บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 184 มหาเต๋าแห่งการสังหาร
บทที่ 184 มหาเต๋าแห่งการสังหาร
การที่เฉินซีจะไม่เข้าไปยุ่งด้วยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ วาจาของหานกู่เยว่ยังกระตุ้นเจตนาฆ่าอย่างแรงกล้าในใจของเขาอีกต่างหาก
“คุกเข่า! ไอ้เด็กน้อย…ในเมื่อเจ้าเป็นเด็กและยังโง่เขลา ข้าจะปรานีเจ้าสักครั้ง หากเจ้ายอมคุกเข่าโขกหัวและไถ่โทษโดยการนำสมบัติล้ำค่าของเจ้าออกมา ถ้ายอมแต่โดยดีบางทีโอกาสรอดชีวิตจะยังพอมีอยู่บ้าง มิฉะนั้นเจ้าก็ต้องตาย”
ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้นที่อยู่ข้างกายหานกู่เยว่ก้าวออกมา คนผู้นี้มีเส้นผมสีขาวโพลน สวมผ้าคลุมนักพรตเต๋าทำให้ดูเป็นผู้มีสติปัญญา และบนศีรษะประดับด้วยปิ่นสีเขียวหยกโปร่งแสงส่องประกายระยิบระยับ
รูปร่างหน้าตาของผู้บ่มเพาะพลังคนนี้ออกจะหล่อเหลาเอาการและดูอ่อนเยาว์ กลิ่นอายความเย่อหยิ่งและทะนงตนหมุนเวียนอยู่ทั่วร่าง ประหนึ่งราชันผู้ยิ่งใหญ่กำลังเหลือบมองสามัญชนข้างล่างกระนั้น
“ท่านพี่หานไป๋ จะจับตัวเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาสั่งสอนสินะ” ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้นพูดด้วยน้ำเสียงปนหัวเราะ “ไม่ได้ยินที่นายน้อยพูดหรือ ไอ้เด็กนี่เกือบทำร้ายนายน้อยแล้ว ฉะนั้นเจ้าคงไม่สามารถจะลงมือเองได้”
“เหอะ! อย่างนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าจะแสดงให้ดูว่าเวลาที่พญาอินทรีล่ากระต่ายน้อยนั้นเป็นอย่างไร!” กล่าวจบหานไป๋ก็ขยับก้าวไปที่กลางอากาศ สายตาเยือกเย็นเหลือบมองเฉินซี “เฮ้ย ไอ้หนู ออกมา…ถ้าข้าไม่เผยพลังแกร่งกล้าที่แท้จริงละก็…”
ฟิ้วววว!
มิทันขาดคำของหานไป๋ชายหนุ่มผมขาวโพลน หางเสียงของเขายังสะท้อนอยู่กลางอากาศขณะมีเสียงหวดขวับดังมา ทันใดนั้นแขนข้างขวาของผู้พูดพลันขาดกระเด็นด้วยอาวุธจู่โจมมาอย่างรุนแรง ทั้งชิ้นเนื้อเจือโลหิตหลั่งรินลงมาจากท้องฟ้า
“อ๊ากกก!” หานไป๋เปล่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ทว่าในใจกลับมีความเย็นชาปานเสียดแทงกระดูกดำ ครู่นี้หากไม่ใช่เพราะความว่องไวในการหลบหลีกตามสัญชาตญาณ เขาคงไม่เพียงแค่เสียแขนเท่านั้น
“จะหนีอย่างนั้นหรือ…ตายเสียเถอะ!” สุ้มเสียงเยือกเย็น ไร้ความรู้สึกดังกระทบโสตของหานไป๋ เวลาถัดมาพลันปรากฏแสงสว่างวาบพุ่งเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่กระบี่ปลายแหลมคมซึ่งประจุด้วยเจตนาสังหารแรงกล้าอันหาที่เปรียบมิได้ ทะลุคอหอยของเขาผ่านออกไปจนเหลือแต่รูโบ๋ทิ้งไว้ข้างหลังทันที ที่ร้ายกว่านั้นเมื่อเจตนาสังหารแผ่ออกจากคมกระบี่ผ่านลำคอกระจายไปทั่วร่างกายของคน ทันใดนั้นราวกับร่างกายถูกคมอาวุธที่ไม่ปรากฏจำนวนฟาดฟันอย่างรุนแรง จนชิ้นเนื้อและกระดูกกระเดี้ยวของคนกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายหล่นร่วงลงมาจากท้องฟ้า
เหมือนสายฝนโลหิต พิศวงและวิปโยค หลั่งเลือดและโหดเหี้ยม!
