บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 799 สังหารห้าธาตุ
บทที่ 799 สังหารห้าธาตุ
ฝูงสุนัขเฒ่าหรือ?
เมื่อชายชราชุดเหลืองและพรรคพวกได้ยินคำพูดดังกล่าว สีหน้าของพวกเขาพลันกลายเป็นคล้ำเครียด
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีแห่งนิกายวิถีกระแสสวรรค์ทั้งสิบสามคน ล้วนมีฐานการบ่มเพาะขอบเขตเซียนปฐพีระดับสาม พวกเขาใช้ชีวิตมานานเท่าไรไม่ทราบ แต่ตอนนี้กลับคาดไม่ถึงว่าจะมาถูกชายหนุ่มต่อว่าซึ่ง ๆ หน้า!
‘สุนัขเฒ่า’ หรือ? นี่ถือเป็นหนึ่งในคำดูหมิ่นที่ร้ายแรงที่สุด!
“รนหาที่ตาย!”
“ฆ่ามัน! ฆ่าเด็กสารเลวคนนี้ซะ!”
“ศิษย์พี่จิ้งคง พวกเราลงมือเถอะ อย่าเสียเวลาพูดจาเหลวไหลเลย!”
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเฒ่าทั้งหลายต่างเดือดดาล พากันส่งเสียงตำหนิ
แน่นอน ‘ศิษย์พี่จิ้งคง’ ที่พวกเขาว่าถึง ก็คือชายชราชุดเหลือง ที่ในใจเองก็ลอบเดือดดาลเช่นกัน ก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มแล้วกล่าวเย็นชาออกมา “ศิษย์น้องทั้งห้า เรามาลงมือพร้อมกัน ฆ่าเจ้านี่ให้สาสมกับที่มันพูดเถิด!”
สิ้นเสียงไม่ทันไร
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งห้าผู้วาง ‘ค่ายกลมหาเบญจธาตุพิฆาตกระแสสวรรค์’ ก็ไม่อาจทนไหวอีกต่อไป จึงได้ลงมืออย่างกล้าหาญ
ครืน!
ปราณเซียนแผ่ขยายออกกว้าง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นปราณกระบี่สูงส่งห้าสาย ปรากฏเป็นรูปร่างของห้าธาตุ …พร้อมกำราบสังหาร!
นี่คือกระบี่เซียนที่ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีระดับสามทั้งห้าคนใช้ จนเกิดเป็นค่ายกลยอดเยี่ยมที่ทรงพลังราวกับสามารถแหวกทำลาย ฉีกกระชากฟ้าดินลงมาได้!
และหากเป็นในโลกที่อยู่ภายนอกของค่ายกล การโจมตีนี้ก็เพียงพอที่จะทำลายขุนเขาลำธารไปได้ไกลถึงหนึ่งแสนลี้!
ฟิ้ว!
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ เฉินซีก็ไม่กล้าฝืนต้านรับ เขาคว้ายันต์ศัสตรา ก่อนที่ทั่วร่างจะเกิดแสงวาบ ตัดผ่านความว่างเปล่า สาดส่องระหว่างความจริงและความลวง
ในขณะเดียวกัน ยันต์ศัสตราในมือของเขาก็เปล่งแสงแห่งคุณธรรมส่องจ้า ก่อนจะฟาดฟันออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า สลายการโจมตีทั้งหลายที่พุ่งเข้าหา
เพียงชั่วพริบตา ทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันไปมากกว่าหนึ่งร้อยกระบวนท่า สู้กันจนกระทั่งฟ้ามืด ทรายหินปลิวว่อน ขุนเขาพังทลาย ปราณกระบี่คำรามราวกับกระแสน้ำ กระจายไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้ที่นี่ตกอยู่ในความโกลาหล
เฉินซียิ่งอาจหาญขณะต่อสู้ ปราณกระบี่ของเขาทะยานไปทั่วทุกทิศทาง แม้กระทั่ง ‘ค่ายกลมหาเบญจธาตุพิฆาตกระแสสวรรค์’ ยังไม่อาจทำอะไรชายหนุ่มได้ ทั้งยังถูกเขาสะกดไว้โดยสมบูรณ์!
