บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 984 ไร้เทียมทานท่ามกลางเหล่าเซียนปฐพี
บทที่ 984 ไร้เทียมทานท่ามกลางเหล่าเซียนปฐพี
บทที่ 984 ไร้เทียมทานท่ามกลางเหล่าเซียนปฐพี
“มาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปเข่นฆ่าศัตรูของเรา!”
มันเป็นคำพูดที่กล่าวออกมาอย่างราบเรียบและสงบนิ่ง แต่วาจานี้กลับเหมือนชนวนที่จุดประกายไฟแห่งการต่อสู้ในใจของเป้ยหลิงทันที!
“ต่อให้ศัตรูเป็นล้านคน ข้าก็ยังจะมุ่งหน้าต่อไป!”
ในชั่วพริบตาต่อมา ทั้งคู่ก็พุ่งเข้าใส่พร้อมกัน
วูด~ วูดด~ วูดดด~
เสียงแตรดังก้องไปในท้องฟ้า ทันทีที่พวกเขาทั้งสองเพิ่งเคลื่อนไหว ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีกว่าพันคนในแนวป้องกันที่สามก็เริ่มเคลื่อนไหว
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
เกราะเหล็กที่ประณีตและกลิ่นอายอันน่าเกรงขามได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน พวกมันเป็นดั่งมวลเมฆสีดำที่เข้าปกคลุมฟ้าดินทันที ในขณะที่เสียงตะโกนของพวกเขาเหมือนเสียงฟ้าผ่า และกลิ่นอายที่น่าเกรงขามก็เหมือนกับภูเขาหรือกระแสน้ำที่ถล่มลงมา พวกมันพุ่งทะลุผ่านความว่างเปล่า เกิดเป็นกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวมหาศาลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เหตุการณ์ในตอนนั้นราวกับว่าประตูนรกได้ถูกเปิดออก และปีศาจที่พร้อมจะปรากฏตัวมานานแล้วก็พุ่งออกมาด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง การโจมตีต่าง ๆ นับพันได้ปกคลุมฟ้าดิน ราวกับพายุฝนฟ้าคะนองและสายฟ้าที่ร่ายรำอย่างดุเดือดบนท้องฟ้า ขณะที่มันถาโถมลงมายังบริเวณนี้ของทะเล
มีผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีมากกว่าพันคน!
พลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้สามารถกวาดล้างโลกใบเล็กได้แทบจะในทันที!
เพียงแค่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามของพวกมัน ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว!
นี่คือสงครามที่แท้จริง!
ร่างของเฉินซีหยุดชะงักชั่วขณะ จากนั้นเขาก็เหมือนเต่าโบราณที่กำลังดำดิ่งลงสู่ทะเล กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนห่อหุ้มอยู่ทั่วกาย ชายหนุ่มก้าวไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทางที่ตั้งตรงดุจคันทวน และไม่ว่าจิตสังหารที่จู่โจมใบหน้าของเขาจะดุร้ายเพียงใด เฉินซีก็ยังคงนิ่งเฉย
ผมของชายหนุ่มปลิวไสวไปตามแรงลม ในขณะที่ใบหน้าสงบนิ่งดุจพระจันทร์ในบ่อน้ำโบราณ มีเพียงดวงตาที่ลุกโชนด้วยเปลวไฟ นอกจากนี้จิตต่อสู้ของเขายังพลุ่งพล่าน ดูราวตั้งใจที่จะเผาผลาญฟ้าดินให้มอดไหม้
ร่างของเป้ยหลิงที่อยู่ใกล้เคียงถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีน้ำเงินเข้ม เสื้อผ้าและผมของนางปลิวไสวไปตามแรงลม ในขณะที่ใบหน้าของหญิงสาวยังคงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ในตอนนี้ นางลืมเรื่องชีวิตกับความตายไปแล้ว และต้องการเพียงการต่อสู้เคียงข้างชายที่อยู่เคียงข้างอย่างสาแก่ใจเท่านั้น!
โอม!
กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนที่ห่อหุ้มอยู่รอบ ๆ ร่างเฉินซี จู่ ๆ ก็เริ่มเดือดพล่านอย่างรุนแรง จากนั้นพวกมันก็แปรสภาพเป็นอักขระยันต์หนาแน่นนับไม่ถ้วนปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่ม และเปล่งคลื่นทำนองแห่งมหาเต๋าออกมา
เมื่อมองจากระยะไกล ร่างสูงใหญ่ของเขาถูกอาบไปด้วยมหาสมุทรแห่งยันต์อักขระ ในขณะที่รอบกายถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายของมหาเต๋า ซึ่งรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและไม่ธรรมดาของเขาก็ถือเป็นภาพที่ยากจะลืมเลือน
ตู้ม!
