บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 791 สังหารติดต่อกัน
บทที่ 791 สังหารติดต่อกัน
ไฮว่หมิงสิ้นใจแล้ว ในขณะที่พลังแห่งบาปถูกดูดกลืนเข้าสู่ร่างกายของเฉินซีไปจนหมด และหลังจากได้รับการหลอมรวมจากระเบียนแดนมรณะ พลังที่ว่าก็ถูกดึงเข้าสู่วัฏจักรเวียนว่ายตายเกิดแห่งยมโลก
พร้อมกันนั้น แสงทองแห่งคุณธรรมพลันสาดส่องลงมาในแดนฮุ่นตุ้นของเฉินซี ทำให้ดินแดนดูสงบสุขเหมือนแดนเซียน
การบ่มเพาะพลังดวงจิตแห่งเต๋าของเขาก็ได้ก้าวหน้าขึ้นเช่นกัน พลังลึกลับที่มาจากดวงจิตแห่งเต๋าของชายหนุ่มถูกควบแน่น บริสุทธิ์ ใสกระจ่าง แผ่กระจายแสงสีทองที่ดูไร้ตัวตนสีมัวซัวออกมา ดั่งลูกปรอทควบแน่นอยู่กลางใจ
แต่หลังจากการบ่มเพาะพลังลึกลับนี้จนก้าวหน้าถึงจุดหนึ่ง ก็เหมือนพานพบอุปสรรคที่ยากจะก้าวผ่านเข้า ทำให้ไม่สามารถพัฒนาได้อีก แต่ก็ดูมั่นคงขึ้นเรื่อย ๆ
เสมือนภายในดวงจิตแห่งเต๋ามีรังไหมก่อตัวขึ้น มันดังสะท้อนด้วยจังหวะที่แปลกประหลาด หากถึงวันที่ ‘ผีเสื้อไต่ออกจากรังไหม’ การบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าก็คงเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพขึ้นเป็นแน่
แต่ทันใดนั้นเอง เฉินซีก็ต้องประหลาดใจเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกประหลาดว่า ดวงจิตแห่งเต๋าของเขาสามารถโอบกอดทุกสิ่งอย่างในใต้หล้าได้!
พลังจากดวงจิตแห่งเต๋านี้กล่าวได้ว่าลึกลับเป็นที่สุด!
มันไม่เหมือนกับปราณแท้ ปราณจ้าววิญญาณ ปราณเซียน หรือพลังอื่น ๆ พลังจากดวงจิตแห่งเต๋านั้นไร้ตัวตนไม่อาจสัมผัสได้ ไม่อาจทำความเข้าใจได้เหมือนวิถีแห่งสวรรค์ มันเป็นพลังพิเศษที่แทบไม่มีวิชาใดใช้ กระทั่งเซียนสวรรค์ยังทำความเข้าใจมันได้ยาก
เมื่อครั้งบรรพกาล ยังมีผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวอย่างทอดถอนใจไว้ว่า “ในบรรดาเส้นทางแห่งมหาเต๋าทั้งสามพันสาย มีเพียงพลังจากดวงจิตแห่งเต๋าเท่านั้นที่ยากจะพบพาน”
“โอหังนัก!” ความตายของไฮว่หมิงทำให้สีหน้าของหลวงจีนจื่ออวิ๋นเคร่งขรึมขึ้นในทันใด เจ้าตัวตะโกนลั่นออกมาพร้อมทั้งขับเคลื่อนธงเทพโลหิตผสานซัดพลังโจมตีอันดุดันใส่เฉินซี
ฮือ~ ฮือออ~
ธงสีโลหิตโบกสะบัดไปมา ปลดปล่อยเสียงคร่ำครวญของภูตผีและเสียงหมาป่าหอนโหยหวนออกมา แปรเปลี่ยนพื้นที่ตรงนี้ให้กลายเป็นมหาสมุทรโลหิตแห่งไฟชำระ เฉินซีย่อมหลบไม่พ้นแน่นอน เพราะสมบัติชั่วร้ายชุดนี้ได้แช่แข็งห้วงเวลาให้กลายเป็นหนึ่ง ทำให้มันแปรเปลี่ยนเป็นโลกใบเล็กหนึ่งที่ปิดล้อมรอบกายชายหนุ่มไว้
ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อครั้งบรรพกาล ธงเทพโลหิตผสานเคยสังหารตัวตนสูงส่งมาแล้วมากมาย มันมีพลังอำนาจเหนือใคร อีกทั้งยังแข็งแกร่งมากเสียจนใครได้ยินก็ต้องหน้าซีดตัวสั่น
แต่ไม่มีใครคิดว่าเมื่อเฉินซีต้องเผชิญหน้ากับมัน เขาจะสงบนิ่งได้เช่นนี้ ชายหนุ่มพลันใช้กระบี่ฟันออกมา ทำให้อักขระยันต์พุ่งเข้าปะทะกับธงโลหิตโดยตรง
ตูม!
