บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน - บทที่ 987 คัมภีร์สยบสวรรค์แห่งการลืมเลือน
บทที่ 987 คัมภีร์สยบสวรรค์แห่งการลืมเลือน
บทที่ 987 คัมภีร์สยบสวรรค์แห่งการลืมเลือน
ตู้ม!
เฉินซีรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกคีมเหล็กหนีบไว้ ขณะที่ร่างกายตกลงสู่ก้นทะเลทุกข์อย่างไม่อาจขัดขืน เขาทำได้แต่ปล่อยให้น้ำทะเลซัดสาดไหลเชี่ยว ในขณะที่แรงดึงมหาศาลได้ฉุดกระชากร่าง จนทำให้เลือดลมปั่นป่วนรุนแรง
ห้าลี้
สิบสองลี้
…
หลังจากจมลงมาในทะเลทุกข์จนไม่ทราบระยะทางที่แน่นอน สติของเฉินซีก็สั่นคลอนเสียจนมึนงง แต่จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่มันจะหยุดนิ่งในทันที
พรวด!
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงจากการจมลงมาด้วยความเร็วสูง เป็นการหยุดอย่างกะทันหัน ผลกระทบที่เกิดจากแรงอันน่าสะพรึงกลัวที่ชายหนุ่มได้รับ ทำให้เฉินซีกระอักเลือดออกมา
“โชคดีที่ข้าซ่อนเป่ยหลิงไว้ในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์แล้ว ไม่เช่นนั้นนางคงทนไม่ไหว…”
ก่อนเฉินซีจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวถาโถมเข้ามา ราวกับภูเขานับไม่ถ้วนที่กดทับลงมาบนตัว ทำให้ผิวหนังและกระดูกทั่วร่างบังเกิดเสียงแตกร้าว เนื่องจากมันไม่สามารถทนรับแรงกดดันอันหนักหน่วงได้
“บัดซบ! พลังนี้มันน่ากลัวเกินไป มันรุนแรงดุจมหาสมุทรและหนาหนักราวกับภูเขา อีกทั้งยังแฝงด้วยพลังฉุดกระชากและหมายจะทำลายดวงวิญญาณข้าให้แตกสลาย…”
เฉินซีตกใจ และไม่สามารถแยกความสนใจไปคิดสิ่งอื่น เขาทำได้แต่เร่งโคจรปราณเซียนในกาย ทำให้มันหลั่งไหลไปทั่วร่าง ก่อนระเบิดพลังด้วยความตั้งใจที่จะหลบหนีออกจากสนามพลังอันน่าสะพรึงกลัวและแปลกประหลาดนี้
ทุกครั้งที่เฉินซีกระตุ้นปราณเซียน การยับยั้งจากแรงกดดันนี้ก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นโดยไม่คาดคิด อีกทั้งยังมีอักขระยันต์ที่แปลกประหลาดและบิดเบี้ยวพุ่งออกมาจากสนามพลัง ประหนึ่งโซ่ตรวนที่รัดร่างเขาไว้เป็นชั้น ๆ อย่างแน่นหนา
อักขระยันต์ที่ทั้งแปลกประหลาดและบิดเบี้ยวนี้ขุ่นมัวและคลุมเครือ พวกมันแผ่แรงบดขยี้ที่น่าสะพรึงกลัว ซึ่งแทรกซึมเข้าสู่ดวงวิญญาณของเฉินซี ทำหน้าที่ราวกับหินโม่ที่ตั้งใจจะบดขยี้วิญญาณของชายหนุ่มให้เป็นผุยผง!
ความเจ็บปวด!
ความเจ็บปวดที่เสียดแทงไปถึงดวงวิญญาณนั้นมิอาจอธิบายด้วยคำพูดได้ ในขณะนั้น เฉินซีรู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขาใกล้จะแตกสลาย และร่างของเขาก็คงจมอยู่ที่นี่ตลอดไป!