เมื่อกองกำลังของศัตรูปรากฏขึ้น ศาสตร์เต๋าและสมบัติวิเศษต่าง ๆ ที่ปกคลุมฟ้าดินพลันโปรยปรายลงมา ขณะที่เฉินซีลงมือเช่นกัน เขางอศอกและกำหมัดแน่น จากนั้นมันก็เปล่งแสงเจิดจ้าขณะที่ชกออกไป
ในช่วงเวลาต่อมา เส้นทางที่สว่างไสวด้วยไฟได้แผ่ขยายออกกว้าง เหมือนกับลำแสงยาวที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงและเลือด ขณะทำการเชื่อมต่อกับฟ้าดินและส่องสว่างไปทั่วโลก!
ปัง! ปัง! ปัง!
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเว่ยหลาน เว่ยเซียวเฟิงและชายชราในเสื้อคลุมปักลาย เส้นทางที่สว่างไสวด้วยเปลวไฟได้กวาดผ่านทุกสิ่งที่ขวางหน้า และได้เปิดช่องทางท่ามกลางฝูงศัตรูที่หนาแน่นราวกับกระแสน้ำ!
ทุกที่ที่มันผ่านไป การโจมตีทั้งหมดจะพังทลาย สมบัติวิเศษทั้งหมดจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และบดขยี้ทุกสิ่งด้วยพลังที่ท่วมท้น
ต่อจากนั้น คลื่นแห่งความทุกข์ระทมและเสียงร้องโหยหวนก็ดังก้องออกมา ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีทุกคนที่พุ่งเข้าใส่ก่อนหน้านี้ ไม่สามารถต้านทานเส้นทางที่สว่างไสวด้วยเปลวไฟได้ ทำให้พวกมันได้รับบาดเจ็บสาหัส และร่วงหล่นสู่ทะเลทุกข์ หรือไม่ก็ถูกเผาเป็นจุณอยู่กลางอากาศ!
มีบางคนที่โชคดีพอจะหลีกเลี่ยงเส้นทางที่สว่างไสวด้วยเปลวไฟ แต่ก็ได้รับผลกระทบจากพลังหมัดอันน่าสะพรึงกลัว ทำให้พวกเขาดูเหมือนตกอยู่ในตาพายุ ขณะที่ร่างของทุกคนแกว่งไปแกว่งมากลางอากาศ และเปล่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
เพลงหมัดเทพอัคคี!
นำไปสู่อีกฟากฝั่ง!
เคล็ดวิชาหมัดนี้สืบทอดมาจากจักรพรรดิยมโลกที่สาม โดยถูกหลอมรวมเข้ากับเต๋ารู้แจ้งแห่งปารมิตาที่ขอบเขตสมบูรณ์ เมื่อถูกใช้โดยเฉินซีผู้บรรลุขอบเขตเซียนปฐพีอย่างถ่องแท้ อาจกล่าวได้ว่ามันเป็นดั่งพระอาทิตย์ร้อนแรงที่ละลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า และแฝงไปด้วยพลังพันธนาการดวงวิญญาณขณะที่การโจมตีนี้พุ่งไปข้างหน้า แล้วผู้ใดจะต่อกรกับมันได้?
เพียงหมัดเดียวก็ทำให้ผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพีกว่าสามสิบคนพินาศ!
หมัดนี้ทำให้บรรดาศัตรูตื่นตระหนก ก่อนที่เขาจะระมัดระวังมากขึ้น และหยุดกลุ้มรุม แต่เลือกที่จะปิดล้อมเฉินซีจากทุกทิศทางแทน
“พวกเจ้าน่าจะทำสิ่งนี้ตั้งนานแล้ว มิฉะนั้น พวกเจ้าทั้งหมดจะไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย…” เฉินซีพึมพำขณะที่จิตต่อสู้ในอกของเขาพุ่งสูงขึ้น จากนั้นชายหนุ่มก็สบสายตากับเป้ยหลิงอยู่แวบหนึ่ง ก่อนทั้งคู่จะพุ่งเข้าใส่กองกำลังของศัตรูในฉับพลันนั้น!
เฉินซีพุ่งตัวไปข้างหน้า เขาชกออกไปด้วยเคล็ดเพลงหมัดเทพอัคคี เงาหมัดปกคลุมท้องฟ้าและทับซ้อนกัน ขณะที่พวกมันพุ่งออกไป และก่อกำเนิดเส้นทางมากมายที่สว่างไสวด้วยเปลวไฟยามปะทะเข้ากับผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี!
