยแววตาลึกล้ำ พลางพึมพำ “กลียุคของทั้งสามภพกำลังใกล้เข้ามาแล้ว เหล่าวีรบุรุษจะปรากฏออกมามากมาย ในขณะที่เหล่าอัจฉริยะจะส่องประกายดุจดวงดาวเจิดจ้าในภพเซียน ทว่ามีเพียงคนกลุ่มเดียวในหมู่พวกเขาที่จะกลายเป็นผู้นำแห่งยุคสมัยอันทรงพลังได้!”
เขาไม่ได้เอ่ยชื่อใครในคำพูดของตน
แต่ร่างของเฉินซีก็ปรากฏอยู่ในใจของผู้อาวุโสทุกคนตรงนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน