บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 380 หนึ่งการโจมตีที่น่าอัศจรรย์
บทที่ 380 หนึ่งการโจมตีที่น่าอัศจรรย์
จะจัดการกับข้าในเสี้ยวอึดใจ?
ช่างหยิ่งผยองเสียจริง ๆ…
มุมปากของชิวเซี่ยวเฟิงกระตุกอย่างรุนแรง ความรู้สึกของการถูกดูถูกทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยความโกรธ เขาพุ่งไปข้างหน้าภายในน้ำตกที่วุ่นวายพร้อมกับความเกรี้ยวกราด และจู่โจมอย่างดุเดือด
ปัง! ปัง! ปัง!
น้ำตกที่ไหลลงมารอบตัวสั่นสะเทือน เสาน้ำพังทลายลงและกระจายว่อนไปทุกทิศทาง ความแข็งแกร่งของชิวเซี่ยวเฟิงนั้นไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ปราณแท้และเต๋ารู้แจ้งอันยิ่งใหญ่ม้วนตัวอยู่รอบตัวเขา ทำให้กลิ่นอายที่สง่างามของเขาดุร้ายขึ้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ รัศมีที่ทรงพลังและน่าเกรงขามแผ่ออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
“ระวัง การป้องกันของสหายผู้นี้น่าทึ่งมาก ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขานั้นไร้ขอบเขต และเขายังฝึกฝนกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าสายพลังมังกรอสรพิษของนิกายบ่อหยกเสียด้วย” ฟ่านอวิ๋นหลานเตือนเฉินซีจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากนิกายอสูรจันทร์เสี้ยวโลหิตกับนิกายบ่อหยกมีความบาดหมางกันมาแต่เดิมอยู่แล้ว นางจึงรู้ถึงความแข็งแกร่งของศิษย์จากนิกายบ่อหยกเป็นอย่างดี และรู้ว่าชิวเซี่ยวเฟิงผู้นี้มีพลังมากเพียงใด
ปัง!
ชิวเซี่ยวเฟิงทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วทุบกำปั้นของเขาออกไป พลังจากกำปั้นนั้นรุนแรงมากจนมันแปรเปลี่ยนเป็นมังกรอสรพิษที่คำรามก้องราวกับฟ้าร้อง ด้วยท่าทางดุร้าย กดข่มและหยิ่งผยอง เขาตั้งใจที่ส่งเฉินซีออกจากน้ำตกด้วยหมัดเดียว!
เหมือนดังที่ฟ่านอวิ๋นหลานกล่าวไว้ เมื่อเขาเข้าสู่สถานะต่อสู้ ชิวเซี่ยวเฟิงก็แสดงจิตวิญญาณที่กล้าหาญอย่างหาที่เปรียบมิได้ ดูเย่อหยิ่งและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับว่าต้องการบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้าเขาด้วยพลังไม่อาจมีใครต้านทานได้!
แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้สร้างความกดดันให้กับเฉินซีเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งท่าทีของชายหนุ่มยังดูแข็งกร้าวยิ่งกว่าอีกฝ่ายเสียอีก เขายกมือขึ้นและวาดกระบี่ออกไป การโจมตีที่รุนแรงและแม่นยำนี้พุ่งตรงไปยังกำปั้นของชิวเซี่ยวเฟิงราวกับสายฟ้าเส้นหนาฟาดลงมา
“อึก… ” ชิวเซี่ยวเฟิงหายใจสะดุดเพราะความเจ็บปวดในทันที
แม้ว่าหมัดที่เขาชกออกไปจะทรงพลังมาก แต่เพราะเฉินซีโจมตีด้วยความเกลียดชังที่สุมอยู่ในอก การโจมตีด้วยกระบี่นี้จึงอัดแน่นไว้ด้วยเต๋ารู้แจ้งแห่งลม สายฟ้า นภา และไฟ กระแทกเข้าทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายโดยตรง หากไม่ใช่เพราะชิวเซี่ยวเฟิงถอนการโจมตีกลับได้ทันเวลา เกรงว่าแขนทั้งสองข้างของเขาคงถูกจะฟันขาดเป็นท่อน ๆ ไปแล้ว
เฉินซีไม่เคยปล่อยความได้เปรียบหลุดไป เขาพุ่งไปข้างหน้าในขณะที่ใช้ออกกระบวนท่ากระบี่อันยิ่งใหญ่ทั้งแปดของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบด้วยยันต์ศัสตราในมือของเขา เงากระบี่ซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ และไล่ล่าชิวเซี่ยวเฟิงอย่างดุเดือด ทำให้ยามนี้เขาดูหยิ่งยโสยิ่งกว่าชิวเซี่ยวเฟิงเมื่อครู่เสียอีก!