เมื่อมองจากระยะไกล เฉินซีเป็นเหมือนแมลงตัวเล็กที่ติดอยู่ในทะเลโคลน แม้พยายามดิ้นรนกระเสือกกระสน แต่ก็ไม่สามารถหลบหนีได้ อีกทั้งเลือดสีแดงสดกลับถูกเค้นออกมาจากรูขุมขนแทน ซึ่งมันก็มาพร้อมกับความเจ็บปวดยิ่ง
นี่คือพลังของข้อจำกัดแห่งการลืมเลือน ซึ่งจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สามได้สร้างสถานที่แห่งนี้ด้วยตัวเองเมื่อนานมาแล้ว ที่แห่งนี้ได้สังหารทวยเทพและพุทธองค์จำนวนนับไม่ถ้วนจากทั่วทั้งสามภพ พร้อมกับนำพาพวกเขาไปสู่การลืมเลือน ทำให้มันถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘สุสานทวยเทพ’ ดังนั้นชื่อเสียงของมันไม่ได้ไร้ความหมายอย่างแน่นอน
แม้ว่ามันจะได้รับความเสียหายอย่างหนักและใช้พลังได้เพียงสิบส่วน แต่พลังของมันก็เพียงพอที่จะลากเซียนลึกลับลงมา พร้อมกับบดขยี้ร่างกายและดวงวิญญาณของพวกเขา!
“บัดซบ! นี่คือพลังแห่งการลืมเลือนรึ?”
เฉินซีพยายามสงบสติอารมณ์อย่างสุดความสามารถ และรับรู้ถึงพลังที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งหลั่งไหลมาจากทั่วทุกทิศทางอย่างระมัดระวัง ตัวเขาเองก็เริ่มอนุมานในใจอย่างบ้าคลั่งและไม่กล้าที่จะหย่อนยานแม้แต่น้อย
เพราะชายหนุ่มทราบดีว่า หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ เขาจะต้องตายในไม่ช้า!
“ลืมเลือน?”
“ข้อจำกัด?”
“ทะเลทุกข์ถูกใช้เป็นรากฐานและความล้ำลึกแห่งการลืมเลือนถูกหลอมรวมเข้ากับข้อจำกัดโบราณอย่างสมบูรณ์ ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ถ้าข้าต้องการหลบหนีออกไป สิ่งที่ควรทำเป็นการด่วนคือการค้นหาจุดอ่อนของข้อจำกัดโบราณนี้…”
“จุดอ่อนหรือ? ไม่สิ! ข้อจำกัดนี้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับทะเลทุกข์และพลังธรรมชาติ มันทั้งสมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ แม้ข้าจะค้นหาจุดอ่อนด้วยเนตรเทวะแห่งความจริง แต่ข้าจะหลบหนีด้วยพลังที่มีอยู่ได้อย่างไร?”
เมื่อสงบสติอารมณ์ได้ เฉินซีก็ดูราวกับว่าได้กลายเป็นคนละคน และดวงวิญญาณของเขาที่บรรลุพลังของการอนุมานในระดับความสูงที่ไม่ธรรมดาก็เริ่มโคจรอีกครั้ง ทันใดนั้น ความคิดมากมายก็แวบเข้ามาในใจ
“บางทีข้าอาจเริ่มต้นด้วยพลังแห่งการลืมเลือนเท่านั้น ด้วยการบ่มเพาะเต๋าแห่งยันต์อักขระของข้าและเต๋ารู้แจ้งแห่งการลืมเลือนที่ข้าหยั่งถึง ดูเหมือนว่านี่จะกลายเป็นทางเลือกเดียวของข้า…”
ในเวลาไม่นาน เฉินซีก็ตัดสินใจได้ เขาอดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรงของดวงวิญญาณ และร่างกายของเขาที่ใกล้จะพังทลาย พร้อมกับสงบจิตใจเพื่อรับรู้ถึงพลังแห่งการลืมเลือนที่ถาโถมมาจากทุกทิศทุกทาง
ในขณะที่อักขระยันต์อันแปลกประหลาด บิดเบี้ยว และคลุมเครือได้กลายเป็นเป้าหมายแรกที่ชายหนุ่มต้องโต้กลับ
เฉินซีคาดการณ์ไม่ผิด อักขระยันต์ที่ขุ่นมัวและคลุมเครือเหล่านี้เป็นแกนหลักของข้อจำกัดแห่งการลืมเลือน และเป็นรากฐานที่ก่อให้เกิดการจำกัด
อักขระยันต์เหล่านี้แสดงถึงเส้นทางการไหลเวียนของพลังแห่งการลืมเลือนอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นมันจึงเป็นวิธีการใช้พลัง อีกทั้งยังเป็นทักษะที่ทั้งลึกล้ำ คลุมเครือ และไม่อาจหยั่งถึงได้
เหตุผลที่ข้อจำกัดนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก ก็เพราะว่ามันถูกปลดปล่อยออกมาผ่านการไหลเวียนของอักขระยันต์เหล่านี้
“หากเป็นในยามปกติ เพียงเข้าใจข้อจำกัดโบราณนี้อาจทำให้ข้าเข้าใจถึงวิธีการใช้เต๋ารู้แจ้งแห่งการลืมเลือน น่าเสียดายที่เวลาไม่ได้อยู่ข้างข้า ในตอนนี้ ข้าต้องทำความเข้าใจให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อคว้าโอกาสรอดชีวิต…”
ในช่วงเวลาต่อมา จิตวิญญาณของเฉินซีก็โคจรอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับปลาหมึกยักษ์ที่มีหนวดมากมายยืดเข้าหาอักขระยันต์ที่แปลกประหลาดและบิดเบี้ยวเหล่านั้น เพื่อสัมผัสมันอย่างระมัดระวัง
“หากไร้การชี้นำ ทะเลทุกข์ก็ไร้ขอบเขต หากไร้การสยบ แล้วอีกฟากหนึ่งจะอยู่แห่งหนใด?”