เสียงตูมสะท้านฟ้าดินดังขึ้น เมื่อยันต์ศัสตราปะทะกับธงเทพโลหิตผสาน ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือแรงซัดทำเอาธงโลหิตกระเด็นออกไป!
ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ราวกับเกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้น …อำนาจเพียงกระบี่เดียวกลับสามารถซัดธงเทพโลหิตผสานจนกระเด็นไปได้ หากไม่ได้เห็นด้วยสองตาของตนเอง ใครจะไปเชื่อ?
หรือกระบี่นั่นจะเป็นสมบัติอมตะซึ่งมีพลังลึกล้ำ?
หลายคนรู้สึกใจเต้น พวกเขาสัมผัสได้ราง ๆ ว่า ถึงแม้พลังของเฉินซีจะกล้าแกร่ง แต่ท่าซัดเมื่อครู่ก็คงเกิดขึ้นไม่ได้หากไร้กระบี่ในมือเป็นแน่
ฟิ้ว!
พร้อมกันนั้น ปราณกระบี่รังสรรค์ของฉินซีก็ถูกซัดออกมาอีกครั้ง มันพุ่งเข้าใส่หลวงจีนจื่ออวิ๋นด้วยกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม ก่อนจะปลดปล่อยแสงจ้าออกมา
สีหน้าของหลวงจีนจื่ออวิ๋นพลันแปรเปลี่ยน เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายมีฝีมือ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะคนหนุ่มที่อยู่เพียงขอบเขตสถิตกายาผู้นี้จะสามารถต่อกรกับธงเทพโลหิตผสานได้ เพราะจังหวะที่อาวุธสังหารนี้ซัดออกไป มันก็มากพอจะสังหารขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าได้เลยทีเดียว!
แม้ภายในใจจะคิดเช่นนั้น แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่ได้ช้าลงสักนิด หลวงจีนถอยร่นไม่หยุด ก่อนจะใช้แสงสีแดงเลือดออกไปต้านรับปราณกระบี่อันน่ากลัวนั้น จนเกิดแสงสว่างวาบขึ้นมา
ฟิ้ว!
เฉินซีที่เห็นผลลัพธ์ซึ่งเกิดขึ้น ไม่ได้ตกใจอันใด เขาเพียงกวาดปราณกระบี่ออกไปในแนวราบพุ่งเข้าใส่เป่ยหวง
ตู้ม!
เสียงตู้มดังลั่นสะท้านฟ้า ปราณกระบี่ซัดสมบัติวิเศษของเป่ยหวงและมือขวาของอีกฝ่ายจนขาด ทำเอาอีกฝ่ายผวาจนวิญญาณแทบออกจากร่าง
ปราณกระบี่ส่งเสียงหวีดหวิวกรีดอากาศ ราวกับไร้สิ่งใดกีดขวาง!