“ไหนว่าอยากจะได้สมบัติล้ำค่าของข้าไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ากลับเป็นผู้มอบสมบัติของเจ้าเสียอย่างนี้เล่า? ช่างเถิด ข้าขอรับไว้ทั้งหมดไม่เกรงใจก็แล้วกัน!” ว่าแล้วร่างของเฉินซีได้ปรากฏขึ้นบริเวณที่หานไป๋เพิ่งถูกชำแหละไปเมื่อครู่ จากนั้นชายหนุ่มก็ยื่นมือออกไปคว้าแหวนมิติที่เหมือนทำจากหยกขาวพร้อมด้วยแกนทองคำขนาดเท่าไข่ไก่ก่อนที่จะโยนเข้าไปเก็บไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์
“เยี่ยม! แกนทองคำจริงด้วย! เป็นของหายากและมีค่ามากเสียด้วย อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตแกนทองคำหยินหยางตกอยู่ในอันตรายและเริ่มรู้ตัวว่าคงหนีความตายไม่พ้น เขาจะทำลายแกนทองคำของตัวเอง ขนาดผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติต่อให้ไม่มีทางเลือกยังเลี่ยงการทำลายแกนทองคำ เพราะกลัวว่าตัวเองจะได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วย” ภายในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์ ขณะนั้นหลิงไป๋ถือจับแก่นทองคำของหานไป๋ไว้ในมือ ขณะกำลังกระโดดโลดเต้นพร้อมกับส่งเสียงด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ผู้อาวุโสหานไป๋!” ในขณะเดียวกันผู้นำตระกูลหาน… หานกู่เยว่และผู้อาวุโสทุกคนต่างตะโกนออกมาด้วยความตกใจสุดขีด แม้แต่หานเหวินจวินและเซี่ยวจวินก็ยังตกใจไปด้วย มิหนำซ้ำความหวาดกลัวอย่างที่ไม่อธิบายได้พุ่งขึ้นมาในหัวใจของพวกเขา
ความนิ่งและรวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด เวลานี้ผู้อาวุโสขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้นที่มีตำแหน่งสูงส่งได้ถูกสังหารและยึดแกนทองคำของเขาไปเสียแล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาไม่มีโอกาสตอบโต้อย่างเต็มที่ด้วยซ้ำ นึกดูสิว่าจะน่าอัปยศอดสูเพียงใด ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง!