“บาปของกายหยาบและจิตวิญญาณจะถูกลากไปสู่การลืมเลือน ความชั่วร้ายทั้งหมดจะถูกสยบและกำจัด ระเบียบของฟ้าดินจะกลับคืนสู่วัฏจักรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด…”
“ด้วยการลืมเลือนเป็นรากฐาน ทุกยุคทุกสมัยจะอยู่ในความสงบ ทุกสิ่งจะเป็นระเบียบ และไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะฝ่าฝืนระเบียบของฟ้าดินได้…”
ในเวลาไม่นาน ความเข้าใจมากมายได้ถาโถมเข้ามาในจิตใจของเฉินซีราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก มันทั้งทรงพลังและกว้างใหญ่ไพศาล
ครืน!
เฉินซีที่กำลังตั้งสมาธิเพื่อทำความเข้าใจนั้นไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ว่าพลังที่น่าสะพรึงกลัวของการลืมเลือนกำลังพลุ่งพล่าน และระเบิดพลังข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนออกมาทั้งหมด ทำให้มันกลายเป็นคลื่นพลังแปลกประหลาดพุ่งเข้าหาตัวเขาอย่างดุเดือด…
มันเป็นพลังของผลึกทุกข์แห่งการลืมเลือนทั้งสี่สิบเก้าก้อนที่หลงไฮวโยนลงทะเลไป พวกมันตั้งใจที่จะกำจัดเฉินซี!
กระแสพลังนี้ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนจะมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง และถึงแม้ไร้รูปร่าง ทว่ามันกลับอาศัยทะเลโคลนเพื่อถาโถมเข้าใส่เฉินซี
เสียงยิ่งดังยิ่งเงียบสงัด
ยิ่งก่อตัวใหญ่ขึ้นเท่าใด ยิ่งมองไม่เห็น!
เมื่อคลื่นพลังมาถึงจุดสูงสุด มันกลับดูสงบนิ่งและเงียบงันแทน
ภาพนี้ก็เป็นเช่นนั้น
เฉินซีไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่ากระแสพลังนี้ได้กลืนกินร่างกายของเขาไปหมดแล้ว!
ทว่าก่อนคลื่นพลังนี้จะปะทุด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งสามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
โอม!
ระเบียนแดนมรณะที่อยู่ภายในเจดีย์บำเพ็ญทุกข์พลันสว่างไสว มันเปิดไปทีละหน้าจนกระทั่งถึงหน้าที่สี่ แถวถ้อยคำโบราณที่พร่ามัวลอยขึ้นมา และทันทีปรากฏขึ้น พวกมันก็สว่างไสว และทุกถ้อยคำเหล่านี้กลับแฝงไปด้วยพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว
ฟิ้ว!
