บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 58 ผลดอกบัวดวงจิตทองคำ
บทที่ 58 ผลดอกบัวดวงจิตทองคำ
ห้องโถงสมุนไพรร้อยแปด
“รอก่อนยังไม่ถึงเวลา น่าจะอีกราวหนึ่งก้านธูปผลดอกบัวดวงจิตทองคำจึงจะสุกและหล่นลงมา แต่เจ้าต้องจำให้ดีก่อนที่มันจะตกถึงพื้นเจ้าต้องใช้ปราณแท้รับมันไว้และดูดกลืนมันเข้าไปในตันเถียนโดยเร็ว”
หลังจากสังหารหลี่ไฮว่แล้ว จี้อวี๋ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและเขาชี้ไปที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำขณะที่เขาพูดอย่างมั่นใจ “เจ้าจะสามารถใช้ผลดอกบัวดวงจิตทองคำนี้ได้เมื่อเจ้าบ่มเพาะญาณสัมผัสของเจ้าไปถึงขั้นจิตสัมผัสเทพ”
จิตสัมผัสเทพ?
ตามความรู้ของเฉินซี หากไม่รวมถึงพวกยอดอัจฉริยะท้าทายสวรรค์เหล่านั้น ญาณสัมผัสของผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลจะอยู่ในขั้นญาณตระหนักรู้ ผู้บ่มเพาะขอบเขตเคหาทองคำอยู่ในขั้นญาณจิต ผู้บ่มเพาะขอบเขตแกนทองคำครอบครองญาณศักดิ์สิทธิ์และมีเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตจุติขึ้นไปเท่านั้นที่มีจิตสัมผัสเทพ
เนื่องจากมีรูปปั้นเทพเจ้าฝูซีอยู่ในทะเลจิตสำนึกของเขา เฉินซีจึงไม่ใช่ผู้บ่มเพาะปกติ แม้ว่าเขาจะอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์แต่ญาณสัมผัสของเขาสำเร็จไปถึงขั้นญาณตระหนักรู้ ซึ่งไม่ด้อยไปกว่าญาณสัมผัสของผู้บ่มเพาะขอบเขตตำหนักอินทนิลทั่วไปเลย!
เฉินซีถามด้วยความสงสัย “ผลดอกบัวดวงจิตทองคำมีผลอัศจรรย์อย่างไรหรือขอรับ? หรือว่ามันสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ดวงวิญญาณและญาณสัมผัสได้อย่างนั้นหรือ?”
จี้อวี๋หลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามพูดเพียงว่า “มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะรู้ในตอนนี้ สิ่งที่ดีที่สุดคือตอนนี้เจ้าหมั่นเพียรฝึกฝนพัฒนาความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณเพียงอย่างเดียวก็พอ”
เฉินซีรู้สึกจนใจ ‘ข้ารู้น้อยเกินไปจะไปโทษใครได้เล่า?’
“อืม เจ้าไม่ควรทำให้น้ำพุวิญญาณนี้สูญเปล่าเช่นกัน เจ้าจงรวบรวมวารีวิญญาณซะ ตามการประเมินของข้า ทันทีที่ผลดอกบัวดวงจิตทองคำเติบโต มันจะดูดซับปราณวิญญาณที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมด เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะไม่อาจรับสิ่งใดได้เลย” จี้อวี๋เหลือบมองไปที่น้ำพุวิญญาณและเตือน
ในขณะนี้ เฉินซีก็ตระหนักว่าการมีตัวตนที่มีชีวิตอยู่มานับล้านปีอยู่เคียงข้างเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างแท้จริง
หากจี้อวี๋ไม่อยู่ที่นี่ เขาอาจจะถอนรากดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำออกมาแล้ว และเขาก็จะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อผลดอกบัวดวงจิตทองคำติบโตเต็มที่ มันจะดูดซับปราณวิญญาณโดยรอบอย่างสมบูรณ์…
เฉินซีหยิบขวดบรรจุแปดเหลี่ยมออกจากแหวนมิติและนั่งคุกเข่าอยู่ข้างบ่อน้ำพุวิญญาณเพื่อรวบรวมวารีวิญญาณ
ด้านในของขวดบรรจุแปดเหลี่ยมนี้ถูกแบ่งออกเป็นช่องว่างขนาดใหญ่แปดช่อง โดยหนึ่งในนั้นบรรจุของเหลวที่ควบแน่นจากปราณปีศาจยมโลกเกือบหนึ่งร้อยห้าสิบจิน ส่วนอีกเจ็ดช่องยังคงว่างอยู่ โดยรวมแล้วมันยังสามารถบรรจุของเหลวได้มากกว่าหนึ่งล้านจิน