เป้ยหลิงคอยคุ้มกันอยู่ทางด้านหลัง นิ้วเรียวของนางขยับไหวไปมา ปลดปล่อยปราณดาบสีน้ำเงินเข้มที่ดูเหมือนเป็นวัตถุออกมา ดูคล้ายกับจันทร์เสี้ยวจำนวนมากฉีกผ่านความว่างเปล่าและกวาดฟันออกไป
ในชั่วพริบตา ร่างของพวกเขาก็ถูกศัตรูจากทั่วทุกทิศทางล้อมเอาไว้แล้ว ซึ่งในสนามรบเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้ามากมาย สมบัติวิเศษต่างพุ่งทะยาน ศาสตร์เต๋าซัดสาดไปทั่ว และเสียงร้องโหยหวนที่น่าสังเวชก็ดังก้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด มันเป็นความโกลาหลอย่างสมบูรณ์
ในขณะเดียวกัน เลือดได้สาดกระเซ็นขึ้นสู่ท้องฟ้าอยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่ซากศพตกลงสู่ทะเลเบื้องล่าง และฉากนั้นก็น่าสยดสยองถึงขีดสุด
…
การโจมตีของเฉินซีค่อย ๆ เร็วขึ้นและเร็วขึ้น เงาหมัดเป็นเหมือนคลื่นยักษ์และถาโถมดุจกระแสน้ำ อีกทั้งพวกมันยังแสดงสัญญาณของการก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนอยู่จาง ๆ ซึ่งปลดปล่อยพลังกลืนกินที่น่าเกรงขามเพื่อดึงร่างของทหารองครักษ์ยักษาและทหารองครักษ์วิญญาณเจียง
ต่อจากนั้น คลื่นเสียงของกระดูกที่แตกหักและเสียงร้องโหยหวนก็ดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ การโจมตีแต่ละครั้งของเฉินซีจะคร่าชีวิตผู้คนไปไม่น้อย ท่าทางของเขาก็ห้าวหาญ เด็ดขาด และไม่มีใครหยุดยั้งได้ ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
แต่ศัตรูก็มีมากเกินไป พวกมันก่อตัวเป็นฝูงหนาทึบที่รุมล้อมเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย และไม่ว่าเฉินซีจะมีฝีมือไม่ธรรมดาเพียงใด เขาก็ได้แต่รักษาความปลอดภัยของตัวเองและเป้ยหลิงเท่านั้น ในขณะที่ชายหนุ่มไม่สามารถทำลายพวกมันได้ในระยะเวลาอันสั้น
ฆ่า!
เฉินซียังคงเฉยเมยต่อเรื่องนี้ ร่างของเขาเป็นเหมือนมังกรในขณะที่ใช้ศาสตร์เต๋าต่าง ๆ อย่างง่ายดาย มันได้เปลี่ยนเป็นอักขระยันต์ที่หนาแน่นและน่าสยดสยอง ซึ่งสร้างความหายนะไปทั่วบริเวณโดยรอบ
มันคือการหมุนเวียนของธาตุทั้งห้า การหมุนเวียนของหยินและหยาง ลมและสายฟ้าที่โหมกระหน่ำ ธารดาราที่หลั่งไหล… นิรันดร์ การรังสรรค์ การทำลายล้าง…
ความลึกล้ำของมหาเต๋าต่าง ๆ และศาสตร์เต๋าระดับสูงสุดได้ถูกใช้ภายใต้คำสั่งที่ไร้ที่ติของเต๋าแห่งยันต์อักขระโดยเขา และชายหนุ่มในยามนี้เป็นเหมือนจักรพรรดิยันต์อักขระ ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางกองทัพมหึมา แต่ก็เผยกลิ่นอายที่น่าเกรงขามและสง่างามของจักรพรรดิที่เสด็จลงมายังโลก
เลือดสดสาดกระจายไปทั่วบริเวณโดยรอบ แขนขาขาดกระเด็นโปรยปรายดุจสายฝน!