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีแห่งนิกายวิถีกระแสสวรรค์เป็นเพียงเซียนปฐพีระดับสามเท่านั้น หากไม่ถือกระบี่เซียนกับติดตั้ง ‘ค่ายกลมหาเบญจธาตุพิฆาตกระแสสวรรค์’ ไว้ พวกเขาคงถูกเฉินซีฟันจนตายไปนานแล้ว
เพราะถึงอย่างไร พลังต่อสู้ในตอนนี้ของชายหนุ่มก็มากพอจะสังหารตัวตนขอบเขตเซียนปฐพีระดับสี่ได้ และต่อให้เป็นเซียนปฐพีระดับห้าลงมือเอง เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย!
อีกทั้งยันต์ศัสตราในมือของเขาก็เทียบเท่ากับสมบัติอมตะที่แท้จริงเช่นกัน มันเต็มไปด้วยปราณต้นกำเนิดโกลาหล และเมื่อทั้งสองสิ่งนี้สอดประสานกัน ชายหนุ่มย่อมไม่ต่างจากพยัคฆ์ติดปีก ดังนั้นทำไมต้องหวาดกลัวกระบี่เซียนในมือของคนเหล่านี้ด้วย?
แม้แต่ ‘ค่ายกลมหาเบญจธาตุพิฆาตกระแสสวรรค์’ ก็ยังไม่ได้น่ากังวลขนาดนั้น เพราะสิ่งที่เขามุ่งศึกษามาตลอดก็คือเต๋าแห่งอักขระยันต์ และเมื่อมีพลังอิทธิฤทธิ์อย่างเนตรเทวะแห่งความจริง มันก็ย่อมมากพอจะทำให้ชายหนุ่มมองเห็นข้อบกพร่องและความลึกลับของค่ายกลทั้งหมดในโลกได้
สิ่งเดียวที่ทำให้ชายหนุ่มหวาดกลัวคือการร่วมมือของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งห้าที่เข้าขากันเป็นอย่างดี เมื่อผนวกกับค่ายกลสังหารที่ใช้ ทำให้ยามเกิดข้อบกพร่อง คนทั้งห้าก็จะเข้ามาช่วยคลี่คลาย เร่งปิดช่องโหวนั้นในทันที
ทว่าชายหนุ่มไม่ได้กังวลมากนัก ด้วยหากสองหมัดยากต้านสิบฝ่ามือ เช่นนั้นก็ต้องทำลายหมื่นวิชาด้วยหนึ่งกระบี่ก่อน!
โครม!
เฉินซียืนอยู่บนความว่างเปล่า เปลี่ยนสภาพตัวเองเป็นมหาสมุทรอักขระยันต์ ดวงตาราวกับสายฟ้า ยันต์ศัสตรามืดมนราวกับคมกระบี่ตัดผ่านท้องนภา ฟาดฟันหยินหยางอันโกลาหล ฉีกกระชากความว่างเปล่า ส่งกลิ่นอายอันน่าสะพรึงโจมตีในครั้งเดียว!
ตึง!
หนึ่งในผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีผู้เป็นตัวแทนของธาตุ ‘ทอง’ คือผู้แรกที่รับการโจมตีนี้ ทั่วทั้งร่างของเขาสั่นไหวหลังจากถูกกระบี่ฟาดฟัน ก่อนจะเดินโซเซไปด้านหลัง
เขาดูหวาดกลัว ขณะหลบไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า
“สุนัขเฒ่า! ตายเพื่อข้าซะ!”
เฉินซีตะโกนก้อง เขาก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะกระโจนพร้อมกับตวัดส่งปราณกระบี่ออกอีกครา!!!