‘น่าเสียดายที่เหลือเวลาเพียงหนึ่งธูปไหม้ก่อนที่ผลดอกบัวดวงจิตทองคำเติบโตเต็มที่ และหลังจากนั้นน้ำพุวิญญาณนี้จะเหือดแห้งไปด้วย ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ ข้าจะเริ่มรวบรวมวารีวิญญาณตั้งแต่ต้น…’
เฉินซีครุ่นคิดอย่างเสียใจ ตามความเร็วของวารีวิญญาณที่พวยพุ่งออกจากน้ำพุวิญญาณ อย่างมากที่สุดเขาก็คงสามารถรวบรวมวารีวิญญาณได้แค่หนึ่งหมื่นจินก่อนที่ผลดอกบัวดวงจิตทองคำจะเติบโตเต็มที่
“ลูกปี่เซียะ… ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำ… เซียนกระบี่ผู้นี้เป็นเพียงเซียนตกอกอับเท่านั้น ทว่าน่าแปลกจริง ๆ ที่เขากลับมีสิ่งเหล่านี้ในครอบครอง ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่คนผู้นี้คงเป็นคนที่มีโชควาสนาดีจนท้าทายสวรรค์อย่างไม่ต้องสงสัย”
จี้อวี๋มองไปที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำครู่หนึ่ง จากนั้นเบนสายตามาที่เฉินซีก่อนจะเอ่ยขึ้น “ทว่าตอนนี้ประโยชน์ทั้งหมดกลับอยู่ที่ตัวเจ้า เมื่อพิสูจน์ในแง่ของโชควาสนา แม้เซียนกระบี่ผู้นี้จะโชคดีอย่างท้าทายสวรรค์ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังด้อยกว่าเจ้า!”
เฉินซีตกตะลึง จากนั้นเขาจึงส่ายหัวและพูดว่า “เป็นไปได้อย่างไร? ทุกคนเรียกข้าว่าตัวกาลกิณีแห่งเมืองหมอกสน…”
“ผู้ชายไม่สามารถปราศจากความเย่อหยิ่งได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องดูถูกตัวเอง”
จี้อวี๋กล่าวด้วยความรังเกียจว่า “คนที่บอกว่าเจ้าเป็นตัวซวยคือกลุ่มคนงี่เง่า หากเจ้าเป็นตัวซวย เจ้าจะได้รับการยอมรับจากนายท่านของข้าและเดินออกจากขอบเขตซ่อนดาราได้อย่างไรได้อย่างไร? ในอนาคต หากเจ้าบ่มเพาะด้วยความอุตสาหะหมั่นเพียรและไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น เจ้าจะสามารถผ่านบททดสอบแห่งสรวงสรรค์ได้และสืบทอดเสื้อคลุมของเจ้านายข้าทะยานขึ้นเป็นผู้ไร้เทียมทานในยุคของเจ้าได้อย่างแน่นอน”
หลังจากจบประโยคนี้ ชายชราจ้องที่เฉินซีและถามต่อ “ตอนนี้เจ้ายังคิดว่าเจ้าเป็นตัวซวยอีกหรือไม่?”
“ไม่” เฉินซีส่ายหัวอย่างมั่นใจ สิ่งที่จี้อวี๋พูดเป็นความจริงอย่างแท้จริง
จี้อวี๋พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “แน่นอนว่าเจ้าไม่ใช่ นอกจากนี้เจ้ามีลูกปี่เซียะอยู่เคียงข้างเจ้าแล้วโชควาสนาของเจ้าจะยิ่งดีขึ้นอย่างทวีคูณ”
เฉินซีหน้าแดงเล็กน้อยจากการถูกชมเชย ทว่าเมื่อเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องหนึ่ง เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้ว การต่อสู้ที่โกลาหลระหว่างกลุ่มไฉ่เล่อเทียน ซูเจียวและฟู่เหิงน่าจะจบลงแล้ว
หัวใจของเฉินซีเต้นระส่ำทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของเขา ในตอนนี้เขาไม่ได้คิดที่จะลอบโจมตีไฉ่เล่อเทียนอีกต่อไป ตราบใดที่ไฉ่เล่อเทียนไม่ตายเขาสามารถไปฆ่าอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ แต่เวลาที่ผลดอกบัวดวงจิตทองคำตกลงสู่พื้นนั้นมีเพียงชั่วพริบตา ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วผลดอกบัวดวงจิตทองคำตรงหน้าเขาสำคัญกว่ามาก
“เตรียมตัวให้พร้อม มันกำลังจะโตแล้ว!”