ฟู่!
เลือดสาดกระจายไปทั่วทิศทาง แม้ว่าชิวเซี่ยวเฟิงได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ปราณแท้ของเขาพุ่งทะลักออกมาเพื่อปกป้องร่างกายและแปลงเป็นลำแสงสีดำพุ่งทะยานออกไป ตัวคนพุ่งขึ้นไปตามน้ำตกในขณะที่เคลื่อนหลบการไล่ฆ่าอย่างต่อเนื่องของเฉินซีที่แทบจะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลยไปด้วย
เฉินซีเหวี่ยงยันต์ศัสตราในมืออีกครั้งด้วยสีหน้าเฉยเมย คมกระบี่กวาดผ่านราวกับสายน้ำขนาดมหึมาที่ไหลทวนกระแสน้ำพุ่งทะลุผ่านท้องฟ้า
ชิวเซี่ยวเฟิงโกรธมาก เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าความประมาทเลินเล่อในตอนแรกเริ่มของตนเอง จะทำให้เขาต้องตกเป็นรองอีกฝ่ายและยังเสียจังหวะรุกกลับไปอีก ตอนนี้มันก็สายเกินจะเสียใจแล้ว!
ครืน!
เจตจำนงกระบี่ที่ดุร้ายและบริสุทธิ์จู่โจมเข้ามาหา ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องหลบเลี่ยง ชิวเซี่ยวเฟิงทะยานออกไปกว่าสิบจั้ง ขณะที่เสาน้ำนับพันซึ่งถูกทำลายแตกเป็นเสี่ยง ๆ พุ่งลงมาจากน้ำตก ทำให้เขาแทบไม่มีโอกาสได้หายใจ
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ชิวเซี่ยวเฟิงก็เลิกดูถูกศัตรูโดยสมบูรณ์ ร่างกายของเขาทอประกาย หมอกสีดำพวยพุ่งออกมาเต็มอากาศและขยายตัวจนกลายเป็นภาพหลอนของมังกรอสรพิษพันอยู่รอบตัว
เมื่อโลกเปล่งจิตสังหาร มังกรอสรพิษจักโผล่ขึ้นมาจากแผ่นดิน เมื่อมนุษย์ปล่อยจิตสังหาร สวรรค์และปฐพีจักพลิกคว่ำ!
ทันทีที่เงามังกรอสรพิษปรากฏกายขึ้น ความแข็งแกร่งของชิวเซี่ยวเฟิงก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างกะทันหัน จิตสังหารยังคงวนอยู่รอบตัวเขา กล้ามเนื้อทั่วร่างกายปูดโปนขึ้นทีละส่วนราวกับว่ามีมังกรจำนวนมากห่อหุ้มร่างกายเอาไว้
ตู้ม!
นี่คือกระบวนยุทธ์ระดับเต๋า ‘สายพลังมังกรอสรพิษ’! ศิลปะการต่อสู้อันทรงพลังที่มีทั้งความสามารถในการโจมตีและการป้องกันในหนึ่งเดียว และเป็นหนึ่งในมรดกของนิกายบ่อหยก!
ปัง!
ชิวเซี่ยวเฟิงพุ่งออกไปอีกครั้งพร้อมกับมังกรอสรพิษที่ปกคลุมร่างกายของเขา ซึ่งดูราวจะถูกกลืนหายไปในพายุสีดำที่ปั่นป่วน เขาฟาดกรงเล็บออกไปด้านหน้า ระเบิดเสาน้ำโดยรอบจนกระเซ็นและกระจายอย่างรุนแรง
ละอองน้ำแปรผันไปตามเต๋ารู้แจ้งต่าง ๆ รวมตัวกันเป็นลูกคลื่นถาโถมเข้ามา ประหนึ่งต้องการฝังเฉินซีให้จมสู่เบื้องใต้ของพวกมัน
ฟิ้ว!