พลังทำลายล้างที่มาจากข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนนั้น ไม่ได้แสดงพลังออกมาเลยแม้แต่น้อย เมื่อมันถูกระเบียนแดนมรณะดูดซับโดยตรง ก่อนที่จะถ่ายเทสู่แถวของถ้อยคำที่พร่ามัวในหน้าที่สี่
ทันใดนั้นร่างกายของเฉินซีก็สั่นสะท้าน ในขณะที่ถ้อยคำอันลึกซึ้งมหาศาลได้พุ่งเข้ามาในจิตใจของเฉินซี ทำให้เขาตกตะลึงทันที เพราะมันคือ…คัมภีร์สยบสวรรค์แห่งการลืมเลือน!
ช่างน่าตกใจ เพราะนี่คือศาสตร์เต๋าที่น่าสะพรึงกลัวอีกเคล็ดหนึ่ง ซึ่งอธิบายถึงความลึกล้ำที่สุดของการลืมเลือน!
ในช่วงเวลาถัดมา เฉินซีก็ดูเหมือนกับถูกครอบงำ ร่างของเขาไหวไปมาเบา ๆ และเคลื่อนไหวดุจมัจฉา หลุดพ้นจากข้อจำกัดที่น่าสะพรึงกลัวได้อย่างง่ายดาย
กลบฝังสวรรค์ ผนึกแห่งการลืมเลือน!
ทะเลทุกข์มีลำธารมากมายมหาศาล ทะเลแห่งการลืมเลือน!
ทวยเทพและพุทธ์องค์จักพินาศ ข้อจำกัดแห่งการลืมเลือน!
นี่คือความลึกล้ำที่มีอยู่ในคัมภีร์สยบสวรรค์แห่งการลืมเลือน พวกมันถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ในกระบวนท่าทั้งสามนี้ พวกมันทั้งเหนือธรรมชาติและมีความลึกล้ำที่ไร้ขอบเขต!
ฟึ่บ!
กระดูกสันหลังของเฉินซีเหยียดตรง ในขณะที่เขาบ่มเพาะกระบวนท่าทั้งสามนี้ในทะเลทุกข์อันพลุ่งพล่าน ทุกกระบวนท่าของชายหนุ่มจะแฝงไปด้วยพลังแห่งการลืมเลือน และมันได้ดึงน้ำทะเลที่อยู่รอบ ๆ ให้กลายเป็นกระแสน้ำวนจำนวนมากที่แผ่กระจายไปโดยรอบ…
ในตอนนี้ ข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนดูเหมือนจะไม่มีอยู่จริง และไม่ส่งผลกระทบต่อเฉินซีได้อีกต่อไป!
…
ณ หน้าตำหนัก เหนือทะเลทุกข์
ท้องทะเลกว้างใหญ่ยังคงมีกระแสน้ำวนจำนวนมากซึ่งหมุนอย่างบ้าคลั่ง และสร้างพลังลืมเลือนที่ฉีกกระชากฟ้าดินออกจากกัน ยิ่งกว่านั้น มันยังบดขยี้อากาศจนแตกเป็นเสี่ยง ๆ และเกิดเป็นหลุมดำจำนวนมาก
“ผ่านไปราวหนึ่งเค่อแล้ว ไฉนถึงไร้การเคลื่อนไหว?” เหยียนถูนับเวลาอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
“จงเฝ้ารออย่างอดทน นี่คือข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนที่ถูกสร้างโดยจักรพรรดิยมโลกองค์ที่สาม พลังของมันย่อมไม่ธรรมดาและยากจะหยั่งรู้ได้ แล้วมันจะเป็นสิ่งที่ข้ายืนยันด้วยคำพูดได้อย่างไร?”