จี้อวี๋เอ่ยขึ้นและดึงเฉินซีออกจากภวังค์ความคิด ชายหนุ่มรีบโคจรปราณแท้ในร่างไปที่ฝ่ามือของเขาทันที พลางจ้องไปที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำโดยไม่กะพริบตา
ระหว่างเกสรตัวเมียกับเกสรตัวผู้ ผลสีทองขนาดเท่ากำปั้นของทารกส่องประกายเจิดจ้าและมีระลอกคลื่นสีทองหนาแน่นปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของมัน
ซ่า! ซ่า!
ทันใดนั้น มวลวารีวิญญาณในบ่อน้ำพุวิญญาณก็พวยพุ่งขึ้นเป็นเสาน้ำมากมายและพุ่งตรงเข้าหาผลดอกบัวดวงจิตทองคำ ทว่ายังไม่หมดเพียงเท่านั้น ปราณวิญญาณทั้งหมดภายในห้องโถงสมุนไพรร้อยแปดเป็นเหมือนฉลามที่พบกลิ่นเลือด มันหลั่งไหลเข้าหาผลดอกบัวดวงจิตทองคำอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะเดียวกัน ผลสีทองนั้นเป็นเหมือนหลุมลึกกำลังดูดกลืนปราณวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียง เมื่อปราณวิญญาณถูกดูดกลืนมากขึ้น แสงสีทองบนพื้นผิวที่เปล่งประกายก็หนาแน่นและเจิดจ้ามากขึ้นตามลำดับจนมันดูคล้ายดวงอาทิตย์ดวงเล็ก ๆ
ปัง! ปัง! ปัง!
คล้ายกับมีบางอย่างถูกเปิดใช้งาน ห้องโถงสมุนไพรร้อยแปดทั้งหมดเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง และชั้นคลื่นโปร่งแสงก็กระเพื่อมไปในอากาศรอบ ๆ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำ จนดูคล้ายกับมันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
อึดใจถัดมา พลังกดขี่อันน่าสะพรึงกลัวได้รุกรานเข้ามาในห้องโถงจากทุกทิศทุกทาง และเฉินซีที่อยู่ข้าง ๆ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำรู้สึกราวกับว่าคอของเขาถูกบีบจนเขาหายใจไม่ออก และเกือบจะไม่สามารถควบคุมปราณแท้ที่กำลังปั่นป่วนในร่างกายได้!
เป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้! ข้าเคยได้ยินมาว่าเมื่อใดที่สมบัติล้ำค่าปรากฏในโลก มันจะมาพร้อมกับปรากฏการณ์ประหลาดต่าง ๆ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำน่าอัศจรรย์อย่างไร แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดแน่นอน!
แม้ว่าอำนาจกดขี่อันรุนแรงนี้จะกดทับเฉินซีจนถึงจุดที่หายใจลำบาก แต่ดวงตาของเขากลับสว่างขึ้นเรื่อย ๆ ประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาทำงานถึงขีดสุด
โฮก!
เสียงคำรามราวกับมังกรดังขึ้น จากเสียงที่เบาดูไร้อำนาจมันค่อย ๆ ดังขึ้นและดังก้องกังวานไปในที่สุด จากนั้นมันก็กลายเป็นคลื่นเสียงที่สั่นสะเทือนทุกซอกมุมของห้องโถงสมุนไพรร้อยแปด!
ในเวลานี้ก้านและกลีบของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำกำลังสลายด้วยความเร็วที่เห็นได้ชัดเจน และผลดอกบัวดวงจิตทองคำที่อยู่ตรงกลางระหว่างเกสรตัวเมียกับเกสรตัวผู้ก็สั่นเล็กน้อย ก่อนที่มันจะตกลงมา!
ฟุ่บ!
ทันทีที่ผลดอกบัวดวงจิตทองคำร่วงหล่น ปราณแท้ที่เฉินซีโคจรไว้ที่ฝ่ามือของเขาก็แปรสภาพเป็นแหเข้าห่อหุ้มผลดอกบัวดวงจิตทองคำทันที จากนั้นเขาก็ดึงมันเข้าสู่จุดตันเถียนในร่างกาย การกระทำของชายหนุ่มรวดเร็วและไหลลื่นมากราวกับว่าเขาเคยฝึกฝนมาก่อนนับครั้งไม่ถ้วน
สำเร็จ!
เฉินซีแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงผลดอกบัวดวงจิตทองคำที่ลอยอยู่ในจุดตันเถียนของเขา ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าตนเองประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง
ขณะนี้ในตันเถียนของเฉินซี เมฆเก้าก้อนที่ควบแน่นจากปราณแท้ได้เริ่มก่อตัวเป็นขั้นบันไดไต่สูงขึ้นไป ขณะที่บริเวณด้านล่างสุดของตันเถียน ผลดอกบัวดวงจิตทองคำก็ลอยอยู่อย่างเงียบ ๆ พื้นผิวของผลดอกบัวเปล่งแสงสีทองออกมาอย่างไม่ขาดสาย สภาพทั้งหมดภายในตันเถียนของเฉินซีดูงดงามกลมกลืนไม่มีความผิดปกติใด ๆ
สิ่งนี้ทำให้เฉินซีสบายใจ
ครืน! ครืน! ครืน!
ห้องโถงสมุนไพรร้อยแปดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และหินก้อนใหญ่หลายก้อนก็พังทลายลงมาจากเพดาน รอยแตกราวกับใยแมงมุมก่อตัวขึ้นบนผนังก่อนที่แผ่นหินจะหลุดออกมาและแตกเป็นเสี่ยง บนพื้นเกิดรอยแตกแยกเป็นร่องลึกดำมืดนับไม่ถ้วนที่ต่อเนื่อง
“เป็นไปตามคาด ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำเป็นจุดที่ปราณวิญญาณในห้องโถงนี้รวบรวมไว้ทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็รักษาสมดุลในห้องโถงทั้งหมด ยามนี้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ดวงจิตทองคำได้เหี่ยวแห้งไปและปราณวิญญาณก็เหือดแห้งไปทั้งหมดแล้ว ดังนั้นทั้งห้องโถงจึงสูญเสียการค้ำจุนและพังทลายลงในที่สุด”
จี้อวี๋กวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า “ออกไป! เร็ว!”
ในเวลาเดียวกับที่จี้อวี๋พูด เฉินซีก็รับรู้ถึงปัญหาแล้ว เขาไม่กล้าลังเลและหยิบขวดบรรจุแปดเหลี่ยมบนพื้นขึ้นมา ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องโถง
ปัง!
ทันทีที่ออกมา ห้องโถงสมุนไพรร้อยแปดด้านหลังเฉินซีซึ่งครอบคลุมพื้นที่นับร้อยลี้ก็พังทลายลง ฝุ่นคละคลุ้งไปในอากาศ คลื่นอากาศจากการถล่มกวาดออกไปทั่วทุกทิศอย่างรุนแรงปะทะเข้ากับใบหน้าของเฉินซี
“เฉินซี!” เสียงที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งก็ดังขึ้น
เฉินซีหันไปมองทางต้นเสียงทันทีและจากนั้นเขาต้องประหลาดใจเพราะมันเป็นกลุ่มของไฉ่เล่อเทียน รวมถึงตู้ชิงซี ต้วนมู่เจ๋อ และซ่งหลินยืนอยู่ในระยะไกลราวเกือบร้อยจั้ง ทว่ามีคนที่หายไปเช่นกันคือคู่แฝดตู้เฉวี่ยนและตู้ขุยของสำนักทะยานสายลม
สิ่งที่น่าสังเกตคือความเหนื่อยล้าที่เผยออกจากใบหน้าและท่าทางของทุกคนในกลุ่มไฉ่เล่อเทียน เสื้อผ้าของพวกเขาเปรอะเลือดเป็นหย่อม ซึ่งน่าฉงนว่าเลือดเป็นของพวกเขาเองหรือเป็นศัตรูของพวกเขา?