ขณะเดียวกันฝ่ายถันไถจื่อเซวียนและบรรดาผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตเคหาทองคำนับสิบคนที่ยืนขนาบข้างพากันตกตะลึง และเกือบจะคิดว่าพวกเขาจินตนาการไปเอง
เมื่อครั้งที่เฉินซีจู่โจมเพื่อทำลายพยัคฆ์เกราะเกล็ดทมิฬบริเวณช่องเขาเมฆามรกต ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วถึงความดุดันของความสามารถในการต่อสู้ของเขา ถึงกระนั้นพอได้ไปเห็นกับตาว่าเขาทำลายผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นต้น ในที่สุดพวกเขาจึงเริ่มกระจ่างแจ้งในความแข็งแกร่งของเฉินซีว่าหาใช่สิ่งที่พวกเขาจะจินตนาการได้แม้แต่น้อย
“ฆ่ามัน! ฆ่าไอ้เด็กชั่วเสีย!” เสียงของหานกู่เยว่ซึ่งเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ตะโกน ทันทีที่รู้สึกตัวจากภวังค์ ความโกรธเคืองอย่างรุนแรงก็ระเบิดออกมาในพริบตา ทันใดนั้นเขาผลักฝ่ามือออกไปและกลายเป็นฝ่ามือยักษ์กวาดจับกลางอากาศทันที ฝ่ามือยักษ์เหล่านี้ถูกควบแน่นขึ้นจากปราณแท้มากมายพร้อมด้วยเต๋ารู้แจ้งที่ลึกล้ำทั้งสี่สถิตอยู่รอบฝ่ามือไม่ว่าจะเป็นมหาเต๋า เต๋าอัคคีพิโรธ เต๋าวายุโหยหวนและเต๋าสังหาร
ในบรรดาเต๋าทั้งสี่ มีอยู่สามเต๋าที่เป็นเต๋ารองลงมาโดยมีลำดับดังนี้ มหาเต๋าพฤกษา มหาเต๋าอัคคี และมหาเต๋าวายุ ในขณะที่สุดท้ายคือเต๋าแห่งการสังหารซึ่งเป็นมหาเต๋าที่น่าเกรงขามยิ่ง! ที่สุดแล้วการมีชีวิต อายุ เจ็บไข้ได้ป่วย ตาย เสื่อมถอย ทำลายล้าง เข่นฆ่า…ล้วนเป็นสิ่งเดียวกันกับมหาเต๋าแห่งสวรรค์ มหาเต๋าแห่งการสังหารนี้ประจุด้วยความเข้าใจในเจตนาสังหารของสวรรค์และโลก จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนให้เข้ากับตัวเอง โดยเน้นที่การสังหารมากเหนือสิ่งอื่นใดจึงจะจัดว่าน่าเกรงขามอย่างยิ่ง เมื่อผู้บ่มเพาะถึงขั้นสุด คนผู้นั้นจะสามารถสังหารทุกสิ่งที่ขวางหน้า รวมทั้งสามารถกวาดล้างศัตรูฝ่ายตรงข้ามได้
อย่างไรก็ตาม การฝึกมหาเต๋าแห่งการสังหารเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก เพราะความยากลำบากของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนปฐพีที่เอาชนะทัณฑ์สวรรค์ของตนเองเลย หานกู่เยว่เพิ่งตระหนักถึงความเข้าใจอย่างผิวเผินนี้โดยบังเอิญ
แต่ถึงกระนั้น ขณะที่กระตุ้นใช้งานฝ่ามือยักษ์จำนวนมากเหล่านี้ก็ดูเหมือนว่าจะครอบงำไว้โดยเทพแห่งการฆ่าอย่างแท้จริง ส่งผลให้เกิดการสำแดงเจตจำนงในการสังหารที่รุนแรง ทำให้คนบางคนถึงกับใจสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวจนเผยให้เห็นความรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวัง พื้นที่ว่างกลางอากาศแยกแตกออกเป็นเสี่ยง ทั้งสวรรค์และโลกเต็มไปด้วยคำที่เขียนด้วยโลหิตว่า ‘ฆ่า’ อย่างไม่สิ้นสุด กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมายังสามารถทลายสมาธิและจิตใจของฝ่ายศัตรูให้แตกกระเจิงด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
คนเช่นหานกู่เยว่สมควรแล้วที่มีฐานะเป็นผู้นำตระกูล ผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตแกนทองคำหยินหยางขั้นสูงที่จู่โจมโดยไม่ต้องพึ่งพาสมบัติวิเศษซึ่งตนครอบครองและได้รับพลังดังกล่าวแล้ว ทำให้เขามีพลังแข็งแกร่งกว่าซูเหลิ่งแห่งตระกูลซูถึงสองเท่า!