หากต้องการหลุดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าว ก็มีแต่ต้องฆ่าพวกเขาก่อน โอกาสรอดจึงจะเพิ่มขึ้น!
“เจ้าโจรน้อยกล้าดียังไง!”
ในตอนนี้เอง กระบี่เซียนอีกสี่เล่มพลันฟาดฟันผ่านสุญญะ โจมตีตรงเข้าสู่หัวใจ ดวงตา ท้ายทอย และตันเถียนของเฉินซี
ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านี้ต่างประจำอยู่ทั้งสี่ทิศ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี พวกเขาจึงยื่นมือเข้าช่วย และหากเฉินซีอยากรอด เขามีแต่ต้องหลบ ซึ่งถือเป็นการช่วยสหายของพวกตนที่ยืนประจำตำแหน่งทองไปในตัว
ทว่าสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดคือ อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะพยายามหลบหลีก!
ราวกับชายหนุ่มไม่รู้สึกตัว เขายังคงพุ่งมาข้างหน้า แล้วฟาดฟันกระบี่ออกไป สังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีตรงหน้าในทันที!
พรวด!
โลหิตทะลัก ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีผู้นั้นถูกกระบี่ฟันจนเป็นก้อนเนื้ออาบโลหิต ก่อนจะระเบิดกลางอากาศ โดยที่ไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้องด้วยซ้ำ!
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ สายตาของผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีที่เหลือต่างพากันน้ำตาไหลพราก โลหิตไหลออกมาจากเบ้าตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
ทว่า ในเวลาเดียวกันเฉินซีก็ได้ถูกกระหน่ำด้วยกระบี่เซียนสี่เล่มนั้น
“ตาย!”
ความตายของพวกพ้องทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทั้งสี่คนตะโกนก้อง โทสะของพวกเขาสูงล้ำยิ่ง จากนั้นก็ฉวยโอกาสนี้สังหารเฉินซี โดยไม่ลังเลที่จะทุ่มกำลังทั้งหมดที่มี
เฉินซีไม่มีที่ให้ซ่อน ไม่มีที่ให้หลบหนี ราวกับนักโทษที่ถูกล่ามโซ่ไว้ ทำได้เพียงนั่งรอความตาย แต่ปราณเซียนกลับพลุ่งพล่านออกจากกายอย่างคาดไม่ถึง ทำให้ชายหนุ่มสามารถปัดป้องการโจมตีถึงตายได้สำเร็จ!
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
กระบี่เซียนสี่เล่มฟาดฟันใส่ร่างของเฉินซีอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เกิดเสียงสะเทือนปฐพีสี่ครั้ง ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องนภา ทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้าน ราวกับว่าวสายป่านขาด ตัวคนกระอักเลือดออกมา มีเสียงแตกหักละเอียดทั่วทั้งร่างกาย
แต่แม้สภาพจะดูน่าสังเวช ทว่าเฉินซีกลับยังไม่ตาย!
ก่อนที่ชั่วพริบตาหลังจากนั้น บาดแผลทั่วทั้งร่างของชายหนุ่มจะหายเป็นปลิดทิ้ง นอกจากใบหน้าซีดเซียวแล้ว เขายังดูเหมือนเดิม!
เร็วเกินไป!
ตั้งแต่เฉินซีเด็ดหัวผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี จากนั้นก็รอดจากการสังหารมาได้ การกระทำเหล่านี้ก็เร็วยิ่งจนบรรพบุรุษจิ้งคงและคนอื่นที่กำลังคุ้มกันทั้งแปดทิศไม่มีเวลาลงมือ! เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว
“เกราะระดับสมบัติอมตะ! เขาสวมเกราะที่มีความกล้าแกร่งในระดับสมบัติอมตะไว้!”
“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร! สมบัติอมตะอย่างนั้นหรือ คนหนุ่มที่อยู่ขอบเขตสถิตกายาจะครอบครองมันได้อย่างไร?”
“บัดซบ! ช่างเป็นหัวขโมยที่เจ้าเล่ห์และร้ายกาจนัก!”