ร่างของเฉินซีสว่างวาบขึ้นขณะที่อักขระยันต์เข้าโอบล้อมยันต์ศัสตรา เต๋ารู้แจ้งพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาวาดกระบี่ออกไปด้วยกระบี่เกิ้นแห่งขุนเขาที่ยิ่งใหญ่และสง่างามที่สุด ดูราวกับภูเขาไท่ซานกดทับบดขยี้ลงมา
การต่อสู้อย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ทักษะการใช้เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบของเฉินซีก้าวหน้าถึงระดับที่สูงมากแล้ว เมื่อเผชิญกับการโจมตีที่หลากหลาย เขาจึงสามารถปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดออกไปได้ทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังก้องเขย่าท้องฟ้า คลื่นที่ซัดสาดถูกบดขยี้จนกระจายไปด้วยคมกระบี่นี้ เฉินซีเหยียบกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวของน้ำตกพุ่งไปจู่โจมชิวเซี่ยวเฟิงอีกครั้งโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ดวงตาของชิวเซี่ยวเฟิงหรี่ลง เมื่อเขาเห็นว่าการโจมตีของตนยังไม่สามารถทำอะไรเฉินซีได้ หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาสะบัดแขนและฝ่ามือที่มีขนาดมหึมาก็กดทับลงมาด้วยความตั้งใจที่จะทุบเฉินซีให้กลายเป็นก้อนเนื้อในบัดดล
ร่างของทั้งคู่ทอประกาย มีเต๋ารู้แจ้งและปราณแท้ที่เพิ่มขึ้นทุกขณะโอบล้อมเอาไว้ ทุก ๆ การโจมตีของพวกเขา ทั้งฝ่ามือและกระบี่ต่างแฝงด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัวของเต๋ารู้แจ้ง การต่อสู้นี้ได้เลยจุดที่ทำให้ผู้ชมทุกคนตกตะลึงจนเป็นใบ้กินไปนานแล้ว
ในที่สุด การโจมตีของทั้งสองคนก็เข้าปะทะกัน ทักษะสายพลังมังกรอสรพิษที่ปกคลุมรอบตัวของชิวเซี่ยวเฟิงนั้นราวกับพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่ที่แข็งแรงและทรงพลังยิ่ง แต่ภายใต้การโจมตีจากยันต์ศัสตราของเฉินซี รูจำนวนมากได้เริ่มปรากฏขึ้นในกลุ่มหมอก ทำให้เกิดแผลเปิดบนร่างกายของชิวเซี่ยวเฟิงและเลือดกระเซ็นที่ทำให้เขาทั้งตกใจและโกรธเกรี้ยวในเวลาเดียวกัน
เห็นได้ชัดว่าสหายผู้นี้กำลังแบกคนเอาไว้บนหลัง แต่เขากลับยังมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งและน่าเกรงขามเช่นนี้อีก ชิวเซี่ยวเฟิงแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“มังกรอสรพิษผงาด! กลับสู่ระฆังแปรเปลี่ยน!” ดวงตาของชิวเซี่ยวเฟิงเปลี่ยนเป็นสีแดง สีหน้าของเขาบิดเบี้ยว ขณะตะโกนออกมาดังก้อง มังกรอสรพิษพลันเปลี่ยนเป็นระฆังขนาดมหึมา ลายมังกรทะยานอสรพิษขดบนพื้นผิวของระฆังส่งเสียงร้องโหยหวน
เหง่ง!
เฉินซีฟาดฟันไปที่ระฆังนั้นอย่างดุเดือด ทำให้เกิดเสียงก้องสั่นสะเทือนท้องฟ้าและกระจายออกไปกว่าร้อยลี้
“ช่างเป็นความสามารถในการป้องกันที่ทรงพลังจริง ๆ !” เฉินซีรู้สึกประหลาดใจ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นกระบวนยุทธ์ระดับเต๋าที่โดดเด่นด้านการป้องกันมากขนาดนี้
เหง่ง! เหง่ง! เหง่ง!
ระฆังมังกรอสรพิษส่งเสียงที่ดังมากพอจะทำให้คนหูหนวกออกมา ขณะที่ชิวเซี่ยวเฟิงควบคุมระฆังราวกับว่าเขากำลังควบคุมแขนขาของตน โดยตั้งใจที่จะบดขยี้เฉินซีให้กลายเป็นแอ่งเลือดภายใต้การโจมตีนี้
ในความเป็นจริง เขาเคยจัดการกับศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้ในอดีต ด้วยการบดขยี้คู่ต่อสู้หลายคนโดยระฆังยักษ์จนเลือดอาบและกระดูกแตกเป็นเสี่ยง ๆ และมันก็ได้ผลทุกครั้งไป
ทว่าครานี้มันกลับไม่ได้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น เฉินซีวาดยันต์ศัสตราในมือของเขาขึ้นเหนือหัว ราวกับร่ายรำกระบี่อยู่ในอากาศ ตัวคนยืนอยู่บนท้องฟ้าดุจต้นสนเก่าแก่บนฝั่งผาข้างน้ำตก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เขาจะฟันมันทิ้งในกระบี่เดียว!