เฉินซีในตอนนี้ได้เผยพลังสะท้านฟ้าที่คนระดับเดียวกับเขาไม่ควรมีออกมา ด้วยแม้แต่ผู้ครองบาปมหันต์ขอบเขตเซียนปฐพียังกำราบชายหนุ่มไม่ได้
“ฆ่ามัน!” เป่ยหวงคำรามโกรธ แสงสีเลือดเปล่งออกมาจากร่างแล้วพุ่งขึ้นฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นพายุสีโลหิตแห่งปราณเซียน เข้าปกคลุมไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก
แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้พุ่งเข้ามา ทว่าหันหลังหนีไปแทน เพราะรู้ว่าหากธงเทพโลหิตผสานยังสังหารเฉินซีไม่ได้ แล้วพลังบ่มเพาะเช่นเขาจะทำอะไรได้กัน? ขืนสู้ต่อไปคงมีแต่ตายกับตาย!
น่าเสียดายที่ชายหนุ่มช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
เฉินซีระเบิดพลังออกมา ยันต์ศัสตราเข้าหลอมรวมเป็นหนึ่งกับเขา ร่างกายสูงของชายหนุ่มดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ทะยานขึ้นชั้นฟ้า ปลดปล่อยเต๋ารู้แจ้งแห่งกระบี่รังสรรค์เต็มขั้นออกมา และซัดออกไปในพริบตา!
ฉัวะ!
ปราณกระบี่ซัดลงมา แยกรัศมีโลหิตแดงออกเป็นสองส่วน จากนั้นก็บั่นศีรษะคนผู้หนึ่ง ทำให้โลหิตสีแดงก่ำสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งบริเวณ
ผู้ครองบาปมหันต์ขอบเขตเซียนปฐพีอีกคนถูกสังหารไปแล้ว!
ฝนโลหิตโปรยปรายลงมา ย้อมท้องฟ้าจนกลายเป็นสีแดงเลือด ทุกคนตรงนั้นต่างได้เห็นเหตุการณ์อันน่าตกตะลึงจนพูดไม่ออก จึงได้แต่นิ่งค้างอยู่เช่นนั้น เพราะนี่คือการ ‘ล้มเซียน’ ด้วยการข้ามขอบเขตเลยด้วยซ้ำ!
แม้จะเป็นเพียงเซียนปฐพี แต่เฉินซีก็มีความสามารถสะท้านฟ้า ถึงขนาดที่อาศัยพลังในขอบเขตสถิตกายาก็มากพอจะสั่นคลอนไปทั่วทั้งโลกาได้ หากข่าวเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ฝูงชนคงพากันตกตะลึง ใต้หล้าคงตกอยู่ในความวุ่นวายเป็นแน่!
ทว่าเฉินซีไม่เหลือบตามองด้วยซ้ำ ทำเพียงพุ่งผ่านร่างเป่ยหวงไป ทุกย่างก้าวของเขาเกิดบงกชสีทองผลิบานอยู่กลางอากาศ ประหนึ่งราชาย่ำดอกบัวยามเสด็จ กลิ่นอายดุดันยิ่งเฉียบคมมากขึ้นเมื่อเขาพุ่งเข้าหาฉือหยาและหวงเจียวที่อยู่อีกฝั่ง
“มันจะเกินไปแล้วนะ!” เมื่อการโจมตีตอบโต้ของเฉินซีสังหารสหายไปเช่นนั้น ฉือหยาพลันมีสีหน้าเครียดขึง เจ้าตัวยกมือขึ้นชี้ ส่งแสงสีเลือดออกมา กระตุ้นให้ปราณโลหิตลอยม้วนอยู่บนท้องฟ้า นำพาแรงกดดันดั่งขุนเขาโอบล้อมทั่วร่างของชายหนุ่ม
“เจ้าเฒ่าผู้นี้ คิดว่าเจ้ามีสิทธิ์เอ่ยวาจาเช่นนั้นด้วยหรือ!?” ประโยคสั้น ๆ ประโยคนี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร แม้จะมีใบหน้างดงาม แต่กลิ่นอายสูงส่งรอบกายก็ปลดปล่อยพลังกดดันแห่งราชันจุติออกมา ก่อนที่คนผู้นั้นจะเงื้อมือขึ้นก่อนฟันกระบี่ในมือลงมา
ครืน!
