บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 413 แปดกระบวนท่ารวมเป็นหนึ่ง
บทที่ 413 แปดกระบวนท่ารวมเป็นหนึ่ง
ชิงซิ่วอี้ไม่ได้กล่าวอะไรอีกต่อไป สภาพจิตใจของนางสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ ทำให้สีหน้านั้นนิ่งเรียบประหนึ่งบ่อน้ำโบราณ ที่ไม่มีระลอกคลื่น และนางก็เข้าสู่สภาวะอันลึกล้ำ อากาศที่อยู่รอบตัวนางดูจะแปรปรวน ราวกับกำลังมีศึกอุบัติขึ้นที่นั่น
อย่างไรก็ตาม เฉินซีสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังงานแสงที่แผ่ออกมาจากร่างกายของนาง ทั้งศักดิ์สิทธิ์และไร้ขอบเขต อีกทั้งยังแฝงไปด้วยความรู้สึกที่สามารถพลิกโลกได้ สุริยันจันทราตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
นี่คือเต๋ารู้แจ้งแห่งแสง ซึ่งผสานพลังงานแสงเข้ากับฟ้าดิน และปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง!
“โอม!”
เสียงโหยหวนแปลกประหลาดดังก้องไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก ขณะที่มืออันบอบบางของชิงซิ่วอี้โบกไปมา สร้างตราประทับที่ลึกล้ำขึ้น จากนั้นพลังงานแสงที่กว้างใหญ่และศักดิ์สิทธิ์ก็ควบแน่นเป็นผนึกที่สามารถค้ำท้องฟ้าและเปล่งแสงแพรวพราวไม่รู้จบ
สังเวียนที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือน ขณะที่รอยแตกก็ปรากฏขึ้นทีละนิ้วอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังจากนั้น บริเวณที่เฉินซียืนอยู่ก็พลันบีบแคบลงและพังทลาย ก่อนกลายเป็นกรงที่ก่อตัวขึ้นจากแสงที่ส่องประกาย และกักขังเฉินซีเอาไว้!
ในเวลาเดียวกัน ผนึกศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่ที่สามารถค้ำยันท้องฟ้าได้พังทลายลงมา!
แกร็ก! แกร็ก! แกร็ก!
ทันทีที่ผนึกนี้หลุดออก พลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ปล่อยออกมาทำให้เกิดรอยแยกที่เหมือนกับใยแมงมุมบนพื้นสังเวียน ซึ่งมันน่าสยดสยองและทำให้หนังศีรษะชาด้าน
ดวงตาของเฉินซีหรี่ลงขณะอยู่ภายในกรง เขาไม่กล้าชักช้าต่อไป จึงหมุนยันต์ศัสตราในมือขวา ทำให้เต๋ารู้แจ้งชนิดต่าง ๆ หลั่งไหลเข้าสู่ยันต์ศัสตรา จากนั้นจึงออกกระบวนท่าขึ้นสู่ท้องฟ้า มันเปล่งแสงที่รุนแรง และกวาดผ่านท้องฟ้าได้อย่างง่ายดาย
เคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบ …ระดับที่เจ็ด!
การโจมตีนี้ไม่เพียงทำให้หลุดออกจากพันธนาการของมิติเท่านั้น มันยังเฉือนเปิดความว่างเปล่าด้วยสายฟ้าที่ไร้ขอบเขต พายุ เปลวไฟที่รุนแรง และคลื่นยักษ์ที่ถาโถมออกไปภายใต้ประกายกระบี่อันเจิดจรัส และฉากนั้นดูเหมือนกับโลกกำลังประสบกับการทำลายล้าง รวมทั้งการเกิดใหม่อย่างไม่หยุดยั้ง
ครืน!