ทั่วทั้งฟ้าดินล้วนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ไม่มีใครเทียบได้ รัศมีแห่งสวรรค์ที่เจิดจ้า เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าสมเพช และเสียงตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว มันคือกลิ่นอายของสงคราม ทำให้โลกทั้งใบถูกบดบังจนมืดมิด
บนท้องฟ้า ชั้นมวลเมฆแตกสลาย พระอาทิตย์และพระจันทร์มืดสลัว แม้แต่อากาศก็ยังถูกบดขยี้ จนเกิดเป็นหลุมดำที่แคบ ยาว และบิดเบี้ยวจำนวนมาก
ทะเลทุกข์ด้านล่างถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดเมื่อนานมาแล้ว และคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่น่าสะอิดสะเอียน
ฉากนี้เป็นเหมือนสนามรบระหว่างเทพกับมาร ซึ่งทำให้หัวใจของทุกคนสั่นสะท้าน!
เมื่อเวลาผ่านไป ศัตรูของเฉินซีก็ลดลงมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามของเฉินซียังคงพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับสายรุ้ง และไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ในแง่หนึ่ง เป็นเพราะความช่วยเหลือของต้นอ่อนเงาทมิฬที่ทำให้ชายหนุ่มไม่ต้องกังวลว่าปราณเซียนของเขาจะเหือดแห้งไป
ในทางกลับกัน มันเป็นเพราะการบ่มเพาะดวงจิตแห่งเต๋าที่น่าเกรงขามของเขา ได้บรรลุถึงขอบเขตวิญญาณดวงใจแล้ว และไม่มีในโลกนี้ที่เทียบได้ และบางที… แม้แต่ผู้เป็นเซียนสวรรค์ก็อาจจะเทียบเคียงดวงจิตแห่งเต๋าของเขาไม่ได้
พลังลึกลับของดวงจิตแห่งเต๋าคือความอดทน และมันจะสามารถแสดงพลังที่แท้จริง ก็ต่อเมื่อเผชิญกับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อเช่นนี้เท่านั้น
เมื่อรวมข้อดีทั้งสองนี้เข้าด้วยกัน เว้นแต่ว่าเขาจะถูกโจมตีด้วยพลังที่เหนือกว่า มิฉะนั้น เฉินซีก็มีสภาพที่อยู่ยงคงกระพันได้อย่างสมบูรณ์ และแม้แต่การต่อสู้เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับชายหนุ่ม!
แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กลิ่นอายน่าเกรงขามของเป้ยหลิงได้ลดลงไปอย่างมาก นางหายใจหอบถี่เร็ว ในขณะที่เม็ดเหงื่อไหลซึมจากหน้าผากขาวหยก และใบหน้าเย็นชาของนางก็ซีดลงเล็กน้อย
นางไม่ได้ผิดปกติเหมือนเฉินซี ดังนั้นแม้ว่าหญิงสาวจะดูดซึมพลังของผลึกใต้พิภพระดับราชันไปมากมาย แต่ก็เป็นไปไม่ได้สำหรับนางที่จะต่อสู้ต่อไป เมื่อร่วมกับการบ่มเพาะที่ขอบเขตเซียนปฐพีระดับหกในยามนี้ มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่หญิงสาวสามารถต่อสู้กับกองทัพมหึมานี้ได้จนถึงยามนี้!
ถึงอย่างนั้น นางก็กัดริมฝีปากสีแดงของตนแน่น ในขณะที่ต่อสู้อย่างห้าวหาญ และคิ้วของหญิงสาวก็ไม่ขมวดเลยแม้แต่น้อย เพราะนางไม่เต็มใจที่จะเป็นภาระของเฉินซี ทั้งยังไม่เต็มใจที่จะทำให้ชายหนุ่มเสียสมาธิในช่วงเวลาดังกล่าว
สิ่งสำคัญที่สุดคือนางรู้สึกว่าตนยังต่อสู้ได้! นางยังคงสามารถใช้พลังอันน้อยนิดเพื่อแบ่งเบาภาระของเฉินซีได้!
ใช่แล้ว แม้พลังของนางจะหมดลงและปราณเซียนในร่างจะเหือดแห้งไปแล้ว ทว่าตราบใดที่ยังหายใจอยู่ นางก็ยังจะต่อสู้จนถึงที่สุด!
…
บนกองเรือของตระกูลเว่ยในระยะไกล เว่ยหลาน เว่ยเซียวเฟิงและชายชราต่างเฝ้าดูการต่อสู้อันน่าสยดสยอง ร่างทั้งสองที่ต่อสู้และสังหารท่ามกลางกระแสของศัตรู ทำให้พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นเข้าด้วยกัน
ร่างของพวกเขาเล็กเหมือนใบหญ้า แต่จิตต่อสู้และการเข่นฆ่าของพวกเขากลับสั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์!
ใครจะจินตนาการได้ว่า คนเพียงสองคนจะสามารถระเบิดพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้?
