บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 860 ส่งผลต่อพิภพยันต์อักขระ
บทที่ 860 ส่งผลต่อพิภพยันต์อักขระ
บทที่ 860 ส่งผลต่อพิภพยันต์อักขระ
ภาพเบื้องหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา แต่มันก็ไม่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเฉินซีได้เลย
เมื่อเท้าของเขาได้ยืนอย่างมั่นคงบนขั้นที่สามของบันไดหิน ภาพเบื้องหน้าของเฉินซีก็หยุดนิ่งทันที เจดีย์ทองสัมฤทธิ์ที่สูงยิ่งปรากฏขึ้นในโลกที่มืดมิดนี้…
และที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือเจดีย์นี้มีลักษณะเหมือนกับเจดีย์ต้าเหยี่ยนทุกประการ!
แต่ชายหนุ่มกลับไม่แปลกใจ และดวงวิญญาณที่ราวกับปราศจากอารมณ์ของเขา ได้มองไปยังร่างที่ยืนอยู่ใจกลางโลกมืด เฝ้าดูนิ้วของตนเองวาดมหาสมุทรแห่งอักขระยันต์ที่ปกคลุมท้องฟ้า ขณะที่ซ่อมแซมเจดีย์ไปด้วย
จิตใจของชายหนุ่มยังคงหมกมุ่นอยู่ในความเข้าใจอันลึกซึ้งนี้
แต่เขารู้อย่างชัดเจนว่า โครงสร้างภายในเจดีย์ต้าเหยี่ยนนั้นอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาตั้งนานแล้ว อักขระยันต์หลุดออก ค่ายกลเสียหาย และมีหลายจุดในนั้นที่ต้องซ่อมแซม
ในระหว่างกระบวนการซ่อมแซมนี้เอง เฉินซีก็ได้เห็นความน่าเกรงขามของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากอีกครั้ง ด้วยการชี้นิ้วเบา ๆ อักขระยันต์ที่ไร้ขอบเขตพลันปรากฏขึ้น และความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์ของเต๋าแห่งยันต์อักขระ ก็ทำให้เขาจมดิ่งลงไปในนั้นอีกครั้งและไม่อาจหลุดพ้นได้
หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา เจดีย์ก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ ทำให้มันปกคลุมไปด้วยแสงสีทองทั้งหมด ดุจวิหคอมตะที่เกิดใหม่ในเปลวเพลิง ซึ่งมีพลังชีวิตมากล้นและกว้างใหญ่เหมือนมหาสมุทร!
เฉินซีไม่ทราบเลยว่า ในขณะนี้ ผู้บ่มเพาะทุกคนที่อยู่ในเจดีย์ แทบจะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเจดีย์ได้
ขณะนี้ เจดีย์กำลังส่องประกายระยิบระยับมากขึ้น ในขณะที่อากาศภายในนั้นมีรัศมีศักดิ์สิทธิ์และปกคลุมไปด้วยหมอก ทำให้มันดูเหมือนสรวงสวรรค์แห่งแดนเซียน
“สวรรค์! มีคนกำลังซ่อมแซมเจดีย์ต้าเหยี่ยน!”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน! เจดีย์ต้าเหยี่ยนเป็นหัวใจของพิภพยันต์อักขระ เว้นแต่ผู้เยี่ยมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ ซึ่งเป็นผู้สร้างพิภพยันต์อักขระหรือทวยเทพผู้อาจเดินทางข้ามภพเป็นผู้ลงมือ ไม่อย่างนั้นจะมีใครในโลกนี้ที่สามารถทำสิ่งนี้ได้?”
“การซ่อมแซมเจดีย์ต้าเหยี่ยนถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งน่าตกใจและน่ายินดีเป็นพิเศษสำหรับพิภพยันต์อักขระทั้งหมด ตราบเท่าที่เจดีย์ต้าเหยี่ยนยังคงตั้งตระหง่านอยู่ พิภพยันต์อักขระจะไม่มีวันพังทลาย!”
“สิ่งที่ข้าสงสัยมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ เป็นผู้ใดกันแน่ที่ทำสิ่งนี้?”
ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ชั้นใด ผู้บ่มเพาะทุกคนในเจดีย์ต่างสนทนากันอย่างมีชีวิตชีวา และต่างอุทานด้วยความชื่นชมต่อเจดีย์ต้าเหยี่ยนที่มีรูปลักษณ์ใหม่ รวมทั้งปรารถนาใคร่รู้เป็นอย่างมากว่าใครเป็นผู้ซ่อมแซมเจดีย์
ขณะเดียวกัน เหลียงปิงที่อยู่ ณ ชั้นแปดก็กำลังต่อสู้อย่างห้าวหาญ แม้ร่างกายจะอาบไปด้วยเลือด ทว่าในใจนางกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยขวัญกำลังใจ
ด้วยนางรู้ว่า ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นฝีมือของเฉินซีอย่างแน่นอน!
…
เมื่อเวลาผ่านไป เฉินซีก็ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้น และทุกย่างก้าวของเขาก็จะมีดอกบัวสีทองบานสะพรั่ง
ตอนนี้ชายหนุ่มได้ค้นพบว่า บนพื้นผิวของขั้นบันไดในชั้นที่เก้า ไม่เพียงถูกวางด้วยข้อจำกัดที่น่าสะพรึงกลัวเท่านั้น แต่ข้อจำกัดที่ว่ายังฝ่าฟันยากเย็นดั่งหุบเหวลึก ซึ่งสิ่งนี้ แท้จริงแล้วเกี่ยวข้องกับการซ่อมแซมแผนผังยันต์อักขระ!
บนขั้นแรก เขาตกอยู่ในสภาพแปลกประหลาด เนื่องจากชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก และเขาได้รับการยอมรับจากเจดีย์
บนขั้นที่สอง เขาจึงสามารถมองเห็นพลังของชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก และได้รู้แจ้งเกี่ยวกับหลักการเปลี่ยนแปลงของชะตาสวรรค์
บนขั้นที่สาม ชายหนุ่มจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการซ่อมแซมแผนผังยันต์อักขระอย่างแท้จริง!
ยิ่งกว่านั้น ตั้งแต่ขั้นนี้เป็นต้นไปจนถึงขั้นที่สี่ ขั้นที่ห้า และแม้แต่ขั้นที่เก้า ไม่ว่าจะเป็นเจดีย์ต้าเหยี่ยน นครหลวงสี่จักรพรรดิ สี่มณฑล เมืองมากมายและหมู่บ้านนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นภายในพื้นที่กว้างใหญ่และพิภพอันมืดมิดอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดขอบเขตการมองเห็นของเขาก็ขยายออก และพิภพยันต์อักขระทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยตรงหน้าเฉินซี!
มันรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นจ้าวแห่งการรังสรรค์สุงสูดที่ยืนอย่างภาคภูมิเหนือจักรวาล และชายหนุ่มกำลังใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ของตนเองเพื่อซ่อมแซมรอยแผลของโลกใบใหญ่จากที่ไกลออกไป
ในโลกภายนอกขณะนี้ นครหลวงสี่จักรพรรดิพลันเรืองรองด้วยความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ขณะที่มันอาบอยู่ใต้แสงอาทิตย์ที่แผดเผาและตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ มันเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า ทำให้มันดูเหมือนกับฟื้นคืนชีพขึ้นมาหลังจากตายไปหลายปี
มันเหมือนกับปาฏิหาริย์!
เช่นเดียวกับสี่มณฑลใหญ่และหอคอยยันต์อักขระในเมืองมากมาย เช่น เมืองนกนางแอ่นแดง และหมู่บ้านนับไม่ถ้วน เช่นหมู่บ้านจินซาง ก็ยังเต็มไปด้วยคลื่นพลังชีวิตที่น่าตกใจ
คลื่นพลังผันผวนนี้ยิ่งใหญ่มาก และทำให้ผู้บ่มเพาะในพิภพยันต์อักขระทั้งหมดตื่นตระหนกในทันที
ทุกคนต่างตกตะลึงและงุนงง เพราะไม่รู้ว่าทำไมเหตุการณ์อัศจรรย์เช่นนี้จึงเกิดขึ้น ทว่ามีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่พอจะคาดเดาบางสิ่งได้ราง ๆ และต่างตกตะลึงจนกล่าววาจาใดไม่ออก!