“มันจบแล้ว ศิษย์น้องติ้งเจินไม่พ่ายแพ้ให้กับทัณฑ์สวรรค์ แต่กลับต้องตกตายด้วยเงื้อมมือของหัวขโมยน้อยน่ารังเกียจนั่น…”
“ฆ่า! ใช้งานค่ายกลกระบี่จักรวาลสยบมาร มาต่อสู้ร่วมกันด้วยพลังทั้งหมดที่มี ข้าจะบดขยี้มันผู้นี้ให้เป็นเถ้าถ่าน และอย่าได้หวังเลยว่าจะได้ผุดได้เกิดหลังจากนี้!”
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีต่างเดือดดาล เสียงคำรามของพวกเขาสั่นสะเทือนท้องนภา
พวกเขาผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีได้ติดตั้งค่ายกลสังหารอันน่าสะพรึงเอาไว้สองแห่ง แต่ก็ยังไม่อาจหยุดห้ามเฉินซีจากการสังหารพวกพ้องได้ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกอับอายและเดือดดาลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ต้องยอมรับว่าความแข็งแกร่งของเฉินซีท้าทายสวรรค์ยิ่ง ไม่เพียงแค่นั้น อีกฝ่ายยังครอบครองสมบัติทรงพลังจำนวนมาก หากคนชั่วที่ท้าทายสวรรค์ไม่ถูกกำจัดในวันนี้ มันจะต้องกลายเป็นปัญหาร้ายแรงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในอนาคตแน่!
“ลงมือ!” บรรพบุรุษเฒ่าจิ้งคงคำราม
วิ้ง!
อึดใจต่อมา ทั่วโลกพลันเปลี่ยนแปลง ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีแปดคน รวมถึงจิ้งคงที่ประจำอยู่ทุกทิศทางพลันกลายเป็นภาพกระบี่ขนาดใหญ่แปดภาพ
ราวกับโลกใบนี้ถูกปกครองโดยกระบี่เซียน ทุกทิศทางล้วนเต็มไปด้วยความลี้ลับของเฉียน คุน เจิ้น สวิน ข่าน หลี เกิ้นและตุ้ย*[1] ครอบคลุมทุกสิ่งในโลก ปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงออกมา
กลิ่นอายนี้แทบจะทำให้ดาราจักรกลับตาลปัตร ความโกลาหลย้อนกลับ ทุกสรรพสิ่งถูกถ่ายเข้าไปในฮุ่นตุ้น!
หากมีผู้บ่มเพาะขอบเขตสถิตกายาคนอื่นในตอนนี้ เพียงแค่สัมผัสกลิ่นอายนี้ ร่างกายของพวกเขาคงแตกสลาย และวิญญาณก็จะกระจัดกระจาย!
ในเวลาเดียวกัน บรรพบุรุษเฒ่าผู้ประจำอยู่ในตำแหน่งห้าธาตุที่เหลือเพียงสี่คนเท่านั้น ติ้งเยวี่ยน ติ้งอวี่ ติ้งหรงและติ้งผิงได้รวมตัวกัน ก่อนจะแยกไปประจำตำแหน่งทั้งสี่ทิศ ส่งเสียงก้องกังวานอยู่ไกล ๆ
หากมองจากไกล ๆ จะเห็นว่าโลกทั้งใบราวกับถูกผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีเหล่านั้นควบคุมเอาไว้ พวกเขาเปรียบดั่งเจ้าแห่งสวรรค์ ซึ่งกำหนดเป็นตาย!
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
เสียงคำรามอันน่าตกตะลึงดังขึ้นราวกับเสียงตะโกนของเทพอสูรก็ไม่ปาน หลังจากนั้น ปราณกระบี่อันเจิดจ้าพลันระเบิดออกมาราวกับดาวหางที่ตกมาจากท้องนภา เคลื่อนเข้าหาเฉินซีจากทุกทิศทาง ปกคลุมทั่วทั้งสวรรค์และโลก!