เจตจำนงการสังหารอันน่าสะพรึงกลัวที่ดูเหมือนเจตนาสังหารสวรรค์และปฐพีไร้สิ่งเจือปนปะทะมายังเบื้องหน้าของเขา ทำให้เฉินซีถึงกับหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ ยามนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะไม่ออมพลังอีกต่อไป เจตจำนงแห่งการสังหารไร้ขีดจำกัดที่สั่งสมจากการประสบการณ์เข่นฆ่านับครั้งไม่ถ้วนร่วมกับรอยแยกแห่งความสิ้นหวังพลันพรั่งพรูออกมา ร่างกายของเขาเปรียบได้ดั่งอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงที่ส่งมายังพื้นโลก และกว่าครึ่งก็ออกมาจากเต๋ารู้แจ้งแห่งการสังหารภายในฝ่ามือยักษ์ของหานกู่เยว่นั่นเอง!
“ฆ่า!” ร่างของเฉินซีทะยานวาบปานสายฟ้า เต๋ารู้แจ้งแห่งสายลมรวมทั้งเต๋ารู้แจ้งแห่งนภาผสานรวมกันอย่างไร้ที่ติ ทำให้ร่างกายทั้งหมดกลายเป็นโปร่งแสงดุจภาพหลอน หลบเลี่ยงฝ่ามือของหานกู่เยว่ที่พุ่งจู่โจมเข้าหาทันที
พลังแข็งแกร่งของหานกู่เยว่นับว่าเหนือชั้นมาก ด้วยคนผู้นั้นบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยางมานานแล้ว และถึงแม้เฉินซีจะมีความมั่นใจในการต่อสู้กับเขา ทว่าก็ยังตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมที่ขยายวงชั้นแล้วชั้นเล่า ดังนั้นการจะต่อกรกับคนถึงสี่คนด้วยกำปั้นเดียวจึงเป็นเรื่องยาก จนไม่อาจคิดถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา ดังนั้นเขาจึงคิดง่าย ๆ เลยว่าจะสังหารผู้อาวุโสคนอื่นของตระกูลหานเสียก่อนที่จะต่อสู้กับหานกู่เยว่
ฟิ้ววว!
บัดนี้ราวกับเฉินซีได้หลอมรวมเป็นหนึ่งกับอากาศ กระบี่ของเขาก็เสมือนอาวุธในมืออสูร ทุกครั้งที่กระบี่แทงออกไปจะเผยสายเลือดแห่งความพิศวงด้วยแรงระเบิดของไฟพะเนียง ทั้งโศกสลด งดงามและชวนหลงใหล
เมื่อก่อนเขาเป็นผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตตำหนักอินทนิลที่สามารถทำลายล้างผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตเคหาทองคำได้ และตอนที่เขาบรรลุขอบเขตเคหาทองคำก็ได้ซึมซับแก่นแท้อสูรของค้างคาวมังกรโลหิตหกปีกจนปราณแท้หนาแน่นกว่าผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตเคหาทองคำทั่วไปถึงสิบเท่า เมื่อเชื่อมโยงกับประสบการณ์การต่อสู้และความลำบากยากเข็ญมากมายที่เคยประสบในรอยแยกแห่งความสิ้นหวัง ทำให้การทำลายผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตแกนทองคำหยินหยางธรรมดา ๆ เป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น การที่เขาฝึกคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบซึ่งเป็นทักษะกระบี่ชั้นสูงแห่งสวรรค์และโลก และแปดกระบวนท่ากระบี่ที่ปรากฏในคัมภีร์ที่ใช้เวลาปรับปรุงมานานเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบสำหรับการต่อสู้มาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนจนบรรลุถึงขีดสุด ทุกกระบี่จู่โจมจะผนึกพลังมหาเต๋าจนปรากฏภาพต่าง ๆ ขึ้นมาอาทิ คลื่นพายุ เพลิงแผดเผาบนฟ้า หยินหยางพลังต่างขั้ว สายฟ้าพิโรธ…
ทักษะแปดกระบี่เต๋าที่แตกต่างรวมกับพลังบ่มเพาะของตนเอง อีกทั้งและประสบการณ์การต่อสู้มากมายต่างระเบิดออกจนสิ้น เผยศักยภาพในตัวโดยสมบูรณ์!