ณ เมืองนกนางแอ่นแดง
นักพรตเต๋าหลิงและสหายของเขากำลังปรึกษาหารือเกี่ยวกับโครงสร้างอักขระยันต์ในห้องโถง และหลิงชิงโม่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกเบื่อมาก นางจึงสางผมงามของนางเล่น ในขณะที่จ้องมองอย่างว่างเปล่า
ทันใดนั้น แผนผังยันต์อักขระที่เสียหายทั้งหมดสามพันหกร้อยผังในห้องโถงก็กะพริบอย่างกะทันหัน ก่อนจะหายไป และกลายเป็นม่านแสงสีขาวโพลน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เหล่าปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระที่มีนิสัยแปลกประหลาดต่างก็ตกตะลึง จากนั้นพวกเขาพลันกระโดดขึ้น ในขณะที่โบกแขนไปรอบ ๆ และคำรามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้บริเวณโดยรอบตกอยู่ในความโกลาหลทันที
หัวหน้าผู้ดูแลเยว่เหมิงได้ลากร่างกายที่อวบอ้วนของเขาและพุ่งเข้ามาพร้อมกับเหงื่อที่ชโลมกาย ก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มอธิบายซ้ำ ๆ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในห้องโถงอีกครั้ง!
“เอ๊ะ เหตุใดข้าถึงคิดว่ามันเกิดขึ้นอีกครั้ง?”
เยว่เหมิงตบหน้าผากตัวเอง พลางหัวเราะอย่างขมขื่น และนึกถึงชายหนุ่มที่เรียกว่าเฉินซีเมื่อครึ่งเดือนก่อน ในเวลานั้น เฉินซีได้กวาดเอาพลังธรรมเทพไปสามหมื่นดวง ทำให้ทั้งโถงใหญ่ผังยันต์อักขระตกอยู่ในความโกลาหล เช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในขณะนี้
“แต่คราวนี้ดูเหมือนจะมีปัญหาจริง ๆ…”
เยว่เหมิงอ้าปากค้างขณะมองไปยังม่านแสงที่ฉายผังอักขระยันต์อันว่างเปล่าจำนวนมาก แต่เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
ในขณะนี้ ผู้ดูแลที่มีสีหน้างุนงงได้ทะยานผ่านข้างตัวเยว่เหมิง ฝ่ายหลังได้คว้าคอของผู้ดูแลคนนี้จากทางด้านหลัง และลากผู้ดูแลมายังข้างตัว ก่อนที่เขาจะตวาดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าสั่งให้เจ้าไปตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เจ้ายังมึนงงกับตัวเอง เชื่อหรือไม่ว่าวันนี้ข้าจะไล่เจ้าออก!”
ผู้ดูแลดูจะตื่นขึ้นจากความฝัน และกล่าวตะกุกตะกักว่า “ท่านหัวหน้า ข้ามาเพื่อรายงานให้ท่านทราบ แต่ข่าวนี้น่าตกใจเกินไป ดังนั้น…ข้าจึงรู้สึกมึนงงเล็กน้อย”
เยว่เหมิงกล่าวด้วยท่าทางงุนงงว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ผู้ดูแลอธิบายอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
หลังจากได้ยินทุกอย่าง ใบหน้าอวบอ้วนของเยว่เหมิงพลันกระตุกอย่างรุนแรง ในขณะที่ร่างกายของเขาสั่นระริก “หากนี่เป็นเรื่องจริง ก็หมายความว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ในเต๋าแห่งยันต์อักขระได้ปรากฏตัวที่เจดีย์ต้าเหยี่ยนภายในนครหลวงแล้ว!”
ในขณะนี้ ปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระในห้องโถงก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน และเสียงโห่ร้องในห้องโถงก็หายไปทันทีอย่างไร้ร่องรอย ทำให้ห้องโถงกลายเป็นเงียบสนิท
“หอคอยยันต์อักขระในเมืองนกนางแอ่นแดงได้รับการซ่อมแซมในชั่วพริบตา!?”
ดวงตาของเหล่าบรรดาปรมาจารย์ค่ายกลยันต์อักขระทั้งหมดต่างเบิกกว้าง ดูราวกับพวกเขาได้ยินตำนานเรื่องเล่าปรัมปรา เพราะนี่มันเหลือเชื่อเกินไป!