ภายใต้การจ้องมองที่ตกตะลึงของทุกคนที่อยู่ที่นั่น ประกายกระบี่ที่น่าตกตะลึงได้ฟันลงบนผนึกอย่างแรง ทันใดนั้น อากาศก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อแรงปะทะที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดออกไปยังทุกทิศทุกทาง ราวกับระลอกคลื่นที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างแผ่ออกไปยังบริเวณโดยรอบ
ถึงแม้ม่านแสงรอบ ๆ สังเวียนจะแข็งแกร่งมาก แต่ในขณะนี้ มันก็ไม่สามารถทนต่อพลังทำลายล้างของทั้งสองคนได้ ก่อนจะระเบิดตู้ม ทำให้กระแสลมแห่งการทำลายล้างกระโชกพัด เหมือนกับคลื่นที่แผดเสียงคำรามและโถมเข้าใส่พื้นที่อื่น ๆ ของสังเวียนสังหารปีศาจ
เมื่อมองจากระยะไกล ทั้งสังเวียนสังหารปีศาจเต็มไปด้วยควันและฝุ่น ในขณะที่แสงสาดส่องอยู่บนท้องฟ้า ดูเหมือนกับฉากวันสิ้นโลก
ม่านแสงบนสังเวียนได้พังทลายแล้ว!
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจสุดขีด นับตั้งแต่การชุมนุมดาวรุ่งได้เริ่มต้นขึ้นจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ม่านแสงบนสังเวียนถูกทำลาย!
การประลองมากมายก่อนหน้านี้แทบไม่อาจทำให้ม่านแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงได้ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พลังทำลายล้างที่มีอยู่ในการโจมตีของเฉินซีและชิงซิ่วอี้นั้น… น่าสะพรึงกลัวเพียงใด!
ฟิ้ว!
เฉินซีและชิงซิ่วอี้ถอยห่างออกไปกว่าสิบสองจั้งพร้อมกัน การปะทะกันก่อนหน้านี้ มีความตั้งใจที่จะหยั่งเชิงกันและกันอยู่ไม่มากก็น้อย และมันก็ไม่ใช่การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขา
“เต๋ารู้แจ้งแห่งแสงนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ” เฉินซีรู้สึกกดดันเป็นครั้งแรก แต่ไม่อาจด่วนตัดสินผู้ชนะได้ จนกว่าเขาจะต่อสู้จนถึงที่สุด
“พลังของกระบี่หมื่นบรรจบระดับที่เจ็ดนั้นน่าเกรงขามอย่างแน่นอน” ร่องรอยความตกใจฉายผ่านแววตาของชิงซิ่วอี้ จากนั้นมันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยขณะที่นางกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “หากเป็นกระบวนกระบี่ของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบที่สมบูรณ์แบบ บางทีข้าอาจจะกลัวมัน แต่โชคไม่ดีที่ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ถึงระดับนั้น การโจมตีก่อนหน้านี้เป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้น ข้าจะให้เจ้าเข้าใจว่าสิ่งที่เรียกว่าไร้เทียมทานนั้นเป็นอย่างไร!”
“การโจมตีด้วยกระบี่ของข้าก็เป็นการหยั่งเชิงเช่นกัน สำหรับผลลัพธ์สุดท้าย จะสามารถคาดเดาได้อย่างไร หากการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุดลง” เฉินซีตอบอย่างใจเย็น
“การโจมตีเมื่อครู่คือการหยั่งเชิงเองหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้!?”
การปะทะกันครั้งแรกระหว่างคนทั้งสองก็ทำให้ผู้คนแทบตกตะลึงจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง แต่เมื่อได้ยินพวกเขากล่าวว่าเป็นเพียงการโจมตีเพื่อหยั่งเชิงกันและกัน มันก็ทำให้ผู้คนพูดไม่ออกทันที
ฟิ้ว!
ชิงซิ่วอี้ฉวยโอกาสเป็นฝ่ายโจมตีก่อน มือของนางไหวไปมา จนเกิดเป็นรอยฝ่ามือหนาทึบนับไม่ถ้วนในทันที ทำให้ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยแสงที่พลุ่งพล่าน ซึ่งกลายเป็นกระแสปราณกระบี่ที่พร่างพราย พวกมันเป็นประหนึ่งอสรพิษวิญญาณที่บิด ดิ้น และพันเข้าด้วยกัน
กระแสแสงเหล่านี้มีพลังงานบริสุทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง มันระเบิดออกมาปกคลุมร่างของเฉินซีทันที และต้องการที่จะเจาะเข้าไปยังทุกจุดชีพจรบนร่างกายของเขา
เฉินซีจะนิ่งรอความตายได้อย่างไร? เขาคำรามอย่างเย็นชา ในขณะที่พายุโหมกระหน่ำเกิดขึ้นรอบตัว จากนั้นยันต์ศัสตราก็หมุนเหมือนลูกข่าง ทำให้กระแสพลังงานแสงทั้งหมดสั่นสะเทือนจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ทว่าสิ่งที่เฉินซีไม่เคยคาดคิดก็คือ พลังงานแสงที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ นั้นไม่ได้สลายไป และได้เปลี่ยนเป็นปราณฝ่ามือโปร่งแสงที่ฟาดลงบนยันต์ศัสตราของเขาอย่างรุนแรง
ปัง!