ทันใดนั้น ภูเขาลูกมหึมาพลันปรากฏขึ้นเหนือหัวของฉือหยา แสงสีโลหิตพุ่งขึ้นฟ้า ก้อนหิน พืชพันธุ์ ต้นไม้ และทุกอย่างบนภูเขาลูกนั้นต่างถูกสร้างขึ้นจากวิญญาณพยาบาทที่ส่งเสียงคำรามดุร้าย และเต็มไปด้วยกลิ่นอายชั่วช้า
นี่คือร่างที่แท้จริงของฉือหยา จิตวิญญาณภูเขาที่แปดเปื้อนเลือดแห่งเซียน หลังจากบ่มเพาะมานานหลายปี ร่างจริงนี้ก็ได้กลายเป็นสมบัติวิเศษที่มีความสามารถเทียบเท่าได้กับสมบัติอมตะ
เมื่อมันปรากฏขึ้นมาแล้ว อีกฝ่ายก็พุ่งเข้าใส่กระบี่ของเฉินซีในทันที แต่ร่างกลับต้องกระเด็นกลับไป ก่อนที่ตัวคนจะกระอักเลือดออกมาไม่หยุด
“ตายเสีย!” ที่อีกด้าน ปรมาจารย์หวงเจียวฉวยโอกาสนี้ลงมือ นิ้วมือทั้งห้ากลายเป็นดาบคม เล็บสีดำทั้งสิบราวกับอาวุธปีศาจกรีดผ่านห้วงอากาศ จ้วงลงมาที่ศีรษะของเฉินซีอย่างรุนแรง
“ไสหัวไปเสีย!” เฉินซีใช้สันกระบี่ฟาด ส่งร่างของหวงเจียวบินออกไปเหมือนว่าวที่สายป่านขาด อีกฝ่ายดูอ่อนแอนักเมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินซี ทำให้ใครที่ได้เห็นถึงกับชาหนังศีรษะไปตาม ๆ กัน
เคร้ง!
พริบตาต่อมา ชายหนุ่มก็พุ่งเข้าใส่ฉือหยาอีกครั้ง ยันต์ศัสตรารุดขึ้นฟ้า ปลดปล่อยปราณกระบี่หนาแน่นออกมาปกคลุมพื้นที่ มันทั้งสว่างเจิดจ้าและเฉียบคม ทั้งยังแผ่กระจายแรงกดดันในระดับสูงออกมา มันคือหนึ่งในศาสตร์เต๋าที่แกร่งที่สุด ซึ่งชายหนุ่มสามารถทำความเข้าใจได้จนถึงตอนนี้ หรือก็คือเต๋ารู้แจ้งแห่งกระบี่รังสรรค์ที่เฉินซีทำความเข้าใจจากกระดูกที่จักรพรรดิมดจากยุคบรรพกาลทิ้งไว้นั่นเอง
แค่ซัดออกไปคราวเดียวก็แยกดวงดาราออกจากกันได้!
มันเป็นวิชาพิเศษเฉพาะของจักรพรรดิมด เป็นจุดมุ่งหมายที่เขาเฝ้าฝ่าฟันจนมาถึงได้ นั่นคือความสามารถในการทำลายตะวันและจันทรา เหนี่ยวนำดาราให้ร่วงลงสู่พื้นด้วยการเงื้อกระบี่! นี่ล่ะคือลักษณะของผู้สูงส่งที่แท้จริง!
หืม? ฉือหยามีสีหน้าเคร่งขรึม แม้เขาจะอยู่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสาม แต่ก็มีพลังเหนือกว่าผู้อยู่ระดับเดียวกันไปแล้ว ไม่เช่นนั้นมีหรือที่เขาจะได้รับคำเชิญจากไฮว่หมิงและคนอื่น ๆ เช่นนี้? ทว่าท่ากระบี่ของเฉินซีกลับทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เพราะปราณกระบี่สายนี้น่าขวัญผวายิ่ง มันไม่เพียงขัดขวางร่าง แต่ยังกดดันกระชั้นถึงวิญญาณ!
