บัลลังก์ชายาหมอเทวดา - บทที่ 2 พวกเจ้าเป็นใครกัน
บทที่ 2 พวกเจ้าเป็นใครกัน
อันธพาลหอเสวียนเดินเข้ามาล้อมเย่จายซิงกับเย่ยู่หยางเอาไว้ด้วยสีหน้าโหดร้าย
เย่จายซิงกลับไม่ตื่นกลัว นางมองด้วยแววตาเกียจคร้าน ราวกับว่าคนที่กำลังจะถูกตัดมือไม่ใช่นาง
ในช่วงเวลาเพียงชั่วครู่ นางก็เริ่มเข้าใจคร่าวๆ เหตุการณ์ที่เกิดที่แผ่นดินใหญ่แล้ว
ยาถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ โดยมีสีที่แตกต่างกัน โดยไล่ตั้งแต่ระดับต่ำไปจนถึงระดับสูง โดยไล่สีตั้งแต่สีส้ม เหลือง เขียว ฟ้า ม่วง ดำและทอง
แต่ในแผ่นดินใหญ่ยังไม่เคยปรากฏอาจารย์กลั่นยาขั้น8 – 9 มาก่อน ลำพังเพียงอาจารย์กลั่นยาขั้น 6 -7 ก็ถือว่าหายากและทรงคุณค่ามากแล้ว ส่วนอาจารย์กลั่นยาขั้น 5 ที่แผ่นดินใหญ่จะถูกขนานนามว่าปรมาจารย์กลั่นยา
ยาขั้น 4 สีเขียวนับว่าเป็นยาขั้นสูงในแคว้นหงส์แดงแล้วมีมูลค่าเป็นแสนตำลึง คนธรรมดาต่อให้ขายทรัพย์สินจนหมดก็ไม่เพียงพอที่จะซื้อ ส่วนยาที่ดีที่สุดของหอยาเสวียนก็จะเป็นเพียงยาขั้น 5 ที่มีไม่กี่เม็ดเท่านั้นและนับว่าเป็นของที่มีค่าสูงสุดในร้าน
ส่วนนางในชาติก่อนก็เป็นอาจารย์กลั่นยาเช่นกัน และยังเป็นอาจารย์กลั่นยาขั้นเขียว ซึ่งเทียบเท่ากับปรมาจารย์กลั่นยาขั้น 5 ของที่นี่
อาจารย์กลั่นยาที่มีฝีมือดีที่สุดในแคว้นหงส์แดงก็คือบิดาของเจ้าพระยาเซี่ย ซึ่งก็อยู่ในระดับ 5 เท่านั้น
นางบีบแหวรที่ไม่ดึงดูดสายตาบนนิ้วมือของตนด้วยท่าทางปกติ แหวนเก็บของที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของนางก็ข้ามภพมาพร้อมกับนางด้วย ของที่อยู่ด้านในช่วยทำให้นางมีความมั่นใจมากขึ้น
นางมองไปยังเถ้าแก่หอยาเสวียน แล้วกล่าวเรียบๆ ว่า
“เจ้าบอกว่าข้าขโมยยารักษ์จิตระดับ 4 ไปเพื่อเอาใจเจ้าพระยาเซี่ย ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้าพระยาเซี่ยคิ้วต่ำหนังตาตกแบบที่ข้าไม่มีทางชอบ ลำพังแค่ยาขั้น 4 ห่วยๆ พวกนี้ ต่อให้หล่นอยู่บนพื้น ข้าก็ยังขี้เกียจจะก้มเก็บ แล้วพวกเจ้าถือดีอะไร”
ทันใดนั้นใบหน้าของเจ้าพระยาเซี่ยเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้เสียยิ่งกว่ากินแมลงวันเข้าไปเสียอีก เขาเริ่มมีความคิดอยากสังหารเย่จายซิงขึ้นมา เขากำลังสงสัยว่านางแกล้งทำเช่นนี้ไปก่อนเพื่อดึงดูดความสนใจของเขาใช่หรือไม่
เขาไม่มีทางติดกับดัก