เฉินซีไม่ทันตั้งตัว ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกราวกับว่าถูกค้อนขนาดใหญ่ฟาด และพลังที่แฝงอยู่ในปราณฝ่ามือโปร่งแสงนั้นกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทรจนไม่สามารถป้องกันได้
มันสั่นสะเทือนจนถึงจุดที่เขาไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคงและถูกระเบิดกระเด็นออกไป
ในขณะที่พลังชีวิตและเลือดลมของเขาปั่นป่วน เขายังไม่ทันได้ฟื้นตัวดี ชิงซิ่วอี้ก็ทะยานมาถึงราวกับว่านางข้ามผ่านมิติมา จากนั้นจึงฟาดฝ่ามือที่เหมือนพัดใบธูปฤาษีไปทางศีรษะของเขา นิ้วของนางเป็นผลึกและโปร่งแสง ซึ่งได้ปล่อยพลังงานแสงที่แพรวพราวเจิดจ้า และรับประกันได้ว่าฝ่ามือของนางจะสามารถบดขยี้ศีรษะของเฉินซีได้
เสื้อผ้าบนร่างของเฉินซีกระพือไปมาขณะที่เขาใช้ปีกนภาดารกะอย่างเต็มกำลัง จากนั้นเขาก็หมุนตัวและเหินบินราวกับหมอกควันเพื่อหลบการโจมตีนี้ในทันที
เมื่อการโจมตีของนางพลาด ชิงซิ่วอี้จึงกระโจนเข้าหาเขาอีกครั้ง แสงอาบรอบตัวนางในขณะที่เสื้อผ้าปลิวไสวไปตามสายลม ทำให้หญิงสาวเป็นดั่งราชินีแห่งแสงที่ต้องการชำระโลกให้บริสุทธิ์ ในขณะที่นางโจมตีด้วยท่าสังหาร
แต่เฉินซีได้อาศัยปีกนภาดารกะเพื่อหลบเลี่ยงมัน และเขายังคว้าโอกาสนี้ฟื้นคืนสู่สภาวะสูงสุดอีกครั้ง สายตาของชายหนุ่มเป็นประกาย ในขณะที่เขาเปิดฉากโต้กลับอย่างดุเดือด!
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
เขากระทืบเท้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้กระแสลมแตกเป็นเสี่ยง ๆ ราวกับพญาคชสารนับพันพุ่งไปข้างหน้า จากนั้นยันต์ศัสตราในมือได้ฉีกผ่านท้องฟ้าและแทงไปที่ชิงซิ่วอี้ด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้
“เจ้ากล้าโต้กลับจริง ๆ หรือ?” ดวงตาของชิงซิ่วอี้พลันหรี่ลง ในขณะที่กลิ่นอายทั่วร่างกายของนางก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่อาจทนที่อีกฝ่ายแก้ไขสถานการณ์ที่ถูกไล่ต้อนเช่นนี้ได้!
“แสงเจิดจรัสส่องโลกา!” นางร้องออกมาอย่างดังและชัดเจน เปลวเพลิงสว่างไสวปรากฏขึ้นบนมืออันบอบบาง มันพร่างพราวและเจิดจ้าราวกับนางได้ควบคุมดวงอาทิตย์ที่สุกใสสองดวงที่กระโจนไปมา จากนั้นฝ่ามือของนางก็ซ้อนทับกัน ซึ่งให้ความรู้สึกอันน่าสยดสยองเสมือนกับสามารถชำระล้าง ทำลาย และบดขยี้ศัตรูให้เป็นจุณ!
ครืน!