ฉือหยาไม่กล้าลังเลแม้สักนิด ขุนเขาสีแดงเลือดเหนือหัวส่งเสียงคำราม แสงสีแดงจ้าแปรเปลี่ยนเป็นเสียงโหยหวนคร่ำครวญ พุ่งเข้ากระแทกใส่เฉินซีราวกับอุกกาบาตจากห้วงอวกาศ
ครืน!
เสียงกระบี่คำรามสะท้านรอบทิศ ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทุกคน ปราณกระบี่ของเฉินซีกลับสามารถผ่าแยกขุนเขานั่นออกเป็นสองส่วนราวกับเป็นเต้าหู้ ในขณะที่ฉือหยาไร้จังหวะหนี ถูกแยกร่างเป็นสองท่อนเช่นกัน ฝนโลหิตโปรยปรายลงมา ส่วนวิญญาณถูกปราณกระบี่ทำลายในทันที!
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนหวาดกลัวยิ่ง ผู้ครองบาปมหันต์ขอบเขตเซียนปฐพีอีกคนสิ้นใจไปแล้ว!
ส่วนเฉินซีที่สังหารคนได้ก็ยิ่งฮึกเหิม ทักษะปีกกำราบผกผันวูบไหวอย่างรวดเร็ว เงาร่างดั่งลำแสงหายวับไปในห้วงมิติและความเป็นจริง เขาเบี่ยงร่างหลบการโจมตีของหลวงจีนจื่ออวิ๋น ก่อนจะปรากฏตัวอีกคราต่อหน้าศัตรูแล้วคว้าร่างของอีกฝ่ายไว้
ตู้ม!
ปรมาจารย์หวงเจียวกลัวจนวิญญาณแทบหลุดจากร่างเมื่อเห็นฉือหยาตายไปเช่นนั้น จากนั้นเขาก็รีบใช้วิชาเคลื่อนมิติหมายหลบหนีไปในทันที
ทว่าน่าเสียดายที่วิชาเคลื่อนมิติใช้ไม่ได้ผลกับเนตรเทวะแห่งความจริงของเฉินซี อีกฝ่ายถูกเขาคว้าไว้ขณะเคลื่อนย้ายผ่านมิติ ก่อนจะถูกกำจัดด้วยยันต์ศัสตราที่ฟาดฟันลงมา
หลายคนไม่อาจหาคำอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้ พวกเขาพากันยืนนิ่งอึ้งทั้งอย่างนั้น เพราะคนเหล่านี้คือยอดฝีมือขอบเขตเซียนปฐพีที่ก่อกรรมทำเข็ญมาแล้วมากมาย สองมือเปื้อนโลหิตมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แต่ตอนนี้กลับถูกเฉินซีสังหารทิ้งไม่ต่างกับการเชือดไก่ ในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ สุดท้ายก็เหลือเพียงหลวงจีนจื่ออวิ๋นเท่านั้น!
ใครจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้?
ครืน!
ใบหน้าหลวงจีนจื่ออวิ๋นพลันเปลี่ยนสีไปอย่างไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นดั่งฝันร้ายที่เขานึกไม่ถึง และแทบไม่อาจยอมรับมันได้!
แต่เขาเองก็ไม่กล้าลังเลเช่นกัน จากนั้นก็ใช้ธงเทพโลหิตผสานออกมาด้วยพลังทั้งหมด ทำให้มันระเบิดพลังกล้าแกร่งที่สุดออกมาเข้าใส่เฉินซี คล้ายว่าหากตนเองต้องตาย ก็จะลากอีกฝ่ายลงไปด้วย!!