เมื่อเห็นฉากนี้เฉินซีก็เข้าใจว่าการต่อสู้ที่วุ่นวายภายในห้องโถงตำราได้สิ้นสุดลงแล้ว ถ้าเขาเดาไม่ผิดตู้ขุยและตู้เฉวี่ยนคงตายไปแล้วในการต่อสู้ที่วุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม เฉินซีไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านั้นจะตายหรืออยู่ สิ่งที่เขาสนใจคือคือเรื่องจริงที่ว่าตู้ชิงซี ต้วนมู่เจ๋อ และซ่งหลินยังมีชีวิตอยู่ภาพนี้ทำให้อารมณ์ของเฉินซีเบิกบานขึ้นมาก
“ดีที่เจ้าสบายดี” ทันใดนั้นตู้ชิงซีก็มองเขาด้วยแววตาที่ซับซ้อน คล้ายโกรธ ผิดหวัง…
เฉินซีอดไม่ได้ที่จะตะลึง นางกำลังโทษข้าอยู่หรือเปล่า?
ต้วนมู่เจ๋อไม่สามารถระงับตัวเองได้ในที่สุดและเขาตวาดเสียงดัง “เฉินซี ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนั้นกับเรา!? ข้าอุตส่าห์คิดกับเจ้าเป็นดั่งพี่น้อง แต่เจ้ากลับตอนแทนข้าด้วยความเย็นชาและไร้หัวใจได้ขนาดนั้น!”
ซ่งหลินที่อยู่ใกล้เคียงก็ส่ายหัวเช่นกัน แต่ไม่ได้พูดอะไร
ข้าเย็นชาและไร้หัวใจ?
ความโกรธปะทุขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจของเฉินซีทันทีและเขาชี้ไปที่ไฉ่เล่อเทียนก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าคิดกับข้าเป็นดั่งพี่น้อง แต่แล้วเหตุใดตอนที่ไอ้คนผู้นี้โยนข้าลงเหววันนั้นเจ้ากลับไม่ยืนหยัดเพื่อข้า? และไม่เพียงแค่นั้น จนบัดนี้เจ้ายังติดตามเขาตลอดเวลาข้าขอถามหน่อยเถอะ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าข้าเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ!”
ใบหน้าของต้วนมู่เจ๋อแข็งค้างและพูดไม่ออก
ในขณะเดียวกันเมื่อตู้ชิงซีและซ่งหลินได้ยินสิ่งที่เฉินซีพูด สีหน้าของพวกเขาก็แปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
“ข้ารู้ว่ามันเป็นเพราะบรรพบุรุษของไอ้คนแซ่ไฉ่เป็นผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาพวกเจ้าจึงไม่กล้าทำให้เขาขุ่นเคือง ข้าเข้าใจเหตุผลและความคิดของพวกเจ้า”
“แต่เหตุใดพวกเจ้าไม่เข้าใจข้าบ้าง? หรือเป็นเพียงเพราะตัวตนของข้าด้อยกว่าคนอื่น พวกเจ้าจึงไม่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของข้าเลย?
“นอกจากนี้ ข้าพูดเพียงประโยคเดียวโดยที่ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันจะทำให้เกิดการต่อสู้ที่วุ่นวายหรือไม่ ส่วนเหตุผลที่ข้าทำเช่นนั้นก็เรียบง่าย เพราะข้าต้องการฉวยโอกาสฆ่าไฉ่เล่อเทียน! ลองคิดดูให้ดีมันยุติธรรมแล้วหรือกับการที่พวกเจ้าเรียกข้าว่าคนเย็นชาและไร้หัวใจจากเรื่องราวที่ข้าทำ?”
ในขณะนี้เฉินซีกลายเป็นคนพูดจาใจร้อนอย่างผิดปกติ ดูเป็นคนละคนเมื่อเทียบกับตัวเขาที่ปกติแล้วจะนิ่งสงบเหมือนน้ำแข็ง
แต่สิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่าในใจของเฉินซีได้ยอมรับคนทั้งสามเป็นเพื่อนของเขาแล้ว
เขาถูกดูหมิ่นว่าเป็นตัวซวยตั้งแต่เกิดและแทบไม่มีใครในวัยเดียวกันที่ยินดีนับเขาเป็นเพื่อน กลุ่มของตู้ชิงซีเป็นเพื่อนกลุ่มแรกที่เขามีในช่วงชีวิตสิบหกปีที่เกิดมา แม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะสั้นและเป็นไปในแบบเพื่อนธรรมดาที่ยังไม่สามารถเปิดใจให้กันได้ แต่เฉินซีก็ยังหวงแหนมิตรภาพนี้อย่างยิ่ง
เป็นเพราะเหตุนี้เองที่เฉินซีจึงกระวนกระวายใจมาก
กลุ่มสามคนของตู้ชิงซีเงียบและพูดไม่ออกเนื่องจากสิ่งที่เฉินซีพูดมาเป็นความจริงที่พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้