แม้แต่นักพรตเต๋าหลิงกับปราชญ์ค่ายกลยันต์อักขระคนอื่น ๆ ก็ตกใจ แต่พวกเขาก็พอจะคาดเดาความเป็นไปได้ …มีคนซ่อมแซมเจดีย์ต้าเหยี่ยนในนครหลวงสี่จักรพรรดิ!
“ช่างเป็นความสำเร็จในเต๋าแห่งยันต์อักขระที่ล้ำเลิศยิ่ง!”
“ผู้ใดเป็นคนทำสิ่งนี้ได้สำเร็จกัน?”
“ท่านปู่ ท่านคิดว่าคนผู้นั้นคือเฉินซีหรือไม่?” หลิงชิงโม่ที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวทันที
“อย่าได้กล่าวเรื่องไร้…” นักพรตเต๋าหลิงกำลังจะตำหนิหลานสาว แต่เขาฝืนกลืนคำกล่าวไป หลังจากที่กล่าวไปได้เพียงครึ่งทาง เพราะหวนนึกถึงประสบการณ์เมื่อวันก่อน ในเวลานั้น เขาไม่เคยคิดว่าเฉินซีจะสามารถกวาดดาวแห่งพลังธรรมเทพไปได้ถึงสามหมื่นดวงเช่นนั้น แล้วนั่นก็ทำให้เจ้าตัวสร้างความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้น ยามหวนคิดถึง ชายชราก็ยังคงรู้สึกละอายใจและหดหู่เล็กน้อย
“ท่านปู่หวังว่าจะเป็นเฉินซีแน่นอน” นักพรตเต๋าหลิงยิ้มออกมาในขณะที่เขาลูบหัวน้อย ๆ ของหลิงชิงโม่ แต่เขากลับกล่าวในใจอีกอย่างว่า ‘หากเป็นเขาจริง ๆ ข้าจะขอพบกับเขา แม้ว่าข้าจะต้องคุกเข่าลงและโค้งคำนับก็ตาม…’
…
ณ หมู่บ้านจินซาง
ผู้อาวุโสเสวี่ยหมิงนั่งเอนหลังพิงต้นหม่อนสีทองขณะที่เขาอาบแสงแดด และดูผ่อนคลายมาก
เนื่องจากหอคอยยันต์อักขระในหมู่บ้านได้รับการซ่อมแซมจนสมบูรณ์ ชายชราจึงไม่กังวลว่าหมู่บ้านจะถูกสัตว์อสูรจักรวาลตีแตกอีกต่อไป และแม้ว่าสัตว์อสูรจักรวาลเหล่านี้จะโจมตีหมู่บ้านในตอนกลางคืน เขาก็สามารถนอนหลับฝันดีได้อย่างสงบสุข
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะชายหนุ่มคนนั้น เฉินซี!
เสวี่ยหมิงมั่นใจว่าเขาจะไม่มีวันลืมชายหนุ่มคนนี้ที่ทำตัวเรียบง่ายและมีท่าทีที่อ่อนโยน
“ฮ่า ๆๆ! เสวี่ยหมิง ข้ามีข่าวดีจะบอกเจ้า ไม่ใช่แค่หมู่บ้านโอสถวิญญาณของข้า แม้แต่หมู่บ้านอื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงก็ได้รับการซ่อมแซมหอคอยยันต์อักขระอย่างสมบูรณ์แล้ว!” ในขณะนี้ ชายชราผู้ร่าเริงที่มีผิวสีดอกกุหลาบได้ปรากฏตัวที่ทางเข้าหมู่บ้านอันห่างไกล ก่อนเสวี่ยหมิงจะเงยหน้าขึ้นมอง และจำได้ว่าชายชราผู้นี้คือผู้อาวุโสตู้สิงจากหมู่บ้านโอสถวิญญาณที่อยู่ใกล้เคียง!