หลงไฮวชำเลืองมองเหยียนถู กล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “แต่มันย่อมยืนยันได้ว่าสองคนนั้นคงจะตายไปแล้ว”
ขณะกล่าว เขาโบกมือวูบหนึ่ง ทำให้กระจกสัมฤทธิ์ปรากฏขึ้นในมือ ผิวกระจกสว่างวาบเป็นแสงสีเขียว ลอยขึ้นก่อนจะควบแน่นเป็นม่านแสง
ม่านแสงสว่างวาบ ก่อนที่ฉากทะเลโคลนจะปรากฏขึ้น
“ราชายักษาเหยียนถู โปรดดูสิ่งนี้ นี่คือบริเวณที่มีข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนอยู่นับไม่ถ้วน ซึ่งสะท้อนอยู่บนม่านแสงนี้ หากใครตกลงไปในนั้น แม้แต่ผู้เป็นเซียนก็ไม่อาจรอดชีวิตได้!” หลงไฮวชี้ไปยังม่านแสงกลางอากาศและกล่าวด้วยความมั่นใจและเชื่อมั่น
“หืม? เหตุใดข้าถึงไม่เห็นสิ่งใด นอกจากทะเลโคลนที่กว้างใหญ่? เจ้าเฒ่าบัดซบ นี่เจ้าคงไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่?” เหยียนถูจดจ้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตวาดออกมาอย่างไม่พอใจ
บนม่านแสง น้ำทะเลพลุ่งพล่าน ทำให้มันพร่ามัวและบิดเบี้ยว ทำให้มองเห็นภาพได้ไม่ชัดเจนนัก
หลงไฮวตกตะลึงเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็พึมพำขึ้นมาว่า “มันไม่ควรเป็นเช่นนี้ นี่คือคันฉ่องคู่สะท้อนดวงใจ มันมีอยู่ด้วยกันสองบาน ข้าซ่อนบานหนึ่งไว้เบื้องหลังข้อจำกัดแห่งการลืมเลือน พวกมันจะสะท้อนฉากที่ปรากฏบนพื้นผิวของกันและกันได้ และแม้แต่ทวยเทพก็มองไม่เห็นร่องรอยของมัน ดังนั้นเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?!”
ขณะกล่าว เขาก็อ้าปากและกัดปลายลิ้นตัวเอง จากนั้นจึงพ่นเลือดหนึ่งคำใส่กระจกสัมฤทธิ์ หลังจากนั้น นิ้วของเจ้าตัวพลันตวัดไปมา ก่อนที่เสียงพึมพำจะดังขึ้น ทำให้ม่านแสงกะพริบและเริ่มหมุนวนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ภายในเวลาไม่นาน ภาพที่ชัดเจนเสียจนเห็นถึงรายละเอียดเพียงเล็กน้อยก็ปรากฏขึ้น
แต่เมื่อเห็นภาพทั้งหมดนี้อย่างชัดเจน ม่านตาของทั้งหลงไฮวและเหยียนถูก็หดลง ในขณะที่พวกเขาต่างอ้าปากค้าง และยืนงุนงงอยู่ตรงนั้น
ภาพในม่านแสง น้ำทะเลกำลังพลุ่งพล่านในขณะที่คลื่นซัดสาด และพวกเขาเห็นร่างสูงเคลื่อนไหวเล็กน้อย ขณะที่กำลังฝึกศาสตร์เต๋า!
“ไอ้เฒ่าบัดซบ! นี่คือข้อจำกัดแห่งการลืมเลือนที่เจ้ากล่าวถึงใช่หรือไม่? มันฆ่ามดปลวกขอบเขตเซียนปฐพีไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เจ้ายังกล้าบอกว่าแม้กระทั่งเซียนลึกลับก็ยังยากจะรอดชีวิต?” สีหน้าของเหยียนถูมืดหม่นลง ขณะที่เขากัดฟันและกล่าวว่า “แล้วผลึกทุกข์แห่งการลืมเลือนทั้งสี่สิบเก้าก้อนเหล่านั้นล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน!”
“นี่…นี่…” หลงไฮวหาได้สนใจต่อคำพูดของเหยียนถูไม่ เขาจดจ้องไปยังม่านแสงและตกใจจนร่างกายสั่นสะท้าน แม้แต่ตัวเขาก็แทบไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเอง
“เป็นไปไม่ได้! ข้าศึกษาค่ายกลนี้มาสามพันปี ดังนั้นมันจะไม่มีพลังเลยได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” ใบหน้าของหลงไฮวบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยคลุ้มคลั่ง ขณะที่เขาคำรามอย่างบ้าคลั่งออกมา
ในขณะที่กล่าวนั้นเอง จู่ ๆ เขาก็พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ก่อนที่มือจะวาดผนึกอันลึกซึ้งจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และซัดพวกมันลงไปในทะเลทุกข์อันกว้างใหญ่
“จงเผาผลาญแก่นวิญญาณเหล่านี้เป็นเครื่องสังเวย! ข้อจำกัดแห่งการลืมเลือน กำจัดไอ้สารเลวพวกนั้นให้สิ้นซากเพื่อข้าซะ!” หลงไฮวร้องโหยหวนด้วยเสียงอันน่ากลัว ยามนี้เขาเสียสติไปแล้ว