ชางบ้านต่างพากันแอบมองดวงตาของเจ้าพระยาเซี่ย หากเย่จายซิงไม่พูดเช่นนี้คงไม่มีใครสังเกต แต่พอพูดออกมาจึงพบว่าดวงตาและคิ้วของเจ้าพระยาเซี่ยดูไม่ดีจริงๆ
เถ้าแก่หอยาเสวียนโกรธจนตัวสั่น ทั้งพระนครหลวงแห่งนี้ ยาขั้น 4 ของร้านเขานับว่าเป็นยาที่มีคุณภาพระดับต้นๆ แล้ว แต่เย่จายซิงกลับดูถูกว่ายาของเขาเป็นยาห่วยๆ
“น้องสี่ ทำไมเจ้าถึงพูดกับเจ้าพระยาเซี่ยแบบนี้เล่า อีกอย่างยาขั้น 4 ของหอยาเสวียนคือยาที่องค์หญิงหลิงหยุนเป็นคนคิดค้น องค์หญิงหลิงหยุนนับได้ว่าเป็นอัจฉริยะด้านกลั่นยาที่อายุน้อยที่สุดในแคว้นหงส์แดงแห่งนี้ แถมยังเข้าร่วม สำนักอาจารย์กลั่นยาของเฉินตูอีกด้วย กล่าวได้ว่าเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ เจ้าพูดเช่นนี้ถือเป็นการไม่ให้เกียรติองค์หญิงหลิงหยุน”
เย่เจียหยูขมวดคิ้วพลางกล่าวกับเย่จายซิงด้วยสีหน้าตำหนิ
“ใช่แล้ว! คุณหนูสี่เย่พูดจาหน้าไม่อาย รีบตัดมือของนางทิ้งเสีย ดูสิว่านางจะยังปากแข็งอยู่อีกหรือไม่”
“ขนาดองค์หญิงหลิงหยุน นางยังกล้ากล่าวร้าย ยัยซื่อบื้อนี่บังอาจนัก!”
องค์หญิงหลิงหยุนเป็นพี่สาวคนโตของฮ่องเต้ มีพรสวรรค์ในการกลั่นยาสูงมาก ในอนาคตมีโอกาสพัฒนาไปไกลกว่าท่านพ่อพระยา นางได้เข้าสำนักอาจารย์กลั่นยาของเฉินตูตั้งแต่อายุยังน้อย ในสายตาของประชาชนแคว้นหงส์แดงจึงถือได้ว่านางเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจตลอดมา
ดังนั้นการที่เย่จายซิงกล่าวเช่นนี้ ถือเป็นการสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวบ้าน
เย่จายซิงยิ้มเย้ย แม้ว่าใบหน้าของนางจะฟกช้ำ แต่ดวงตาของนางกลับเปล่งประกายราวกับดาวยามราตรีที่สุกสว่างและลึกล้ำยากจะคาดเดา นางกล่าวเสียงสูงออกมาว่า
“พวกเจ้านั่งมองฟ้าอยู่ในบ่อ ไม่มีความรู้ วิสัยทัศน์แคบ แค่ยาขั้น 4 ในมือของเขา พวกเจ้าก็คิดว่าเป็นของล้ำค่าแล้วหรือ”
นางชี้นิ้วออกไปยังยารักษ์จิตระดับ 4 เม็ดสีเขียวที่อยู่ในมือของเถ้าแก่หอยาเสวียน
ชาวบ้านโดนดูถูก ในใจของพวกเขาจึงมีแต่ความโกรธแค้น
เจ้าพระยาเซี่ยกล่าวเสียงแข็งว่า “เย่จายซิง เจ้าโอหังเกินไปแล้ว เจ้าเองก็กลั่นยาไม่เป็น และก็เป็นคนซื่อบื้อที่ไม่มีชี่ทิพย์สื่อสารกับฟ้าดิน แม้แต่ยาขั้น 1 เจ้ายังไม่มีปัญญากลั่น ยังริอาจต่อว่ายาขั้น 4ขององค์หญิงหลิงหยุนอีก เจ้าคู่ควรรึ?”