ฉากอันน่าสะพรึงนี้ดูราวกับจุดจบของโลก!
ตูม!
สวรรค์และโลกกำลังพังทลาย ขุนเขากลายเป็นเถ้าถ่าน ปฐพีฉีกกระชากจนเกิดเป็นรอยแยกที่ไม่อาจวัดได้ ที่ใดที่ปราณกระบี่นี้เคลื่อนผ่าน ทุกสิ่งจะประสบกับการพังทลาย แหลกสลายและสูญสิ้น
เฉินซีที่อยู่ภายในค่ายกลราวกับมดที่ทนทุกข์กับภัยพิบัติ มันช่างไร้ค่า พร้อมจะถูกกำจัดได้ทุกเมื่อ
ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่สีหน้าของชายหนุ่มดูสง่ายิ่งนัก จากนั้นเฉินซีพลันใช้การบ่มเพาะทั้งหมดที่มีโดยไร้ความลังเล ปลดปล่อยพลังต่อสู้สิบเท่าออกมา กวัดแกว่งกระบี่ แล้วพุ่งไปข้างหน้า
ถึงแม้เขาจะตัวคนเดียว แต่ก็มีความกล้าที่จะสังหาร!
ตู้ม!
คลื่นปราณกระบี่เคลื่อนลงมาใกล้ ทว่าเฉินซีไม่อาจหลบได้ทันเวลา ดังนั้นเขาจึงฝืนต้านรับ จนเกิดเสียงดัง ‘ปัง’ ก่อนที่ตัวคนจะโซเซจากแรงกระแทก ทั่วทั้งร่างสั่นสะท้านเพราะปราณและโลหิตที่ปั่นป่วน
แต่เขาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้แม้แต่น้อย เขายังคงกัดฟัน พุ่งเข้าไปสังหารครั้งแล้วครั้งเล่า
ชายหนุ่มในตอนนี้ไม่ได้ว่อกแว่กแม้แต่น้อย มุ่งมั่นเพียงเพื่อจะสังหารสุนัขเฒ่าฝูงหนึ่งที่นิกายวิถีกระแสสวรรค์เลี้ยงไว้ให้จงได้!
ใช่แล้ว สถานการณ์ตรงหน้าเขาไม่ได้แตกต่างจากการเผชิญหน้าระหว่างหนึ่งคนกับโลกทั้งใบ มีปราณกระบี่อันน่าเกรงขามเคลื่อนไปมาทุกหนแห่ง หมายจะสังหารและฝังเขาไว้ที่นี่
เวลาคล้ายกับช้าลง
เฉินซีพุ่งไปข้างหน้าด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี แต่การโจมตีอันหนักหน่วงที่ตรงเข้ามามีจำนวนมากและน่าสะพรึงกลัวเกินไป ชายหนุ่มในตอนนี้จึงเหมือนกับแมลงติดในตาข่าย ไม่สามารถดิ้นรนได้
และเพราะแบบนี้ สถานการณ์ของเขาจึงยิ่งอันตรายมากขึ้น มีพื้นที่ให้หลบหลีกน้อยลง…
ตู้ม!
ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวเกือบหนึ่งร้อยสายเคลื่อนลงมาราวกับน้ำหลากพ้นทำนบ มันกระแทกเข้าใส่ร่างของเฉินซี ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด กระอักโลหิตออกมา มีโลหิตซึมออกมาตามผิวหนัง
เพียงชั่วพริบตา ชายหนุ่มพลันกลายเป็นดั่งมนุษย์โลหิตผู้สิ้นหวัง!
[1] ในกระจกยันต์แปดทิศ จะประกอบไปด้วย เฉียน (ฟ้า) คุน (พื้นดิน) เจิ้น (ฟ้าร้อง) สวิน (ลม) ข่าน (น้ำ) หลี (ไฟ) เกิ้น (ภูเขา) ตุ้ย (หนองน้ำ)