ฝ่ามือและกระบี่ปะทะกัน ทำให้เกิดประกายแสงเจิดจรัสระเบิดออก ร่างทั้งสองปะทะกันไปมาบนสังเวียนและต่อสู้กันอย่างดุเดือด คนหนึ่งมีเจตจำนงกระบี่ที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า อีกคนมีพลังแสงถาโถมออกมา และสถานการณ์การต่อสู้ก็น่าสะพรึงกลัวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นมัน
เพียงชั่วพริบตา เฉินซีและชิงซิ่วอี้ได้แลกกระบวนท่าไปมากกว่าร้อยครั้ง และเขารู้สึกราวกับว่าพลังของชิงซิ่วอี้นั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบทำให้หายใจไม่ออก ในขณะที่กระบวนท่าของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบกำลังจะพังทลายได้ทุกเมื่อ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมหาเต๋าแห่งแสง
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งและพวยพุ่งขึ้น
“ชิงซิ่วอี้นั้นคู่ควรกับฉายาเซียนสวรรค์กลับชาติมาเกิดโดยแท้ เคล็ดวิชาต่อสู้ของนางนั้นไม่ธรรมดา ในขณะที่รูปแบบการต่อสู้ของนางก็เด็ดเดี่ยวและตรงไปตรงมา อีกทั้งยังมีความมั่นใจที่แข็งแกร่งและไม่สั่นคลอน แม้แต่ข้าก็มิกล้ากล่าวว่าจะสามารถเอาชนะนางได้ อีกทั้งยังไม่มีความมั่นใจในการเอาชนะเลยด้วยซ้ำ…”
“แต่เพราะเป็นเช่นนี้ มันจึงท้าทาย มีเพียงคู่ต่อสู้เช่นนางเท่านั้นที่จะทำให้ข้าสามารถทะลุขีดจำกัดของตัวเองได้ และเมื่อเอาชนะนางได้ ไม่เพียงแต่ข้าจะได้อันดับที่หนึ่งและกลับมารวมตัวกับอันเอ๋อร์อีกครั้ง บางทีการบ่มเพาะของข้าอาจได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกัน”
เมื่อเขาคิดมาถึงจุดนี้ หัวใจของเฉินซีก็ยิ่งมั่นคง บริสุทธิ์ กระจ่างและปลอดโปร่ง เขาไม่คำนึงถึงสิ่งอื่นอีกต่อไป ไม่กังวลถึงความสำเร็จและความล้มเหลว ชายหนุ่มมีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น นั่นคือการเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาให้จงได้!
ในขณะนี้ จิตวิญญาณของเฉินซีดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น ทำให้อารมณ์ทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไป มันสูญเสียความแน่วแน่และไร้ความปรานี แต่กลับได้รับความสงบและความมีชีวิตชีวามาแทน ดวงตาของเขาใสกระจ่าง ซึ่งแฝงไปด้วยความลึกล้ำราวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวภายในจักรวาล
เขารู้สึกราวกับว่าจิตใจ ร่างกาย และจิตวิญญาณกำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่ต่างกับการล้างบาป
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า บางสายกว้างใหญ่เหมือนท้องฟ้า บางสายหนาแน่นเหมือนผืนดิน บางสายก็เรียวเล็กเหมือนสายลม…
ปราณกระบี่ทุกเล่มมีกระบวนท่าเพียงหนึ่งเดียว ทุก ๆ กระบวนท่าจะมีเต๋ารู้แจ้ง ปราณกระบี่แต่ละเล่มเชื่อมโยงกับอีกเล่มและประสานกันได้อย่างไร้ที่ติ ทำให้พวกมันเต็มไปกลิ่นอายของวัฏจักรที่สมบูรณ์แบบ
ร่างกายของเฉินซีเคลื่อนไปตามกระบี่ ซึ่งเคลื่อนไปข้างหน้าและข้างหลัง
ทันใดนั้น กระบวนท่าที่เฉินซีใช้ออกไปนั้น เป็นดั่งภาพวาดอันตระการตา ดั่งมีพายุรวมตัวกัน ฟ้าแลบพาดผ่านท้องฟ้า เปลวเพลิงพร่างพราย พฤกษานานาพันธุ์เจริญงอกงาม ภูเขาและหนองน้ำกระจายตัวออกไป… องค์ประกอบนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นเป็นฉากที่สมบูรณ์แบบและกลมกลืนอย่างงดงาม
นภา พสุธา วายุ อัคคี วารี ขุนเขา หนองบึง อัสนี
กระบวนกระบี่ทั้งแปดท่าได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก่อนจะแยกออกจากกัน ปราณกระบี่แต่ละเล่มเต็มไปด้วยพลังที่บริสุทธิ์มาก และเมื่อมันถูกใช้ออกไป ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่รู้จบ
ในขณะนี้ เฉินซีได้หลอมรวมความเข้าใจทั้งหมดที่เขาได้รับจากการต่อสู้ในช่วงหลายปีผ่านมา ให้กลายเป็นเต๋าแห่งกระบี่ของตนเอง และเขาก็สามารถใช้มันได้อย่างง่ายดายตามใจนึก
เขาดำดิ่งอยู่ในสภาวะที่แปลกประหลาดมาก ราวกับกระบวนท่าทั้งแปดของคัมภีร์กระบี่หมื่นบรรจบกำลังเริงร่า ไล่ล่ากันไปมาและหลอมรวมเข้าด้วยกัน ซึ่งดูเป็นธรรมชาติและไม่จำเป็นต้องคิดว่าเขาควรจะใช้กระบวนท่าใดออกไป
ความซับซ้อนทั้งหมดได้ถูกกำจัดเพื่อกลับคืนสู่ความเรียบง่าย เนื่องจากเต๋านั้นไร้ขอบเขตและเป็นธรรมชาติอยู่เสมอ!