“น้องหญิง เรื่องนี้พี่รองคงช่วยอะไรเจ้าไม่ได้แล้ว เจ้าทำให้ข้าผิดหวังนัก”
เย่เจียหยูเอามือปิดหน้าไว้อย่างเป็นทุกข์ ท่าทางของนางเศร้าสลด เรียกคะแนนความสงสารจากคนได้อีกหลายคน
“ข้าบอกว่าพวกเจ้าไร้สติปัญญา พวกเจ้ายังไม่เชื่ออีก”
เย่จายซิงหัวเราะเสียงแข็ง ก่อนจะหยิบขวดยาออกมาแล้วเทยาออกมาหนึ่งเม็ด ในช่วงที่ยาถูกเทออกมานั้น คนจำนวนมากต่างหายใจเข้าไปลึก
เพราะนั่นเป็นยาขั้น 4 เม็ดสีเขียว ยาเม็ดนี้มีสีเขียวที่เปล่งประกายและโปร่งใสที่ทำให้คนดูแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่า!
เมื่อยาถูกเทออกมาแล้ว กลิ่นหอมของยาหอมฟุ้งเตะจมูก เมื่อได้กลิ่นทำให้รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา!
“นี่……นี่มันยาขั้น 4 รึ”
คนส่วนใหญ่ต่างมีสีหน้าชะงักงัน กลิ่นหอมฟุ้งของยาอันเข้มข้นทำให้รู้สึกถึงยาขั้น 5 หากไม่ใช่สีเขียว ทุกคนคงคิดว่ายาที่เย่จายซิงหยิบออกมาเป็นยาขั้น 5 แล้ว
ไม่มีใครเคยเห็นยาขั้น 4 ที่มีสีเขียวสว่างเช่นนี้มาก่อน ดูราวกับไม่มีสิ่งใดเจือปน ส่วนยาในมือของเถ้าแก่หอยาเสวียนนั้นกลับมีสีที่มืดกว่า และค่อนข้างขุ่นมัว หากเทียบกับยาเม็ดนี้แล้วกล่าวได้ว่าแตกต่างกันราวกับไข่มุกกับลูกตาปลาเลยทีเดียว!
สีหน้าของเจ้าพระยาเซี่ยและเย่เจียหยูแปรเปลี่ยน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเย่จายซิงจะมียาขั้น 4 ที่มีคุณภาพเหนือกว่าทั่วไปอยู่ด้วย ใครที่มีตาต่างมองออกว่ายาเม็ดนี้ดีกว่ายาขั้น 4 ที่องค์หญิงหลิงหยุนกลั่นหลายเท่าต่อหลายเท่า
เย่จายซิงมียาขั้น 4 คุณภาพดีเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร!
เย่ยู่หยางกะพริบตา ดวงตาสีดำของเขาเปล่งประกาย พี่สาวของเขาเก่งนัก หรือว่าที่ผ่านมาพี่สาวพยายามปกปิดมาโดยตลอด
“ดูท่าแล้วคุณหนูสี่เย่คงจะไม่ได้ขโมยยาของหอยาเสวียนจริงๆ เพราะยาในมือของนางดีกว่ามากนัก”
“บางทีหอยาเสวียนอาจจะเข้าใจผิด ยาในมือของเย่จายซิงดีขนาดนั้น ทำไมจะต้องขโมยยาอีก”
เพราะว่าการปรากฏของยาเม็ดนี้ ทำให้ท่าทางของทุกคนเปลี่ยนไป
เย่เจียหยูแอบกำมือแน่น เพราะไม่รู้ว่าเย่จายซิงเหตุใดนิสัยจึงเปลี่ยนไปมากเช่นนี้ แถมไม่รู้ด้วยว่านางไปเอายามาจากไหน ทำให้นางรู้สึกว่าไม่อาจควบคุมสถานการณ์ต่อไปได้
นางแอบส่งสายตาให้สาวใช้ที่อยู่ด้านหลัง
สาวใช้พยักหน้า จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนแล้วชี้ไปที่เย่จายซิงพลางตะโกนต่อว่า
“คุณหนูสี่ ทำไมถึงขโมยยาของคุณหนูรองไป นี่เป็นยาที่นายท่านมอบให้คุณหนูรองเอาไว้ เป็นยาที่ปรมาจารย์กลั่นยาแห่งเฉินตูกลั่นเอาไว้ มิน่าเล่าคุณหนูรองพยายามหามาตลอดแต่หาไม่เจอ ที่แท้คุณหนูเป็นคนขโมยไปนี่เอง! รีบเอามาคืนคุณหนูรองเดี๋ยวนี้ คุณหนูรองมีจิตใจเมตตา ไม่มีทางคิดแค้นกับเจ้าแน่”
อะไรนะ เย่จายซิงขโมยยาเม็ดนี้มาจากคุณหนูรองหรอกหรือ
เย่เจียหยูพยายามทำหน้าเศร้าสร้อย “ฉายจวู๋ เจ้าอย่าพูดอย่างนี้ น้องสี่จะต้องมีเรื่องลำบากถึงได้แอบขโมยยาของข้าไป”
พูดอย่างนี้ก็เท่ากับยอมรับว่าคำพูดของสาวใช้คนนี้เป็นความจริง?