ใครจะกล้าจินตนาการว่าสองคนนี้จะต่อสู้ได้ถึงขนาดนั้น แต่กลับยังยืนหยัดอยู่ได้?
“หากคนอย่างพวกเขาโชคดีพอที่จะรอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้ พวกเขาจะต้องกลายเป็นสุดยอดฝีมือในอนาคตอย่างแน่นอน!” ชายชราพึมพำในขณะที่น้ำเสียงของเขามีความเคารพและความตกใจอย่างสุดจะพรรณนา
…
“ข้ายอมรับว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวก่อนหน้านี้ไม่ผิด แม้ว่าข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเด็กคนนี้ แต่พลังต่อสู้ดังกล่าวก็เพียงพอที่จะกวาดล้างผู้เยี่ยมยุทธ์ขอบเขตเซียนปฐพี และคงไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้” บนตำหนักอันไกลโพ้นที่ตั้งตระหง่านอยู่บนทะเลทุกข์ราวกับหิน เส้นผมของหลงไฮวพลิ้วไหว ในขณะที่ความประหลาดใจฉายผ่านดวงตา
เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของผู้ใต้บังคับบัญชาตน พวกเขาทุกคนได้บรรลุขอบเขตเซียนปฐพีระดับห้าหรือสูงกว่านั้น และได้ต่อสู้มาตลอดทั้งปีบนทะเลทุกข์ พวกเขาจึงมีประสบการณ์ต่อสู้ที่โชกโชนอย่างมาก
…โดยในขณะนี้ พวกเขาได้ระดมพลกว่าหนึ่งพันคน แต่ทุกคนกลับไม่สามารถทำอะไรกับชายหญิงคู่นั้นได้ และพวกเขากลับเป็นฝ่ายถูกจัดการแทน
ด้วยเหตุนี้ หลงไฮวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตกตะลึงเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้!
“การต่อสู้ได้ดำเนินมาถึงจุดนี้ เวลาได้ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม ทหารองครักษ์วิญญาณเจียงสองร้อยสิบเจ็ดคนและผู้พิทักษ์ยักษาเจ็ดสิบแปดคนได้เสียชีวิตลง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าเกรงว่าศัตรูอาจได้รับชัยชนะจริง ๆ…” ราชายักษาที่อยู่ใกล้ ๆ พึมพำด้วยสีหน้าหนักใจยิ่ง “เหตุใดเราถึงไม่ลงมือเสียเลยเล่า?”
“โปรดรออีกสักครู่” หลงไฮวปฏิเสธโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย และกล่าวว่า “ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะมีพลังน่าเกรงขามสักเพียงใด สุดท้ายก็มีขีดจำกัด ข้าไม่เชื่อหรอกว่ากองกำลังทั้งหมดของราชานรกองค์ที่สองได้รวมตัวกันแล้ว จะไม่สามารถทำให้มันหมดแรงจนตายได้!”
“เจ้าไม่กลัวหรือว่า นายท่านจะมองว่าเจ้าต้องรับผิดชอบต่อการเสียสละผู้ใต้บังคับบัญชาไปจำนวนมาก?” เหยียนถูขมวดคิ้วและไม่พอใจกับความโหดเหี้ยมของหลงไฮว
ถึงอย่างไร ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้เป็นกองกำลังหลักของราชาฉู่เจียง และหากพวกเขาต้องล้มตายไปจำนวนมาก ก็จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูยาวนานนับไม่ถ้วนเช่นกัน
“ฮ่า ๆ! เจ้าผิดแล้ว แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะพินาศ ตราบใดที่เราสามารถฆ่าสองคนนี้ได้ นายท่านก็จะไม่ตำหนิเรา ไม่ต้องกังวล ในเมื่อข้ากล้าทำเช่นนี้ ข้าย่อมเตรียมแผนการไว้แล้ว” หลงไฮวกล่าวอย่างเฉยเมยในขณะที่ใบหน้าชราของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มีเลศนัย “ฉายา ‘มิอาจผ่านพ้น’ ไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยบังเอิญหรอกนะ”
“เจ้าเตรียมแผนการอันใดหรือ? แม้แต่ข้าเจ้าก็ยังต้องปกปิดอีกหรือ?” เหยียนถูขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขึ้น
“ฮ่า ๆ! ใจเย็น ๆ ท่านจะเข้าใจในอีกสักครู่” ทันใดนั้นหลงไฮวก็ระเบิดเสียงหัวเราะ ในขณะที่สายตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้า พวกมันสั่นไหวด้วยท่าทางที่ร้อนแรงและความคาดหวังที่อธิบายไม่ได้