“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้!” ชิวเซี่ยวเฟิงเดือดดาลด้วยความโกรธ เขาตบระฆังมังกรอสรพิษยักษ์ด้วยฝ่ามือของเขา จากนั้นอักขระ ‘封’*[1] ที่เก่าแก่และทรงพลังก็ปรากฏขึ้นอย่างรางเลือน
“โอม!”
ในเวลาเดียวกันกับที่เสียงของมหาเต๋าดังขึ้น ระฆังมังกรอสรพิษก็ขยายขนาดอย่างกะทันหันขณะที่เปล่งแสงสีดำแสนกดข่ม และปล่อยแรงกดดันที่ทำให้หัวใจของทุกคนที่อยู่ข้างนอกน้ำตกรู้สึกเย็นเยียบจนต้องถอยกลับไปทีละคน
“นี่คือทั้งหมดที่เจ้ามีหรือ? เช่นนั้นก็ไสหัวไปเสีย!” ทันใดนั้น หางตาของเฉินซีก็สังเกตเห็นป้ายคำสั่งเต๋าแห่งการต่อสู้สองชิ้นตกลงมาจากเหนือน้ำตก จากนั้นเขาก็หยุดมือทันที
ตู้ม!
กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงดังกระหึ่ม ยันต์ศัสตราในมือของชายหนุ่มร่ายรำดุจมังกร ปล่อยเสียงคำรามยาวดังก้องไปทั่วสวรรค์และปฐพี รังสรรค์ภาพมายาหลากหลายนับไม่ถ้วนขึ้น ก่อนที่มันจะระเบิดและฟันลงมาอย่างกะทันหัน
แคร๊ก! เพล้ง!
ภายใต้การโจมตีที่น่าตกใจนี้ ระฆังมังกรอสรพิษที่มีขนาดมหึมาเป็นราวกับกระดาษที่ถูกฉีกออกเป็นสองอย่างง่ายดายท่ามกลางคลื่นเสียงที่แตกร้าวอย่างรุนแรงที่ดังขึ้นมา
เกือบจะในเวลาเดียวกัน ร่างของชิวเซี่ยวเฟิงก็กระเด็นลอยออกมาพร้อมกระอักเลือดออกมาเต็มปาก แต่ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน ร่างกายก็ถูกกระแสน้ำมากมายจากน้ำตกห่อหุ้มเอาไว้แล้ว
พลังของกระแสน้ำนับพันมหาศาลยิ่ง ภายใต้สภาพที่ถูกจับโดยไม่ได้เตรียมตัว เขาก็เหมือนลูกบอลที่ถูกเหวี้ยงลอยขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะถูกผลักกระเด็นออกมาจากน้ำตกโดยตรง ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนอย่างไม่พอใจ ชิวเซี่ยวเฟิงก็ถูกเคลื่อนย้ายออกจากยอดเขาทะยานสวรรค์ และถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์!
“ข้า…ข้าไม่ยอมรับเรื่องนี้!!”
ผู้ชมทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง ชิวเซี่ยวเฟิงถูกส่งตัวปลิวไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว? เป็นไปได้หรือไม่ว่าในการต่อสู้ในครั้งก่อน ๆ เฉินซียังคงซ่อนความแข็งแกร่งของเขาเอาไว้อยู่เสมอ?
สวรรค์!
อีกทั้งเขายังแบกคนเอาไว้ตลอดการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ ความแข็งแกร่งของเขามีมากมายเพียงใดกัน?
“ศิษย์พี่ใหญ่!” ดวงตาของชุยเถี่ยและเฉิงอวิ่นเกือบจะถลนออกมา พวกเขากรีดร้องด้วยความตกใจและความโกรธ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่ไร้เทียมทานในใจของพวกตนจะพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถและถูกกำจัดออกจากการแข่งขันเช่นนี้!
“ทรงพลัง!”
“แข็งแกร่ง!”
“สุดยอด!”