สายตาที่ชาวบ้านมองไปยังเย่จายซิงเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความรู้สึกรังเกียจและดูแคลน
ยาเม็ดนี้ถูกขโมยมา เช่นนั้นยาของหอยาเสวียนนางก็จะต้องเป็นผู้ขโมยไปอย่างแน่นอน!
พวกชอบทำผิดเป็นชอบ เปลี่ยนขาวเป็นดำ
เย่จายซิงหรี่ตาลงด้วยแววตาอันตราย
“พวกเจ้าอย่าเหลวไหล พี่สาวของข้าไม่ใช่คนแบบนั้น!”
เย่ยู่หยางมั่นใจว่าพี่สาวของตัวเองไม่ใช่หัวขโมยแน่นอน แม้ว่านิสัยของนางจะเปลี่ยนไปมากก็ตาม
“พวกเจ้าไม่ตายคงไม่ยอมยอมรับ ไม่งั้นไปตามนายท่านมาเป็นพยานได้เลย ดูสิว่ายาเม็ดนี้จะเป็นยาที่นายท่านมอบให้คุณหนูรองจริงหรือไม่!”
สาวใช้ฉายจวู๋เชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง
เย่ยู่หยางกัดฟันแน่น นายท่านที่สาวใช้คนนี้พูดถึงคืออารองของเขา หรือก็คือบิดาแท้ๆ ของเย่เจียหยู พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกัน แน่นอนว่าต้องช่วยโกหกแทนเย่เจียหยูอยู่แล้ว!
“น้องสี่ หากเจ้าอยากได้ยาก็บอกกับข้าก็ได้ ข้ายอมให้เจ้าแน่นอน แต่เจ้าไม่ควรมาแอบขโมยไปเช่นนี้……”
เย่เจียหยูกัดริมฝีปากแน่นพลางกุมหน้าอกของตนเอาไว้ก่อนจะกล่าวอย่างทุกข์ใจ “อย่างน้อยเจ้าน่าจะบอกข้าสักหน่อย ข้าจะได้ไม่รู้สึกผิดเพราะทำยาหายมาเป็นเวลานานเช่นนี้ นั่นเป็นยาที่ท่านพ่อต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะได้มา”
“น่าสมเพชนัก น้องหยูเจ้าอย่าทุกข์ใจไป ข้าจะนำยาเม็ดนั้นกลับมาคืนให้เจ้าเอง!”
เจ้าพระยาเซี่ยโกรธมากจนดึงกระบี่ยาวออกมา กระบี่เปล่งประกายเย็นยะเยือก และพุ่งตรงไปที่คอของเย่จายซิงทันที
ความรู้สึกของเขาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต กระบี่นี้ของเขาจะเด็ดศีรษะของนางซื่อบื้อนี่มาให้ได้
เย่จายซิงยังคงไม่รีบร้อน เพียงยิ้มออกมาอย่างเย็นชาเท่านั้น