เปรี้ยง!
ผู้อาวุโสขอบเขตเคหาทองคำขั้นสมบูรณ์ของตระกูลหาน ที่อีกเพียงแค่เอื้อมจะบรรลุขอบเขตแกนทองคำหยินหยาง ทว่าตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงคำรามเกรี้ยวกราดของมหาสมุทรอันไร้ขอบเขตพุ่งตรงไปยังคนผู้นั้น ฉับพลันร่างทั้งร่างก็คลื่นยักษ์กลืนกินเสียแล้ว ที่ลำคอของพวกมันพลันปรากฏรูกลวงด้วยถูกอาวุธเจาะทะลุ ทำให้จบชีวิตในทันที
เปรี๊ยะ!
สายฟ้าพิโรธที่เต็มไปด้วยอานุภาพทำลายล้างเปล่งแสงเยือกเย็นฟาดลงมา ศีรษะผู้อาวุโสตระกูลหานอีกคนพลันแหลกกระจายด้วยลำแสงกระบี่กลายเป็นผีไม่มีหัว ก่อนที่ร่างไร้วิญญาณของมันจะตกลงมาจนร่างแหลกเหลวกองอยู่กับพื้นดิน
ในจำนวนคนที่มาซึ่งเป็นผู้อาวุโสสิบหกคนของตระกูลหาน นอกจากหานไป๋ที่ตายไปก่อนหน้าแล้ว ยังมีคนอีกเจ็ดคนที่ตายในเวลาต่อมา ซึ่งเจ็ดคนนี้เป็นผู้บ่มเพาะพลังขอบเขตเคหาทองคำขั้นสมบูรณ์ทั้งสิ้น ทว่าพวกเขายังไม่ทันใช้สมบัติวิเศษมาป้องกันตนเองด้วยซ้ำ ก็ถูกเฉินซีปลิดชีพเสียแล้ว สภาพการตายของพวกมันเป็นที่น่าสังเวชจนบางคนถึงกับทนดูไม่ได้ทีเดียว
“ท่านลุงทั้งหลาย แม้ว่าตระกูลหานอาจจะเคยให้สัญญาบางอย่างกับพวกท่านไว้ แต่หลังจากเข้าร่วมกับพวกเขาแล้ว พวกเขาจะไม่มีวันมอบหมายงานชิ้นสำคัญแก่พวกท่านเป็นแน่ และต่อไปอาจหาเหตุเพื่อกำจัดพวกท่านทุกคนก็เป็นได้ อย่างไรเสียพวกท่านไม่อาจได้ชื่อว่าเป็นคนในตระกูลหานได้ตลอดไป เหตุใดพวกท่านจึงไม่มาต่อสู้กับข้าตอนนี้และช่วยเหลือสหายเต๋าเฉินเค่อ กำจัดศัตรูร่วมกัน เมื่อใดที่พวกเรารอดไปได้ ข้ารับปากว่าจะดูแลให้พวกท่านทุกคนได้อยู่อย่างสบายกว่าที่เป็นอยู่อีกห้าเท่าทีเดียว!”
ทักษะการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดของเฉินซีและการสังหารศัตรูราวกับเชือดไก่ ทำให้ถันไถจื่อเซวียนตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว แต่นางก็รู้เช่นกันว่าเฉินซีอาจจะพลาดพลั้งได้ทุกเมื่อหากประมาทและนั่นก็จะกลายเป็นจุดจบของนางเช่นกัน ดังนั้นนางจึงเหลือบมองผู้คุ้มกันขอบเขตเคหาทองคำสิบคนที่อยู่เคียงข้างนางทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงเร็ว “ไม่ต้องพูดถึงคำของหานกู่เยว่ที่เคยพูดล้วนเป็นเรื่องเพ้อเจ้อและหลอกลวงทั้งเพ ข้าส่งสารขอความช่วยเหลือไปยังท่านพ่อแล้ว อีกไม่นานท่านจะต้องมาช่วยเราแน่!”