“เจ้าอาจยังไม่รู้ ข้าได้ยินว่ามีผู้เยี่ยมยุทธ์มากความสามารถได้เข้าไปในเจดีย์ต้าเหยี่ยน และซ่อมแซมมันจนสมบูรณ์ ทำให้หอคอยยันต์อักขระในพิภพยันต์อักขระทั้งหมดได้ฟื้นคืนสู่สภาพแรกเริ่ม ตอนนี้ ไม่ว่าสัตว์อสูรจักรวาลจะโจมตีมากมายสักแค่ไหน พวกมันก็มิอาจคุกคามเราไปอีกนาน”
ตู้สิงนั่งข้างเสวี่ยหมิงและกล่าวทั้งสีหน้าชื่นชม “เฮ้อ ข้าสงสัยว่าผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นเป็นใครกันแน่ แม้ข้าจะมีชีวิตอยู่มานานแล้ว แต่ข้าก็ยังตื่นเต้นจนกระโดดด้วยความดีใจ หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ข้าไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการโค้งคำนับและแสดงความขอบคุณ”
“โอ้? ถ้าอย่างนั้นข้าต้องขอแสดงความยินดีกับเจ้า” เสวี่ยหมิงตบริมฝีปากของเขาอย่างเกียจคร้าน
“เจ้าไม่สนใจเลยหรือ?” ตู้สิงรู้สึกประหลาดใจ
“แน่นอน แน่นอน ข้าสนใจ นี่เป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง” เสวี่ยหมิงกล่าวทั้งรอยยิ้ม “ทว่าในสายตาของข้ามีแต่เฉินซี และหาได้สนใจผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้น เพราะชีวิตของทุกคนในหมู่บ้านจินซางของข้าล้วนเป็นสิ่งที่เฉินซีได้ช่วยไว้ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เยี่ยมยุทธ์คนนั้นแม้แต่น้อย!”
ถ้าเสวี่ยหมิงรู้ว่า ‘ผู้เยี่ยมยุทธ์’ ที่เขากล่าวถึงคือเฉินซีเช่นกัน มันก็คงน่าสนใจนักว่าเขาจะแสดงสีหน้าเช่นไรออกมา!
…
พิภพยันต์อักขระได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
หากมีใครมองลงมาจากพื้นที่กว้างใหญ่ของจักรวาล ที่ซึ่งเฉินซีกับหลียางมายังพิภพยันต์อักขระ คนผู้นั้นก็จะสังเกตเห็นว่า ในขณะนี้ พิภพยันต์อักขระที่ใหญ่โตมหาศาลและล้อมรอบด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วน ซึ่งเปรียบเสมือนกับฝุ่นผงที่มีค่า ไข่มุกที่ผ่านการล้างจนสะอาด และเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงอันเรียบเนียนไร้ที่ติ ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว …มันกำลังเปล่งพลังชีวิตที่โชติช่วงและทรงพลังออกมา!
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำได้อย่างง่ายดายด้วยชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากที่ผ่านมือของเฉินซี และใช้เวลาน้อยกว่าหนึ่งชั่วยามในการดำเนินการทั้งหมดให้เสร็จสิ้น!
ความสามารถดังกล่าวไม่ต่างจากปาฏิหาริย์
บนบันไดหินขั้นที่เก้า ณ ชั้นที่เก้าในเจดีย์ เฉินซีตื่นขึ้นจากสภาวะอันลึกซึ้งที่เขาเป็นอยู่ และชายหนุ่มได้เรียกคืนพลังในการควบคุมร่างกายของเขาอีกครั้ง
‘ไม่น่าแปลกใจที่ศิษย์พี่หลียางถึงกล้ามั่นใจ ปรากฏว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลาก ข้าสงสัยนักว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเจดีย์ต้าเหยี่ยน…’ ขณะที่เขานึกถึงทุกสิ่งที่ประสบมาก่อนหน้านี้ เฉินซีก็เป็นต้องรู้สึกตกใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งเขายังรู้สึกว่าชิ้นส่วนแผนภาพวารีหลากนั้นพิเศษและลึกลับยิ่งกว่าเดิม
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฉินซีพลันส่ายศีรษะ เพราะในเวลานี้ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากเหลียงปิงกับเถิงหลานกำลังรอให้เขาไปเอาเคล็ดวิชาบ่มเพาะในชั้นที่สิบอยู่!
โดยไม่ลังเลใด ๆ อีกต่อไป เฉินซีสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า เข้าสู่ความว่างเปล่าตรงหน้าไป!