เฉินซีที่เห็นดังนั้นจึงซัดกระบี่ออกไปหลายครั้ง โดยการโจมตีนี้ได้แฝงความลึกล้ำแห่ง ‘ผนึกมิติจองจำ’ พุ่งออกไปทั้งแปดทิศ!
ทันใดนั้น ทั่วจักรวาลก็กลับตาลปัตร ถูกกักขังไว้ภายใต้พลังของชายหนุ่ม!
วิชาผนึกมิติจองจำนี้เป็นเคล็ดวิชาที่หม้อใบจิ๋วถ่ายทอดมาให้ เมื่อเทียบกับศาสตร์เต๋ามหาพันธนาการแล้ว มันก็นับว่ามีจุดแข็งแตกต่างกัน ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มได้ใช้ทั้งสองวิชานี้พร้อมกัน ควบคุมให้ผสานเข้าหากัน จนกระทั่งมันปลดปล่อยพลังที่เกินจินตนาการออกมา!
ธงเทพโลหิตผสานจึงถูกกักขังไว้ในทันใด มันสั่นสะท้านไม่หยุด แต่ก็ไม่อาจหลบหนีจากอำนาจ ‘ผนึกมิติจองจำ’ ได้
ฟิ้ว!
ในขณะเดียวกัน ปราณกระบี่ก็ได้พุ่งเข้ามา ส่งผลให้หลวงจีนจื่ออวิ๋นขนลุกไปทั่วร่าง กลัวจนวิญญาณแทบออกจากร่าง เขารีบหันหลังหนีไปทันใด เมื่อสูญเสียธงเทพโลหิตผสานไปเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต่างจากพยัคฆ์ไร้เขี้ยว มีหรือจะต่อกรกับอีกฝ่ายได้?
ทว่าปราณกระบี่กลับกรีดผ่านอากาศ พลันรุดเข้ามายังเบื้องหน้าของอีกฝ่าย บีบบังคับให้เจ้าตัวไร้ทางเลือก ต้องใช้สมบัติวิเศษชิ้นหนึ่งสกัดไว้แล้วหนีต่อ
เปรี๊ยะ!
ทว่าสมบัติวิเศษในมือกลับถูกสะบั้นจนแยกออก ปราณกระบี่เหมือนลำแสงฟาดลงมา หลวงจีนจื่ออวิ๋นรู้สึกชาไปทั่วทั้งร่าง พยายามเค้นพลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านการโจมตีนี้
ฉัวะ!
แต่สุดท้ายก็ยังเสียแขนไปข้างหนึ่ง!
ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา เฉินซีสังหารฉือหยาและหวงเจียวติดต่อกัน ก่อนจะฟันแขนของหลวงจีนจื่ออวิ๋นขาดสะบั้น เผยให้เห็นถึงการโจมตีแกร่งกล้าดั่งเป็นเซียนจุติลงท่องโลกาก็มิปาน
“ธารโลหิตเปลี่ยนวิญญาณเชื่อมยมโลก!” แต่ในจังหวะนั้นเอง หลวงจีนจื่ออวิ๋นพลันตะโกนลั่นเหมือนคนเสียสติ จนแก่นโลหิตทั่วร่างพลุ่งพล่านกลายเป็นธงเทพโลหิตผสาน
ทันใดนั้น ธงเทพโลหิตผสานที่ถูกคุมขังไว้ก็สั่นอย่างรุนแรง ทั้งยังปลดปล่อยจิตศักดิ์สิทธิ์ที่กว้างดั่งมหาสมุทรออกมา มันดิ้นรนจนหลุดเป็นอิสระในจังหวะที่เฉินซีพุ่งเข้าฟาดฟันหลวงจีนจื่ออวิ๋น!
“เจตจำนงของผู้ยิ่งใหญ่ได้ประทับในธงเทพโลหิตผสานแล้ว!” ข้ารับใช้ชราข้างกายไป๋หลี่เยียนตกใจกลัวยิ่ง ทั้งคู่ต่างร้องขึ้นมาพร้อมกัน