“นี่มัน…”
“ช่างเป็นเคล็ดวิชากระบี่ที่ลึกล้ำเสียจริง ๆ!”
“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก! มันช่างเป็นธรรมชาติ ไร้ที่ติ และไม่มีการหวั่นไหวแม้แต่น้อย เคล็ดวิชากระบี่ของเขาถือได้ว่าเชี่ยวชาญอย่างไร้ที่ติ ราวกับเขาได้ผสมผสานมันเข้ากับธรรมชาติและสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของเต๋าแห่งกระบี่ได้!”
ในขณะนี้ ทุกคนรวมถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีต่างอุทานด้วยความชื่นชมจากใจจริง ทุกกระบวนท่าของเคล็ดกระบี่หมื่นบรรจบที่เฉินซีใช้ในยามนี้ ได้แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะมันได้หลอมรวมเข้ากับกระบวนท่าอื่น ๆ โดยแฝงไปด้วยเต๋ารู้แจ้งนานาประเภท ซึ่งเป็นดั่งท่วงทำนองของธรรมชาติ บางครั้งอ่อนโยนเหมือนเสียงกระซิบ บางครั้งดังก้องกังวาน บางครั้งต่อเนื่องและหนาแน่นเหมือนฝนตกปรอย ๆ บางครั้งกว้างใหญ่และทรงพลังดุจสายน้ำใหญ่
เต๋าแห่งกระบี่นั้นมีชื่อเสียงในด้านความแข็งแกร่งที่เป็นอันดับหนึ่ง แต่มันซับซ้อนและยากเข็ญสุดที่จะพรรณนา
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้บ่มเพาะกระบี่ในโลกนี้มีมากมายเหมือนดวงดาวที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า แต่มีเพียงหนึ่งในล้านเท่านั้นที่จะสามารถบรรลุความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในเต๋าแห่งกระบี่ ในขณะที่ผู้ที่สามารถกลายเป็นเซียนกระบี่ที่ไร้เทียมทานนั้นหาได้ยากยิ่งกว่าในรอบพันปี
เคล็ดวิชากระบี่ที่เฉินซีใช้ออกมาในตอนนี้ ได้สัมผัสกับแก่นแท้ของเต๋าแห่งกระบี่แล้ว ดังนั้น ไม่เพียงแค่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในเต๋าแห่งกระบี่ แต่เขายังมีศักยภาพที่จะกลายเป็นเซียนกระบี่ที่ไม่มีใครเทียบได้! แล้วจะไม่ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงและชื่นชมได้อย่างไร?
“แปดกระบวนท่ารวมกันเป็นหนึ่งเดียว การเปลี่ยนแปลงมากมายรวมเป็นหนึ่งเดียว! พรสวรรค์ของเด็กคนนี้น่าทึ่งจริง ๆ การมีพรสวรรค์ที่โดดเด่นเช่นนี้ิ ถือเป็นโชคดีของราชวงศ์ซ่งของข้า!” บนท้องฟ้า จักรพรรดิซ่งกะพริบตา ร่องรอยของการชื่นชมอย่างจริงใจได้ส่องประกายในแววตาของเขา