ย่าชิงและหญิงสาวคนอื่น ๆ ต่างก็ตื่นตาตื่นใจและมองดูด้วยความหลงใหลอันทอประกายแวววับอยู่ในดวงตาของพวกนาง หากไม่ใช่เพราะเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตนเอาไว้ พวกนางคงเริ่มกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและตะโกนส่งเสียงเชียร์ไปนานแล้ว
“เหวินเฟย เจ้าเคยใช้คำนิยามเฉินซีไว้ว่าอย่างไรนะ?” เหวินเสวี่ยนที่ได้เห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากเช่นกัน เขาตบไหล่ของมู่เหวินเฟยขณะที่ถามขึ้น
มู่เหวินเฟยทำหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บปวด แต่เขายังคงพูดตอบอย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่เฉินซีคือผู้สร้างปาฏิหาริย์ไม่รู้จบ!”
“ใช่แล้ว! ปาฏิหาริย์ไม่รู้จบ สิ่งที่เราไม่สามารถจินตนาการได้ นั่นเรียกว่าปาฏิหาริย์! ฮ่า ๆ…” เหวินเสวี่ยนหัวเราะอย่างเต็มที่ ในขณะที่เขาภาคภูมิใจไปกับความสำเร็จของเฉินซี
ภายในพระราชวังธารสายไหม
เมื่อได้เห็นสิ่งเกิดขึ้นนี้ ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนต่างก็อุทานซ้ำ ๆ ด้วยความชื่นชมในใจ แน่นอนว่าอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาย่อมปรากฏขึ้นในทุกรุ่น และทุกรุ่นย่อมแข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อน ๆ!
ด้วยสายตาที่เฉียบแหลม พวกเขาจึงเห็นได้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของชิวเซี่ยวเฟิงนั้น เขาจะสามารถติดสามสิบอันดับแรกของการชุมนุมดาวรุ่งนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา หากเขาอยู่รอดจนจบได้ ทว่าตอนนี้เมื่อได้พบกับเฉินซี ทำให้เขาพ่ายแพ้และถูกกำจัดไปในที่สุด พวกเขาจึงทำได้เพียงถอนหายใจอย่างเสียดาย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับการถอนหายใจกับเรื่องของชิวเซี่ยวเฟิงแล้ว ภาพลักษณ์ของเฉินซีในหัวใจของตัวประหลาดเฒ่าทั้งหลายก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง และกลายเป็นม้ามืดที่ควรค่าแก่การให้ความสนใจเป็นพิเศษ
แม้แต่หวงฝู่จิ่งเทียนกับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีอีกห้าคนที่ไม่ชอบหน้าเฉินซีเองก็ยังต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่งยวด เมื่อเทียบเคียงกับคนรุ่นเดียวกันแล้ว
ในเวลานี้ คนที่ไม่มีความสุขที่สุดคืออวี้คุนจื่ออย่างไม่ต้องสงสัย ใบหน้าของเขาดำคล้ำด้วยความเกรี้ยวกราดจากไฟแห่งความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่เต็มอกและไม่มีที่ระบาย จนทำได้เพียงแค่ตีหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงนั้น
ชิวเซี่ยวเฟิงเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาและเป็นศิษย์สายหลักของนิกายบ่อหยก อวี้คุนจื่อตั้งใจที่จะฝากความหวังในการชุมนุมดาวรุ่งครานี้ทั้งหมดเอาไว้ที่อีกฝ่าย โดยหวังว่าคนคนนี้จะสามารถเข้าสู่สิบอันดับแรกและนำความรุ่งโรจน์มาสู่นิกาย ใครจะคิดกันว่าเขาจะถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์เพียงแค่การทดสอบที่สองเท่านั้น!
ส่วนผู้ที่มีความสุขที่สุดก็ย่อมต้องเป็นเป่ยเหิง เมื่อเขาเห็นพี่น้องร่วมสาบานแสดงความสามารถอันยอดเยี่ยมให้ผู้เข้าร่วมทั้งการชุมนุมดาวรุ่งได้ประจักษ์ เขาก็รู้สึกภาคภูมิใจอย่างมากจนถึงจุดที่ใบหน้าประดับไว้ด้วยรอยยิ้มที่กว้างจนถึงหู
ท่ามกลางการสนทนาของทุกคนที่มีทั้งเสียงอุทานแสดงความชื่นชมและคำด่าทออย่างเกลียดชัง เฉินซีกับฟ่านอวิ๋นหลานก็ได้หายตัวไปจากน้ำตกบนยอดเขาทะยานสวรรค์และเข้าสู่พื้นที่ที่แปลกประหลาดได้พักใหญ่แล้ว!
[1] 封 มีความหมายว่า ปิดล้อม หรือผนึก