“คุณหนู ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด พวกเราจะทรยศต่อตระกูลถันไถได้อย่างไร วันนี้พวกเราจะร่วมกันกำจัดศัตรูและฝ่าวงล้อมกลับไปพร้อมกันเถิด!”
“ดี ตระกูลหานชั่วช้าเลวทราม พวกมันพยายามจะยึดตราคำสั่งเมฆามรกตของตระกูลถันไถเรา และสร้างข้อความเท็จขู่เข็ญพวกเรา ถ้าพวกเราไม่จัดการอะไรสักอย่าง พวกมันจะต้องคิดว่าพวกเราขี้ขลาด!”
“ฆ่ามัน!”
ผู้คุ้มกันขอบเขตเคหาทองคำแห่งตระกูลถันไถสิบกว่าคน ทีท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ใจหนึ่งพวกเขายังคงมีความโลภโมสันในเรื่องที่ถันไถจื่อเซวียนรับปากไว้ อีกใจหนึ่งพวกเขาก็เกรงกลัวผู้นำตระกูล…ถันไถหงยังไม่ตายอาจมาแก้แค้นพวกตนในอนาคต
แต่ที่สำคัญเป็นเพราะเฉินซี เคล็ดวิชาอันทรงพลังที่เผยออกมาทั้งหมดของชายหนุ่มเพื่อทำลายศัตรู พวกเขาทุกคนสังเกตเห็นโดยถ้วนหน้าและมีความเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้ บางทีพวกเขาอาจจะสามารถพลิกสถานการณ์ให้พวกตนรอดไปได้ทั้งหมด!
“ฆ่ามัน!” ยามนี้ถันไถจื่อเซวียนเกิดความมั่นใจขึ้นในทันที จึงส่งเสียงตะโกนอย่างฮึกเหิมออกมาด้วยพร้อมกับสมบัติวิเศษในมือทั้งสองข้างขณะที่พุ่งตัวออกไปเพื่อจู่โจมเซี่ยวจวิน
นางเกลียดชังแม่สาวใช้ที่ทรยศหักหลังมากที่สุด ไม่เพียงเซี่ยวจวินจะทรยศนางเท่านั้น ทว่านังตัวดียังแอบขโมยสมบัติล้ำค่ามากมายนับไม่ถ้วนที่เก็บสะสมไว้ที่ช่องเขาเมฆามรกตไปให้ตระกูลหาน ใครจะไม่แค้นเคืองคนทรยศไร้ยางอายเช่นนี้
‘ในที่สุดคนพวกนี้ก็ลงมือจนได้!’ เฉินซีนึกในใจพลางลอบถอนใจอย่างโล่งอก กระบวนท่ากระบี่ที่เขาใช้แม้จะรวดเร็วและดุดัน แต่ด้วยปัญหาที่ฝั่งตรงข้ามมีคนเยอะกว่าและล้วนมีระดับการบ่มเพาะเหนือกว่าเขาทั้งนั้น เขาจึงรู้สึกกดดันไม่น้อย การมีคนเข้ามาช่วยเหลือเพิ่มเติมย่อมเป็นเรื่องดี
ใช่ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ แต่เป็นเพราะไม่มั่นใจว่ากระบวนท่าไม้ตายสังหารจะทำลายพวกมันได้ครบหรือไม่ เพราะหากฆ่าพวกมันไม่ได้หมด ผลสะท้อนจากกระบวนท่าจะทำให้เขาสูญเสียความเร็วจนกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถึงตอนนั้นโอกาสที่จะหลบหนีจึงเป็นไปไม่ได้เลย